INTERVIEW

เพราะชีวิตคนต้องมาก่อน …ธนา – พระนครฟิลม์ ยุติเพื่อตั้งหลัก

วันที่ชัดเจนที่สุดคือวันถอดหน้ากากอนามัย ไม่ใช่แค่ในประเทศเราประเทศเดียวด้วยนะ ต้องถอดพร้อมกันทั้งโลกเราถึงจะเห็นว่าแนวทางหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ฝนซาฟ้าใหม่ถ้าตั้งหลักได้เราก็อาจจะกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เพราะความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถเราก็มีกันอยู่แล้ว แต่ความชัดเจนในชีวิตของทุกคนต้องมี

ผลพวงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ทำให้เกิดสุญญากาศของวงการหนังไทยและรวมไปถึงวงการหนังโลก โรงหนังปิดยาวนานกว่าเดือน หนังเลื่อนฉายพร้อมเพรียงกัน หนังหลายเรื่องหยุดการผลิตกลางทาง โดยไม่นับว่าหลังเข้าสู่ภาวะปกติแล้วจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกนานแค่ไหน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของวงการหนังไทย เมื่อธุรกิจภาพยนตร์กลุ่มธนาซีเนเพล็กซ์ อันประกอบไปด้วยโรงหนังธนาซีเนเพล็กซ์, ธนาเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และพระนครฟิลม์ ตัดสินใจปรับลดพนักงานและยุติการดำเนินธุรกิจภาพยนตร์ลงเป็นที่เรียบร้อย

การตัดสินใจเช่นนี้ของเครือธนาฯ ย่อมส่งสัญญาณว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทางธุรกิจภาพยนตร์หลังจากนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากบทบาทสำคัญของธนาฯ นอกจากการเป็นค่ายหนังและโรงหนังท้องถิ่นแล้ว ยังมีสถานะเป็นสายหนังแห่งเดียวในภาคเหนือและภาคกลางอีกด้วย… โอกาสนี้เราจึงต่อสายคุยกับ ธวัชชัย พันธุ์ภักดี ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทในเครือธนาฯ ระหว่างเก็บตัวอยู่ในบ้านท่ามกลางภาวะโรคระบาดในทันที

“ผมอยากใช้คำว่ายุติเพื่อตั้งหลักมากกว่า” ธวัชชัยว่า “พอเกิดเหตุการณ์โควิด-19 มันทำให้การดำเนินธุรกิจของเราหยุดหมดเลยนะ ทีนี้เราก็ต้องมานั่งทบทวนอีกว่ามันจะไปจบเมื่อไหร่ จะใช้เวลาบูรณาการและฟื้นตัวอีกนานแค่ไหน พอเป็นแบบนั้นเราก็ต้องหันมามองที่คนของเราล่ะว่าจะทำอย่างไรกับพวกเขาดี”

ธุรกิจของเครือธนาฯ นอกจากที่เรากล่าวมาทั้งหมดแล้ว ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่งเมื่อประเมินผลประกอบการในช่วงที่วงการหนังหยุดชะงักไปก็พบว่า “เราคำนวณดูแล้ว มีแต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นที่มันไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่นัก นอกนั้นไม่มีรายได้เข้ามาเลย โรงหนังและสายการผลิตเราจะทำยังไงกับมันดี”

เมื่อจำเป็นต้องตัดสินใจลดบทบาทของบริษัทในเครือ ธวัชชัยจึงมองว่าเป็นเวลาที่จะต้องลดจำนวนพนักงานลงเกินครึ่ง “จริงๆ มันมีหลายวิธีนะ เช่น ปรับลดเงินเดือนลง 50% ระหว่างที่เรายังดำเนินธุรกิจต่อไม่ได้เพื่อเลี้ยงพนักงานไว้ แต่พนักงานส่วนใหญ่เงินเดือนไม่ได้เยอะอะไรอยู่แล้ว ทั้งพนักงานโรงหนัง เช็คเกอร์ สมมติบางคนได้ 7,500 บาท เราให้เขาเดือนละ 50% ถามว่าเขาอยู่ได้หรือ? แล้วเราจะกั๊กเขาไว้ทำไม ผมดูแลพนักงานเป็นร้อยคนผมต้องนึกถึงชีวิตคนของเราก่อน ดังนั้นการที่ผมตัดสินใจเช่นนี้แล้วจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานถูกต้องทุกอย่าง เอาจริงๆ ก็ร่วมสิบล้านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าชีวิตจะต้องดำเนินต่ออย่างไร ผมต้องรักษาชีวิตคนเป็นอันดับแรก บางคนอยู่กับเรามาเป็นสิบปี โอเคอาจจะมีดราม่าเกิดขึ้นภายในแต่ผมว่ามันดีกว่า เขามีเงินสำรองไว้ใช้ในช่วงวิกฤตแบบนี้และมีเวลามองหาลู่ทางว่าจะจัดการยังไงกับชีวิตต่อไป

“มันเหมือนเราเลิกเพื่อมาตั้งหลัก เพราะไม่มีใครเข้ามารองรับผลกระทบตรงนี้เราก็ต้องประคับประคองไปก่อน ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร วันที่ชัดเจนที่สุดคือวันถอดหน้ากากอนามัย ไม่ใช่แค่ในประเทศเราประเทศเดียวด้วยนะ ต้องถอดพร้อมกันทั้งโลกเราถึงจะเห็นว่าแนวทางหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ฝนซาฟ้าใหม่ถ้าตั้งหลักได้เราก็อาจจะกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เพราะความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถเราก็มีกันอยู่แล้ว แต่ความชัดเจนในชีวิตของทุกคนต้องมี”

