วาระของโลก หนังควรยาวเท่าไหร่?

กลายเป็นวาระของโลกไปแล้ว เมื่อหนังฟอร์มดีในช่วงปีนี้มีความยาวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.20 ชั่วโมง แทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น No Time To Die (2.43), Eternals (2.36), F9 (2.23), Dune (2.35) และที่กำลังจะตามมาอย่าง House of Gucci (2.37) กับ Don’t Look Up (2.25) ซึ่งสำหรับคอหนังฮาร์ดคอร์อาจจะไม่ได้ยี่หระกับความยาวของมันนัก แต่ในเมืองไทยมันก็ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการขึ้นค่าตั๋วเพราะมันอาจทำให้มีรอบฉายต่อวันลดลง 

เคยตั้งคำถามกันว่า หนังยาว (feature film) กับ หนังสั้น (short film) เราแยกประเภทกันที่ความยาวเท่าไหร่แน่? หากถามหามาตรฐานอาจต้องยกข้อกำหนดของ สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ (The Academy of Motion Picture Arts and Sciences) หรือผู้จัดงานออสการ์ ได้ระบุไว้ว่าหนังยาวที่สามารถเข้าฉายขายตั๋วได้ และเข้าเกณฑ์หนังยาวของสถาบันอยู่ที่ 40 นาทีเท่านั้นเอง! 

นั่นหมายความว่าหนังที่ยาวตั้งแต่ 40 นาทีขึ้นไป จะได้รับการพิจารณาให้เข้าชิงออสการ์ในประเภทหนังยาว แต่ถ้าสั้นกว่านั้นก็จะรวมอยู่ในกลุ่มหนังสั้น ที่ผ่านมาหนังที่ยาวที่สุดที่ชิงออสการ์หนังยอดเยี่ยมคือ Cleopatra (1963) ยาว 3.12 รวมโหมโรงและพักครึ่งเบ็ดเสร็จยาวกว่า 4 ชั่วโมง ส่วนหนังที่สั้นที่สุดที่เข้าชิงหนังยอดเยี่ยมประเภทหนังยาวคือ She Done Him Wrong (1933) ยาวแค่ 66 นาที 

อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่กระบวนการเชิงพาณิชย์ ข้อกำหนดของแต่ละสถาบันก็ยืดหยุ่นกันไป เช่น ซันแดนซ์ กำหนดไว้ที่ 50 นาที และ สมาคมนักแสดง (SAG) กำหนดความยาวไว้ไม่ต่ำกว่า 75 นาที อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเข้าโรงขายตั๋ว ผู้จัดจำหน่ายก็พยายามดันความยาวหนังให้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงไว้ก่อน เช่น Host ที่เล่าผ่านโปรแกรม Zoom มีความยาวจริงแค่ 57 นาทีเท่านั้น แต่พอมาฉายเมืองไทยก็รวมหนังสั้นของผกก. ร็อบ ซาเวจ เรื่อง Dawn of the Deft (12 นาที) ปะหัว และสารคดีการเตรียมงานสร้างชวนช็อคปิดท้ายเครดิต จนมันยาวเกิน 1 ชั่วโมงในที่สุด 

จากปรากฏการณ์นี้มันกลายเป็นที่ถกเถียงขึ้นอย่างมาก แม้กระทั่ง พอล โธมัส แอนเดอร์สัน ที่ปีนี้มี Licorice Pizza ว่าที่หนังกวาดรางวัลต้นปีหน้า ก็ยังออกมาแสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ “ในฐานะคนเขียนบท เรามีความฟุ้งฝันไปเรื่อยและก็ต้องตัดทอนมันลง ซึ่งเอาจริงถ้าปล่อยมันไปก็อาจจะเหมาะกับการเป็นซีรีส์ก็ได้” แอนเดอร์สันบอกว่าเขาไม่คิดที่จะลงเล่นในสนามซีรีส์ และยังมองว่าความยาวหนังที่ดีที่สุดคือ 2 ชั่วโมง “นั่นคือความยาวที่ดีที่สุด ผมพยายามหลายครั้งแต่ก็ทำให้มันยาวเท่านั้นไม่ได้ แต่เชื่อเถอะนั่นคือเป้าหมายของผมในการทำหนัง” 

