Home Article Film & Business Business Update : เกาหลีเปิดโรง, อินเดียเปิดกอง และก้าวต่อไปของ Tik Tok

Business Update : เกาหลีเปิดโรง, อินเดียเปิดกอง และก้าวต่อไปของ Tik Tok

Business Update : เกาหลีเปิดโรง, อินเดียเปิดกอง และก้าวต่อไปของ Tik Tok

ท่ามกลางบรรยากาศที่คลี่คลายของภาวะโรคโควิด ธุรกิจภาพยนตร์ก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนิ่ง แม้ว่าบางภาคส่วนจะต้องปรับตัวเข้ากับมาตรฐานในการดำเนินชีวิตใหม่ก็ตาม เรามาติดตามความเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมากัน

Post Covid screening : สัญญาณบวกที่ยังไม่เกิดขึ้น

แม้ว่าหลายประเทศจะยังคงปิดโรงหนังอยู่ แต่ก็มีบางประเทศที่เริ่มต้นฉายหนังมาระยะหนึ่งแล้ว เช่น ประเทศเกาหลีใต้ที่บริษัทจัดจำหน่ายหลายแห่งนำหนังทั้งเก่าและใหม่มาฉายเพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมกลับมาโรงอีกครั้ง ก่อนที่จะปูพรมฉายหนังใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ แต่ดูเหมือนผลตอบรับยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา รายได้ของหนังที่เปิดตัวนั้นทำได้เพียง 7% ของรายได้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยหนังที่ทำรายได้เป็นอันดับหนึ่งก็คือ The Greatest Showman ที่เก็บไปเพียง 205,600 เหรียญจากฉายห้าวันแรก ตามด้วยหนังที่เคยฉายโรงมาแล้วอย่าง The Hitman’s Bodyguard Weathering With You ของ มาโกโตะ ชินไค และ Farewell to My Concubine (ที่เพิ่งฉายในบ้านเราก่อนเกิดวิกฤติโควิดไม่นาน)

ผู้เขียนมีโอกาสพูดคุยกับคนรู้จักที่ทำงานในธุรกิจหนังเกาหลี เขาให้เหตุผลว่า สาเหตุที่คนยังกลับมาดูหนังไม่เต็มที่เป็นเพราะความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ยังมีอยู่ อีกทั้งการระบาดใหม่ที่อีแตวอน (ซึ่งเป็นศูนย์กลางความบันเทิงยามค่ำคืน) ก็ยิ่งตอกย้ำว่าโรคโควิดยังไม่หายไปไหน

การที่บ็อกซ์ออฟฟิศในเกาหลียังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นนี้ สร้างความกังวลใจให้กับผู้จัดจำหน่ายหลายรายที่ตั้งใจเปิดตัวหนังฟอร์มใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ที่จะมาถึง หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็น่าสนใจว่าอุตสาหกรรมหนังเกาหลีจะรับมือกับภาวะซึมเซาอย่างไร


เมื่อบิ๊กในวงการหนังย้ายค่ายมาเป็นผู้บริหารในธุรกิจสตรีมมิ่ง

ข่าวที่สร้างความฮือฮาข่าวหนึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ข่าวการย้ายค่ายของ เควิน เมเยอร์ อดีตประธานฝ่าย Direct to Consumer ของบริษัทดิสนีย์ มารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ให้บริษัท Byte Dance และขณะเดียวกันเขาก็รับตำแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุด (CEO) ของแพล็ตฟอร์มยอดนิยมในขณะนี้อย่าง Tik Tok (ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Byte Dance)

เควิน เมเยอร์สำคัญอย่างไร? ในอดีตเขาเคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของดิสนีย์ถึงขนาดได้รับการคาดหมายว่า จะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทหลังจากอดีตประธาน บ็อบ อีเกอร์ ตัดสินใจวางมือ ดังนั้นการย้ายมาดำรงตำแหน่งสำคัญในบริษัท Bytedance (ที่เพิ่งสร้างความฮือฮาให้กับอุตสาหกรรมหนังจีน ด้วยการลงทุนซื้อหนัง Lost in Russia จากผู้สร้างในราคาถึง 85 ล้านเหรียญแล้วมาฉายแบบสตรีมมิ่งบนแพล็ตฟอร์มโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ชม) จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ก้าวต่อไปของ Bytedance จะเป็นอย่างไร จะเข้ามาเป็นผู้เล่นอีกรายหนึ่งในอุตสาหกรรมหนังจีนหรือไม่ และ แอพ Tik Tok จะมีลูกเล่นใหม่ๆ อย่างไรต่อไป …คงต้องรอเขาพิสูจน์ตัวเองหลังจากที่เคยสร้างความสำเร็จที่ดิสนีย์มาแล้ว


อินเดียได้ฤกษ์กลับมาถ่ายหนัง แต่…

เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศที่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับหนัง ได้ออกแนวทางให้ผู้สร้างหนังต้องปฏิบัติตาม (ประเทศไทยก็รวมอยู่ด้วย) วงการหนังอินเดียก็เช่นกันที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดซึ่งออกโดยสมาคมผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แห่งอินเดีย (Producer Guild of India) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยข้อกำหนดที่สำคัญประกอบด้วย
1. ต้องล้างมืออย่างสม่ำเสมอ
2. ต้องสวมหนากากหนาสามชั้นตลอดการทำงาน
3. หลีกเลี่ยงการจับมือ และการสูบบุหรี่มวนเดียวกัน
4. รักษาระยะทางสังคมตลอดเวลา
5. ให้ผู้สร้างจัดหาแพทย์และพยาบาลมาประจำกองในช่วง 3 เดือนแรก
6. จัดหารถพยาบาลเพื่อกรณีฉุกเฉิน
7. สำหรับหน้าที่ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่หน้ากอง ก็ให้ทำงานอยู่ที่บ้าน

อนึ่ง อินเดียเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด 19 เป็นอันดับ 10 ของโลก เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทสำรวจรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศชื่อ Ormax Media ได้เผยรายงานการวิจัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ชาวอินเดียจะกลับเข้าโรงหนังอีกครั้งหลังจากวิกฤติคลี่คลาย ผลการสำรวจออกมาว่า คนอินเดียร้อยละ 28 ยืนยันว่าจะกลับไปดูหนังในโรงทันทีที่โรงเปิด, ร้อยละ 47 ตอบว่าจะรอ 2-3 สัปดาห์ก่อน และ ร้อยละ 19 ระบุว่าจะรอประมาณ 2-3 เดือน