ณ ตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า โรงหนังธนาซีเนเพล็กซ์ จะยุติการดำเนินธุรกิจเพื่อทบทวนบทบาทใหม่ของตัวเองอีกครั้ง เรามาลองดูธุรกิจหนังส่วนอื่นๆ ที่น่าจะสั่นสะเทือนวงการหนังไทยไม่น้อย อย่าง พระนครฟิลม์ และ สายหนัง ว่าธวัชชัยจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

พระนครฟิลม์

“อันที่จริงเรากำลังจะครบ 20 ปีพอดี ยังคุยกันด้วยความภาคภูมิใจว่าเราพาบริษัทมาถึงขนาดนี้ได้ แต่พอโควิดมามันพาล่มหมดทุกอย่างเลย (หัวเราะ) ปกติเราก็ไม่ได้ใช้คนเยอะ มีฟรีแลนซ์บ้าง ตอนนี้เราเหลือไว้แค่ 1 คนเพื่อดูแลงานที่ตกค้างอยู่ ส่วนคนอื่นที่มีความสามารถด้านต่างๆ ก็มีโยกไปดูแลส่วนของอสังหาฯ บ้าง ซึ่งแชแนลยูทูบยังเป็นช่องทางเดียวที่พอมีรายได้เข้ามาอยู่ของพระนครฯ เราเลยยังสรรหาคอนเทนต์มาลงในเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่คนส่วนใหญ่อยู่กับบ้าน ยอดผู้ชมและยอดผู้ติดตามก็เยอะขึ้นอย่างชัดเจน เพราะในช่องของเรามีหนังเป็นร้อยเรื่องให้ดูฟรี

“ส่วนโปรเจกต์ที่ค้างคาอยู่ตอนนี้มี ‘หลวงพี่กับอีปอบ’ ซึ่งมันจะเสร็จเป็นก๊อปปี้เอแล้ว แต่เกิดปัญหาคือน้องในทีมที่ทำซีจีเป็นไข้ก็ต้องกักตัว แล็บเขาก็ไล่พนักงานกลับไปทำงานที่บ้าน ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้เขาก็ไม่อยากทำงานกัน เดิมทีวางโปรแกรมเอาไว้เมษายนก็ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด รอให้ทุกอย่างมันเข้าที่ค่อยกลับมาสานต่อให้เสร็จ

“‘บักแตงโม’ ที่จริงเหลืออีกนิดเดียวจะถ่ายทำเสร็จแล้ว แต่ซีนสุดท้ายมันต้องไปถ่ายที่ประเทศเพื่อนบ้าน ปรากฏว่าเขาปิดพรมแดนเราเข้าออกประเทศไม่ได้ ก็ต้องหยุดไปก่อน และอีกโปรเจกต์คือ ‘คุณชายใหญ่’ ของพี่หม่ำ จ๊กมก เราก็คุยกับเขาแล้วว่ารอสถานการณ์มันชัดเจนกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่ ซึ่งเขาก็เข้าใจ”

สายหนัง

ในปัจจุบันรูปแบบการฉายหนังในต่างจังหวัดยังคงพึ่งพาการจัดจำหน่ายของสายหนัง แต่ไม่แน่ว่าหลังจากพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปแล้ว ทุกอย่างอาจไม่เหมือนเดิม เพราะธนาฯ มีเครือข่ายสายหนังแต่เพียงผู้เดียวในภาคเหนือและภาคกลาง ซึ่ง ณ ตอนนี้ธวัชชัยยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกลับสู่สภาวะปกติ

“เอาจริงๆ มันอาจจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้ในตอนนี้เพราะเราเอง กับโรงหนังเครืออื่นๆ อย่างเมเจอร์ฯ เอสเอฟฯ ก็ยังคุยกันอยู่ทุกวัน ซึ่งก็ไม่มีความชัดเจนอะไรสักอย่างเพราะอย่างที่บอกว่าไม่รู้มันจะไปจบที่ตรงไหนและใช้เวลาฟื้นฟูอีกนานเท่าไหร่ ถึงตอนนั้นเราอาจจะต้องกลับมาคุยกันอีกรอบ”

ธนาซีเนเพล็กซ์และบริษัทในเครือ นับเป็นผู้ประกอบการธุรกิจด้านภาพยนตร์มาเป็นเวลานาน ผ่านทั้งยุคตกต่ำและรุ่งเรืองมาหลายครั้ง วิกฤตโรคระบาดในปีนี้ที่เกิดขึ้นในวาระครบรอบ 20 ปีพระนครฟิลม์นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของบริษัทและวงการหนังไทยทั้งหมด นี่คือคลื่นระลอกแรกที่กระทบฝั่งหนังไทยจากไวรัสโคโรน่าอันนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่น่าติดตาม

ยังสามารถดูหนังเต็มเรื่องและคอนเทนต์สนุกๆ ของพระนครฟิลม์ได้ทาง YouTube Channel : พระนครฟิลม์ Phranakornfilm ยังมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องจ้ะ

LATEST