ถึงตอนนี้ Mulan ผลงานการตีความใหม่ของ นิกิ คาโร ที่ได้ หลิวอี้เฟย, ดอนนี เยน และ ก่งลี่ มานำแสดง จะยังไม่ได้ฉายเสียทีหลังจากเลื่อนแบบนาทีสุดท้ายมาแล้วสองรอบเพราะโควิด 19 อันที่จริงหนังหลายเรื่องก็โดนชะตากรรมเดียวกัน แต่กับ Mulan แล้วมันถูกเล่นงานรอบทิศทางจนบางทีดิสนีย์อาจจะอยากฉายให้จบๆ ไปได้แล้ว ถ้าไม่ติดที่ทุนสร้างมันสูงถึง 200 ล้านเหรียญฯ และมีตลาดจีนอันไพศาลรอให้การสนับสนุนอยู่
2 ก.ค. ต่อเนื่องถึง 3 ก.ค. จู่ๆ #BoycottMulan ก็ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย ซึ่งปรากฏการณ์นี้เปรียบเสมือนบทสรุปสิ่งที่ Mulan พยายามจะก้าวผ่านมันไปอย่างทุลักทุเลมาโดยตลอด เรามาทบทวนกันอีกสักทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนังบ้าง
– ย้อนกลับไปเมื่อ สิงหาคม 2019 หลังจากทีเซอร์ Mulan ถูกปล่อยมาเรียกเสียงฮือฮาใหม่ๆ ก็เป็นจังหวะคาบเกี่ยวกับที่การจลาจลในฮ่องกงกำลังร้อนแรง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเข้าปรามผู้ชุมนุม จากนั้นนางเอก หลิวอี้เฟย ก็แสดงความเห็นใน เว่ยป๋อ ว่าเธอสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง
– ชาวเว่ยป๋อในจีนส่วนใหญ่เป็นกำลังใจให้เธอ แต่กระแสในทวิตเตอร์กลับสวนทางกัน จนทำให้เกิด #BoycottMulan ขึ้นเป็นครั้งแรก
– ชาวโลกและสื่อมวลชนรอดูท่าทีของดิสนีย์ต่อเหตุการณ์นี้ แต่อย่างที่รู้กันว่า งบที่ลงไปถึง 200 ล้านเหรียญฯ กับหนังที่มีฉากหลังและนักแสดงเชื้อสายจีนขนาดนี้ย่อมหวังรายได้จากจีนเป็นหลัก ทำให้ดิสนีย์นิ่งเฉยกับกระแสต่อต้าน โดยซีอีโอดิสนีย์ บ๊อบ ไอเกอร์ บอกว่าต้องการวางตัวเป็นกลางต่อสถานการณ์ดังกล่าว แม้จะถูกกดดันจากทุกสารทิศก็ตาม
– ส่วนหลิวอี้เฟยก็งดออกความเห็นในเรื่องนี้อีก เพราะเธอบอกว่ามันละเอียดอ่อนเกินไป
– การนิ่งเฉยของทั้งดิสนีย์และหลิวอี้เฟย ทำให้ Mulan ถูกเหมาว่าเป็นหนังที่สนับสนุนความรุนแรง และกลายเป็นหนังที่มีภาพลักษณ์ผูกติดกับการประท้วงในฮ่องกงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
– กระแส Boycott Mulan ยังไม่ทันจางหาย โควิดก็เข้ามา เดิมหนังวางกำหนดเอาไว้ 12 มีนาคม 2020 แต่ โควิด 19 เริ่มระบาดหนักตั้งแต่ต้นปี โดยศูนย์กลางอยู่ที่อู่ฮั่น ประเทศจีน และบังเอิญว่าเป็นบ้านเกิดของหลิวอี้เฟย
– ช่วงต้นปีที่โควิดเริ่มระบาดออกนอกประเทศ เกิดการเหยียดชาวเอเชียรุนแรงในแถบยุโรปและอเมริกา ถึงขนาดว่ามีการทำลายป้ายโฆษณาหนัง Mulan หลายแห่งในอเมริกา ซึ่งกำหนดฉายของ Mulan ก็เข้าใกล้มาทุกที
