“เราคุยกันในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์โลก ที่เขาเชื่อว่าอเมริกาจะเริ่มเปิดโรงหนังในเดือนกรกฎานี้ ในยุโรปหลายประเทศก็เปิดโรงหนังแล้ว ส่วนในเอเชียที่วันนี้เปิดแล้วคือ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ปลายมิถุนายน มาเลเซีย สิงคโปร์ก็ทยอยเปิด ดังนั้นอุตสาหกรรมโรงหนังจะเริ่มเข้าลูปในเดือนกรกฎาคมนี้แน่นอน” วิชา พูลวรลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ไว้กับ marketeeronline.co ด้วยความมั่นใจว่าโรงหนังจะกลับมาเต็มรูปแบบในเดือน ก.ค. หลังจากอยู่ภายใต้ความเงียบเหงาทั่วกันทั้งโลกมาตลอดช่วงโควิด…แต่นั่นเป็นการคาดการณ์บนข้อมูลที่ว่า Mulan และ Tenet สองหนังยักษ์ใหญ่จะลงสนามพร้อมกันทั้งโลก ซึ่ง ณ ตอนนี้ ทั้งสองเรื่องตัดสินใจเลื่อนฉายไปเดือนสิงหาคมแล้วเรียบร้อย
การขยับของหนังทั้งสองเรื่องสะเทือนไปทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่โรงหนังโลคัลภาคอีสานอย่าง MVP ที่มีอยู่ 4 สาขาในจังหวัด บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, เลย และกาฬสินธุ์ ซึ่ง คมกฤช พิพัฒน์ภานุกูล กรรมการผู้จัดการ บ.มูฟวี่ พาร์ทเนอร์ จำกัด บอกว่าหลังจากเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ยังไม่มีวันไหนเลยที่โรงหนังจะคึกคักเหมือนเช่นทุกวันก่อนจะเกิดโควิด ถึงขนาดบางวันมีรายได้รวมกันทั้งสี่สาขาแค่ราว 1 หมื่นบาทก็มี
แล้วการเลื่อนฉายของ Mulan กับ Tenet มันส่งผลสะเทือนถึงโรงหนังโลคัลอย่างไร?
“ตั๋วหนังที่ขายทั้งหมดในประเทศไทย มาจากหนังฮอลลีวูด 80%” คมกฤชเท้าความ “นั่นหมายความว่าตลาดหนังเมืองไทยไม่ได้พึ่งพาหนังโลคัลเท่าไหร่เลย ฉะนั้นการกลับมาเปิดโรงหนังรอบนี้ก็จะครบเดือนแล้ว มันย่ำแย่มาตลอด อย่างไตรมาสที่ 2 ปกติเป็นคิวทองของโรงหนังเลย ถ้าไม่มีโควิดป่านนี้ก็จะมี Wonder Woman 1984 มี Black Widow แต่ปรากฏโควิดมันมาไตรมาส 2 เลย โอ้โห ที่สุดของแจ้ (หัวเราะ)”
ดังนั้นหลังจาก ศบค. ปลดล็อคโรงหนังเมื่อ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา โรงหนังทั้งประเทศก็กลับมาให้บริการอีกครั้งแบบไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นบางโลเคชั่นมี 15 จอ อาจจะเปิดฉายแค่ 10 จอ เป็นต้น “จริงๆ ผมไม่อยากเปิดด้วยซ้ำ ผมกลับมาเปิดวันที่ 6 นู่น ผมมองว่า ‘พจมาน สว่างคาตา’ ที่ฉายเป็นโปรแกรมแรกหลังโควิด มันน่าจะพอได้ และถ้าเปิดมาอย่างมากก็แค่แย่ไปสักสามอาทิตย์ รอ Mulan เดือนกรกฎาคม อย่างน้อยก็ให้ลูกน้องได้ทำงาน ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าผมเป็นเจ้าของ Mulan ผมก็เลื่อนออกไปอีกนะ เพราะมาเปิดตอนนี้ต่อให้คนดูเต็มยังไง ก็ได้แค่ 25% ของ capacity เดิมเท่านั้น ตามมาตรการ social distancing ที่มีเหมือนกันเกือบทั้งโลก”
ปัจจัยที่จะทำให้คนกลับมาดูหนังในโรงอีกครั้งคืออะไร?