ถึงแม้จะเป็นความตั้งใจของแอนเดอร์สันว่าหนังทุกเรื่องของเขาต้องอยู่ใน 2 ชั่วโมงให้ได้ แต่จากหนัง 9 เรื่องที่ผ่านมา มีเพียง 2 เรื่องเท่านั้นที่ไม่ถึง 2 ชั่วโมง คือ Hard Eight (1.42) กับ Punch-Drunk Love (1.35) และหนังที่ยาวสุดคือ Magnolia (3.08) ส่วน Licorice Pizza ก็ทะลุไปที่ 2.13 ชั่วโมง 

เมื่อปี 2016 ดร.แรนดัล โอลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าความยาวของหนังบล็อกบัสเตอร์จะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังความสำเร็จของกลุ่มหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั้งดีซีและมาร์เวล จนมันเกิดการพูดถึงอย่างจริงจังเมื่อปี 2019 ตอน Avengers: Endgame เข้าฉาย ซึ่งยาว 3.01 ชั่วโมง 

จากของมูลของโอลสัน ได้ทำการสำรวจความยาวหนังทำเงินตั้งแต่ทศวรรษ 1930 จนถึงทศวรรษ 2010 พบว่าความยาวหนังฮิตค่อยๆ ไต่ระดับมาจนสูงสุดที่ทศวรรษ 1960 ความยาวเฉลี่ยที่ 130 นาที และมันค่อยๆ ลดลงมาจนต่ำกว่า 2 ชั่วโมงในช่วง 1980-1990 ก่อนจะทะยานกลับมายาวกว่า 130 นาทีอีกครั้งหลัง 2010 

ดูชาร์ตความยาวของหนังในแต่ละช่วงเวลาได้ที่ http://www.randalolson.com/2014/01/25/movies-arent-actually-much-longer-than-they-used-to-be/

โอลสันบอกว่า “ช่วงราวปี 1985-2000 ความยาวเฉลี่ยของหนังจะกลับไปเทียบเท่ากับช่วงก่อนยุค 1960 นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนยุคมิลเลเนียม (เกิดปี 1980-2000) จึงมีความคิดว่าหนังยาวขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันยาวกว่าหนังที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก แต่ขณะที่คนเจนเอ็กซ์ขึ้นไปจะไม่เข้าใจว่าเด็กรุ่นใหม่เป็นอะไรกับความยาวหนังขนาดนี้” 

อย่างไรก็ดี โอลสันบอกว่าความยาวหนังที่ผันแปรไปในแต่ละยุคสมัยก็มีเหตุผลของมัน โดยเฉพาะช่วง 1960-1970 นั้น ผู้สร้างพยายามทำหนังเพื่อดึงดูดคนให้ออกจากบ้าน แข่งกับโทรทัศน์ที่กำลังเริ่มแพร่หลาย การทำหนังให้ ‘ใหญ่และยาว’ เช่น Lawrence of Arabia (1962 ยาว 3.48) จึงเย้ายวนให้คนควักเงินซื้อตั๋วเข้าไปดูมากขึ้น

พอเข้าสู่ยุค VHS ผู้สร้างก็พร้อมใจกันจำกัดความยาวให้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อให้มันสามารถบรรจุอยู่ใน VHS ม้วนเดียวได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหนังในช่วง 1985-2000 จึงยาวเฉลี่ยแค่ประมาณ 90 นาทีเท่านั้น 

และการที่มันไม่มีข้อจำกัดเรื่องความยาวหนังเพื่อลงวัสดุความบันเทิงอย่าง VHS หรือ ดีวีดี เข้าสู่ยุคสตรีมมิ่ง ความยาวของหนังจึงมีแนวโน้มกลับไปสู่ยุคมหากาพย์อย่าง 1960 อีกครั้ง


ข้อมูลประกอบ 

https://www.indiewire.com/2021/11/paul-thomas-anderson-movies-two-hours-long-1234681165/

https://www.businessinsider.com/are-movies-getting-longer-2016-6

https://noamkroll.com/how-long-does-a-movie-need-to-be-to-qualify-as-feature-film-length-it-may-be-less-than-you-think/

Related NEWS

LATEST NEWS