ดูได้เลยที่บ้าน! 5 หนังคลาสสิกของอังเดรย์ ทาร์คอฟสกี ชมฟรีพร้อมซับฯ อังกฤษ

“ทาร์คอฟสกีคือคนทำหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาค้นพบภาษาใหม่ และเข้าใจลึกซึ้งถึงความหมายของภาพยนตร์” คือถ้อยคำงดงามที่ อิงมาร์ เบิร์กแมน คนทำหนังชั้นครูชาวสวีเดน มีให้แก่ อังเดรย์ ทาร์คอฟสกี คนทำหนังปรมาจารย์ของโลกชาวรัสเซีย

และข่าวดีคือ เราสามารถดูหนังคลาสสิกสุดๆ ของทาร์คอฟสกีได้ที่บ้านแล้ววันนี้ถึง 5 เรื่อง! ชมฟรีแถมมีซับฯ อังกฤษพร้อม! (แถมบางเรื่องมาในคุณภาพระดับ 4K!) ทางช่องยูทูบของค่าย Mosfilm (ซึ่งเป็นค่ายหนังใหญ่ที่สุดของรัสเซีย มีหนังคลาสสิกในคลังมากมายมหาศาล) โดยทั้ง 5 เรื่องได้แก่


Ivan’s Childhood (1962)

หนังยาวเรื่องแรกของทาร์คอฟสกี สร้างจากบทประพันธ์ของ วลาดิมีร์ โบโกโมลอฟ ว่าด้วย “อีวาน” เด็กกำพร้าวัย 12 ปีที่ทำหน้าที่สอดแนมในกองทัพศัตรูช่วงสงคราม ความเด็ดขาดของหนังอยู่ตรงที่แม้ต้นฉบับจะเน้นนำเสนอความโหดร้าย แต่ ทาร์คอฟสกีกลับสามารถสร้าง “ความเป็นกวี” ผ่านฉากฝันและภาพธรรมชาติอันงดงามตราตรึง หนังชนะรางวัลสิงโตทองคำที่เทศกาลหนังเวนิซและทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับอายุน้อยที่สุดของรัสเซียที่คว้ารางวัลระดับโลกมาได้สำเร็จ


Andrei Rublev (1969)

งานชิ้นถัดมาซึ่งนำเสนอมุมมองที่ทาร์คอฟสกีมีต่อรัสเซียยุคศตวรรษที่ 15 ผ่านเรื่องราวของ อังเดรย์ รูบลิยอฟ จิตรกรเอก ผู้มีชีวิตผ่านพบสงคราม ความรุนแรงและความสิ้นหวัง ก่อนจะกอบกู้ศรัทธาที่มีต่อศาสนาและศิลปะขึ้นได้ใหม่อีกครั้ง แล้วสร้างผลงานศิลปะชิ้นยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นดังหนึ่งในจุดเริ่มต้นของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (หนังคว้ารางวัล International Critics’ Prize จากเทศกาลหนังเมืองคานส์)


Solaris (1972)

งานลำดับ 3 ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นงานโด่งดังที่สุดของทาร์คอฟสกี ดัดแปลงจากนิยายวิทยาศาสตร์ของ สตาญิสวัฟ แลม ว่าด้วยนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกส่งไปสำรวจเหตุการณ์ประหลาดในสถานีอวกาศซึ่งโคจรใกล้ดาวเคราะห์ชื่อโซลาริส และที่นั่นเองที่จิตใต้สำนึกของเขาถูกสิ่งลึกลับเข้าครอบงำ จนความทรงจำ ความจริง และความฝันของเขาปะปนกันอย่างเจ็บปวด ทาร์คอฟสกีทำหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนการตอบโต้ต่อ 2001: A Space Odyssey ของสแตนลีย์ คูบริค ซึ่งเขารู้สึกว่าเป็นหนังอวกาศ-อนาคตที่ “ไม่มีความเป็นมนุษย์” (Solaris ได้รางวัล Special Jury Prize จากเทศกาลหนังเมืองคานส์)


Mirror (1975)

การเล่าเรื่องราวของเขาที่ผูกโยงเข้าสู่ภาวะภายในของมนุษย์ ปรากฏอย่างชัดเจนที่สุดในหนังเรื่องนี้ซึ่งแทบจะไม่มีเนื้อเรื่องให้ติดตาม เพราะมันผนวกอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกันอย่างไม่เรียงลำดับเวลา เพื่อถ่ายทอดสิ่งที่น่าจะเป็นอัตชีวประวัติของทาร์คอฟสกีเอง ตั้งแต่ภาพในวัยเด็ก เรื่องของเขากับแม่ พ่อผู้ห่างเหิน อดีตภรรยา และลูก ร้อยเรียงเป็นประสบการณ์ทางภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความเป็นกวีและฉีกขนบการเล่าเรื่อง จนพลอยฉีกเสียงวิจารณ์และการตอบรับของคนดูออกเป็นสองขั้วเมื่อครั้งออกฉาย


Stalker (1979)

สำหรับแฟนๆ จำนวนมากของทาร์คอฟสกีแล้ว นี่อาจจะเป็นความสำเร็จเชิงสุนทรียะสูงที่สุดของเขา หนังเล่าเรื่องโลกในยุคอนาคตอันใกล้ซึ่งมีพื้นที่ลี้ลับเรียกว่า “โซน” เกิดขึ้น และกลางพื้นที่นี้มีห้องหรือ “รูม” ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้ความปรารถนาของผู้ที่ได้เข้าไปเยือนทุกคนเป็นจริง นักวิจารณ์ยกย่องงานชิ้นนี้ว่าเป็นงานที่คอหนังทุกคนสมควรได้ดูก่อนตาย เพื่อที่เรา “จะได้รำลึกอยู่เสมอว่า ภาพยนตร์ถูกคิดค้นขึ้นมาบนโลกเพื่ออะไร”

Related NEWS

LATEST NEWS