“ผมเชื่อว่าคนพร้อมนะ” คมกฤชกล่าว “แต่ว่าตอนนี้กติกาไม่พร้อม และหนังก็ไม่พร้อม กติกาคือตอนนี้เรายังต้องเว้นระยะห่างในโรงกันอยู่ ขณะที่คอนเทนต์ก็ยังไม่มีอะไรดึงดูด เพราะต้องยอมรับว่าเรายังต้องพึ่งพาฮอลลีวูดอยู่เยอะ แล้วลองดูต่างประเทศสิ โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ อย่างอเมริกากับจีน โรงเบอร์หนึ่งอย่าง AMC นี่เผลอๆ อาจจะไม่ได้กลับมาครบเหมือนเดิมด้วยซ้ำ จีนที่เหมือนจะดีๆ ก็กลับมาระบาดที่ปักกิ่ง ถ้าคุณเป็นเจ้าของหนังฮอลลีวูดคุณจะเอาหนังเข้าฉายช่วงนี้มั้ยล่ะ ถ้าไม่ได้ฉายที่จีนกับอเมริกา เพราะถ้านับรายได้ทั่วโลก รายได้จากสองประเทศนี้รวมกันมันวัดเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ล่ะ Mulan เนี่ยชัดสุด คิดว่ารายได้หลักจากทั่วโลกจะมาจากไหนถ้าไม่ใช่สองประเทศนี้ แล้วถ้าอเมริกากับจีนยังไม่พร้อม หนังก็ต้องขยับไปอีก เราก็ต้องอยู่กันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เมืองไทยผมว่ากลางกรกฎาคมก็คงปลอดภัยสุดๆ แล้วแหละ เหลือแค่อเมริกากับจีน ถ้าตอนนั้นฮอลลีวูดยังไม่มา แต่คนดูพร้อมแล้ว กติกาพร้อมแล้ว ตอนนั้นก็อาจเป็นโอกาสของหนังโลคัล ตอนนี้ทุกค่ายก็มีโปรดักต์อยู่ในมือ ผมก็มี ‘รักหนูมั้ย’ ของทีม ‘ไทบ้านเดอะซีรีส์’ สหมงคลฟิล์มเขาก็มี แต่ถ้ากติกายังไม่พร้อมก็คงยังไม่กล้าปล่อยหนังออกไปหรอก”
อีกนานไหมกว่าโรงหนังจะกลับมาเหมือนเดิม?
แม้ว่าทั้ง Mulan และ Tenet โปรแกรมใหญ่ฮอลลีวูดจะจิ้มกำหนดฉาย (ในตอนนี้) เอาไว้แล้วที่เดือนสิงหาคม และยังมีหนังฟอร์มโตอีกหลายเรื่องที่อั้นเอาไว้ช่วงปลายปี แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ในอเมริกาอีกทีว่ากติกาการดูหนังจะเอื้อให้หนังทุนสูงเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ในระดับที่คุ้มทุนสร้างมหาศาลได้หรือยัง ถ้าถึงตอนนั้นยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ คงไม่แคล้วต้องมีการเลื่อนฉายหนังออกไปอีก และโรงหนังรายย่อยในประเทศต่างๆ ก็ต้องประคับประคองสถานการณ์เช่นนี้กันต่อไป
“ผมว่าอีกพักใหญ่ๆ เลยแหละ ใครบอกว่าอีกไม่นาน ผมไม่เชื่อ” คมกฤชกล่าว