– กระนั้นดิสนีย์ก็ยังจัดงานเปิดตัวหนังอย่างยิ่งใหญ่ แม้ว่าโลกกำลังสั่นคลอนแค่ไหนก็ตาม ซึ่งงานนี้เองที่หลิวอี้เฟยดันให้สัมภาษณ์ว่าเธอ “ภูมิใจที่เป็นคนเอเชีย” ก็เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ในช่วงเวลาที่คนจีนกำลังตกเป็นจำเลยของชาวโลกเรื่องโควิด บางทีบทสัมภาษณ์ที่เหมือนจะไม่มีอะไรนี้ก็กระทบจิตใจชาวจีนได้เหมือนกัน กระแสในเว่ยป๋อที่เคยสนับสนุนหลิวอี้เฟยเมื่อม็อบฮ่องกง ตีกลับทันทีเพราะกะอีแค่บอกว่า “ภูมิใจที่เป็นคนจีน” มันยากตรงไหน?
– หลิวอี้เฟยโดนคนจีนไล่ไม่ต้องกลับมาทำมาหากินในจีนอีก
– Mulan เลื่อนหนังหนีโควิด รอบแรกเลื่อนมา 24 ก.ค. แต่ดูท่าว่าโรงหนังจะยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มร้อยทั้งจีนและอเมริกา ดิสนีย์เลื่อนอีกรอบเป็น 21 ส.ค.
– สภาประชาชนจีน ผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกง เมื่อ 30 มิ.ย. หรือ 1 วัน ก่อนวันครบรอบอังกฤษส่งคืนฮ่องกงให้จีน ซึ่งมักมีการชุมนุมเป็นประจำทุกปี
– กฎหมายนี้อาจลดทอนสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง โดยเฉพาะการเปิดช่องให้จีนเข้ามาแทรกแซงการดำเนินคดีฮ่องกงได้ แถมยังสามารถจัดการและดำเนินคดีผู้ชุมนุมได้เต็มที่ด้วย โดยอ้างเพื่อรักษาความมั่นคง
– ชาวโลกพร้อมใจยืนเคียงข้างชาวฮ่องกง กระทั่งแคมเปญ #BoycottMulan ถูกขุดมาใช้อีกครั้ง เริ่มต้นที่เกาหลี โดยในวันที่ผ่านกฎหมาย เหล่านักศึกษาและผู้สนับสนุนประชาธิปไตย เดินทางไปชุมนุมกันที่สำนักงาน วอลต์ดิสนีย์ เกาหลี เพื่อกดดันให้ค่ายยกเลิกการฉาย Mulan โดยให้เหตุผลว่าผู้ที่สนับสนุนให้รัฐใช้ความรุนแรงและเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยไม่ควรอยู่ในหนังเรื่องนี้
– มีคนวิเคราะห์ว่าการแสดงออกด้วยวิธีนี้ของชาวเกาหลีนั้นน่าสนใจ เพราะเป็นการแสดงออกทางการเมืองอย่างสันติและเป็นการกดดันในภาคธุรกิจแทนภาครัฐ ที่น่าจะส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมกว่า
– จากเกาหลี มาถึงไทย #BoycottMulan ขึ้นอันดับ 1 ทวิตเตอร์ไทย จากกลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตย
– ทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นในทุกช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการโปรโมทหนัง ทำให้แผนสะดุดหัวทิ่มทุกครั้งไป แล้วก็จบด้วยการเลื่อนหนังออกไปเรื่อยๆเพราะโควิด แน่นอนว่าไม่ใช่ผลดีต่อหนังเลย เพราะราวกับว่าขณะนี้ Mulan บอบช้ำเต็มทีแล้ว