ปากคำของคนทำหนังยูเครนกลางไฟสงคราม …ที่บางคนจำจาก บางคนอยากอยู่

สงครามในยูเครนที่ต่อเนื่องมาจนครบสัปดาห์กระทบกระเทือนชีวิตคนยูเครนจำนวนมาก และนั่นรวมถึงคนทำหนัง การถ่ายหนังไม่จบหรือออกไปถ่ายหนังไม่ได้กลายเป็นเรื่องรองเมื่อพวกเขาต้องเอาตัวรอด คนทำหนังยูเครนหลายคนที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาท่ามกลางสงครามที่ร้อนระอุ บางคนหนีออกมา บางคนอยู่ต่อ เหล่านี้คือเสียงที่ร้องเรียกให้คนข้างนอกยื่นมือเข้าไป หรืออย่างน้อยก็เพียงไม่ลืมพวกเขา

จากฝั่งที่หนีออกมา เอเลนา รูบาเชฟสกา (Elena Rubashevska) คนทำหนัง นักข่าว และนักวิจารณ์หนัง กำลังสำรวจโลเคชันหนังเรื่องใหม่ที่ดอนบาส จุดศูนย์กลางข้อพิพาทและพื้นที่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียสนับสนุน เธอตื่นด้วยเสียงจรวดมิสไซล์ตอนเช้ามืดและหนีลงไปยังชั้นใต้ดิน ก่อนจะเสียเวลาหลายชั่วโมงหารถไปเคียฟ เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าแผนของรัสเซียคือถล่มทั้งประเทศ พอไปถึงก็พบว่าที่สถานีรถไฟคนอัดกันจนเดินไม่ได้ และบนรถไฟก็แน่นจนหายใจไม่ออก จากรถไฟ เธอต่อรถบัสและถูกบอกให้ลงเกลางทางเพราะไม่มีเอกสารติดตัว

“พวกเราต้องเดินกันหลายกิโลฯ อากาศหนาวและไม่มีห้องน้ำระหว่างทาง พวกเราเดินต่อกันเป็นแถว อาสาสมัครจากหมู่บ้านข้างๆ เอาผ้าห่มและชาร้อนมาให้ แม้มันจะไม่มีทางเพียงพอ เพราะพวกเรามีกันเป็นพันคน”

อิรีนา ทซิลีก (Iryna Tsilyk) ผู้กำกับสารคดี The Earth Is Blue as an Orange (2020) ที่ได้รางวัลกำกับสารคดียอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังซันแดนซ์ และคนทำหนังที่ติดแบล็กลิสต์ของรัสเซีย เลือกที่จะหนีออกมาจากยูเครนเพื่อสวัสดิภาพของลูกชายวัย 11 ปี โดยสามีที่เป็นนักเขียนได้ตัดสินใจออกไปเป็นกองกำลังตั้งแต่วันก่อนหน้า

“นี่คือสามวันที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของพวกเราชาวยูเครน” เธอกล่าวในบทสัมภาษณ์ “ฉันรู้สึกผิดที่ฉันออกไปสู้เองไม่ได้ เพราะฉันเป็นแม่ ฉันต้องปกป้องลูกของฉัน” เธอบอกว่าทุกคนรู้สึกแย่ที่ต้องจากเพื่อนและครอบครัวอันเป็นที่รัก และเธอจะไม่มีทางเข้าใจคนดอนบาสและผู้อพยพเลยหากไม่ได้เจอเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง “ถ้ารัสเซียยึดเมืองและประเทศของฉันได้ ก็เหมือนมันทำลายโลกทั้งใบของฉันด้วย” เธอว่า “ฉันยอมตายดีกว่าจะเสียมันไป”

ในทางกลับกัน นาตาลยา โวโรซบิท (Natalya Vorozhbit) คนเขียนบทละครเวทีที่กลายมาเป็นคนทำหนัง บอกว่า Demons หนังเรื่องใหม่ของเธอกำลังจะถ่ายเสร็จในอีก 4 วัน แต่สงครามปะทุและเธอต้องหลบลูกระเบิดแทน “ฉันเลือกเองที่จะอยู่” เธอกล่าว “ถ้าคุณเป็นศิลปินในยูเครน คุณจะไม่อยากคุยเรื่องอะไรเลยนอกจากเรื่องสงครามนี่ เราจะฝันถึงการถ่ายหนังเรื่องต่อๆ ไปก็ได้ แต่ฉันแน่ใจว่าเราจะยังทำหนังเกี่ยวกับสงครามต่อไป”

(นาตาลยาทำ Bad Roads ปี 2020 ซึ่งเป็นหนังที่มีฉากหลังเป็นดอนบาส เปิดตัวที่เทศกาลหนังเวนิซ และเป็นหนังที่ยูเครนส่งไปชิงออสการ์สาขาหนังต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้ Donbass หนังตลกร้ายปี 2018 ของเซอเกย์ ลอซนิทซา โฟกัสดอนบาสแบบเต็มๆ และเคยฉายที่คานส์ ก็เป็นหนังที่ยูเครนส่งไปชิงเช่นกัน)

“ฉันมีความรู้สึกว่าพวกเขาแค่อยากจะกำจัดคนยูเครนทุกคนออกไปจากโลกใบนี้” ดาร์ยา บาสเซล (Darya Bassel) คนจัดเทศกาลหนัง Docudays UA International Human Rights Documentary Film Festival ในยูเครนและโปรดิวเซอร์หนังกล่าว ดาร์ยาคือโปรดิวเซอร์ของ A House Made of Splinters (2022) สารคดีที่เพิ่งได้รางวัลกำกับสารคดียอดเยี่ยมที่ซันแดนซ์เมื่อมกราคมที่ผ่านมา เธอเลือกอยู่ต่อแต่ย้ายเมืองเพื่อจัดระบบช่วยเหลือและส่งเสื้อกันกระสุนไปจนถึงพาวเวอร์แบงค์ให้เพื่อนคนทำหนังและนักข่าวที่ยังอยู่ในเคียฟและฝั่งตะวันออกของประเทศเพื่อเก็บฟุตเทจ

“เป้าหมายแรกของการบันทึกภาพคือเก็บหลักฐานทางอาชญากรรมที่พวกรัสเซียกำลังกระทำกับพวกเรา เป้าหมายที่สอง แน่นอนว่าคือการทำหนัง แต่นั่นเอาไว้ทีหลังเถอะ” เธอว่า

ถึงอย่างนั้น เอเลนาก็คิดว่าไม่ใช่แค่ชาวยูเครนที่กำลังเป็นทุกข์ แต่คนรัสเซียก็ด้วย เพื่อนและคนทำหนังที่เธอรู้จักต่างไม่อยากเชื่อว่าสงครามจะเกิดขึ้นจริง “พวกเขารู้สึกทำอะไรไม่ได้ และพวกเขาเองก็กลัวที่จะพูด เราต่างรู้ดีว่าการส่งเสียงของคนธรรมดาหมายความว่าอย่างไรในรัสเซีย พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับการถูกโจมตีอยู่เช่นกัน”

Related NEWS

LATEST NEWS