Not One Less : Not One Sis เมื่อชีวิตสู้กลับ

(1999, Zhang Yimou)

ถ้าโครงสร้างสังคมไม่ support อิหญิงมันต้องสู้ชีวิตอีก กี่สิบ กี่ร้อยครั้ง

เข้าเรื่องเลยนะคะซิส คือไปดูสัตว์วิเศษรอบสามมา อย่างไรก็ดี ระหว่างการรอดูฉากแรกของหนังด้วยใจจดจ่อ เฮ้าส์ก็บรรจงส่งตัวอย่างหนังเรื่องหนึ่งมาให้ดู เราก็เพลินๆ ดูตัวอย่างไปพลางๆ ชีวิตครูสาว ต้องมาสอนเด็กอายุไล่เลี่ยกัน อีเด็กก็เวรมาก วิ่งเล่น วันดีคืนดีมีเด็กหนีไปทำงานในเมือง ครูสาวเลยต้องไปตามกลับมาเรียนหนังสือ ฟุตเทจตัดสลับไปมาถึงวิบากกรรมชะตาชีวิต นอนข้างถนน เขียนใบปลิว รันทดจนแบบ ไหนมันจะขนาดไหน!!! รู้สึกถึงพลังการต่อสู้ ได้ หนังมันตะโกนเรียกเรา ดังนั้นกะเทยตัดสินใจ ได้ ฉันจะดูเรื่องนี้!!!! ตัดสินใจหารอบ อะ อีเวร ยังค่ะ ยังไม่เข้า ไม่ใช่ไม่เข้าเรื่องนะ หนังยังไม่เข้า 

นั่นแหละค่ะ เกริ่นนำ #อ้าวกะเทย เท่ากับตอแหลที่บอกว่าเข้าเรื่องคือไม่จริงค่ะ 

เข้าเรื่อง (จริงๆ แล้วนะ) ก็คือเข้าโรงมาก็จะเห็นว่า หนังถ่ายทอดบรรยากาศเมืองชนบท ไกลปืนเที่ยง ครูสาวชื่อ เหว่ย เดินทางมาเป็นครู แทนครูเกาที่ต้องลาไปเฝ้าไข้แม่ 1 เดือน ฟังดูปกติใช่มั้ยคะ แต่ความจริงคือ ครูเหว่ย ชีอายุ 13 ปี เพิ่งจบชั้นประถม ความรู้ความสามารถไม่ค่อยมี ชีจะเอาอะไรมาสอน แล้วเด็กที่มาเป็นลูกศิษย์ชี คือลูกชาวบ้านในชนบทที่ยากไร้ เรียนรวมนะคะ ไม่มีแบ่ง บางคนเขียนได้ บางคนพูดยังไม่ค่อยจะชัดเลย อีเวร แล้วครูเราคนเดียวจะเอาอะไรไปสู้ 13 คือแค่ ม.1 บางคน ป. 6 ยัยครูสาว หล่อนเป็นได้มากสุดแค่เป็นพี่ใหญ่เท่านั้น อายุก็ไม่ได้ห่างจากลูกศิษย์เลย แล้วไม่ใช่ 3-4 คนค่ะ สิริรวมประมาณ 28 คน 

มาถึงโรงเรียนวันแรก ครูเกาคือเทโรงเรียนไปเลยค่ะ เหมือนหมดคิว #อีเวร ก็คือไปเลย มีแค่การบรีฟว่า ไหนอีหนูทำอะไรได้ ยัยครูเหว่ยก็บอกร้องเพลงได้ ร้องไปก็ผิดๆ ถูกๆ บอกคัดหนังสือได้ งั้นคัด คัดแล้วบอกให้เด็กคัดตาม แจกชอล์ก บอกใช้ได้วันละแท่ง ชอล์กแพง แดดส่องถึงยอดเสาปล่อยเด็กกลับบ้าน ถ้าเด็กมันเก่งมาก ก็ให้มันไปวิ่งเล่น แล้วค่อยกลับมาคัดต่อ ห้องพักครูอยู่ตรงนี้ ที่นอนอยู่ตรงนี้ เตียงไม่พอต่อเอา เอาเด็กชะนีเข้ามานอนในนี้ เด็กผู้ชายไปนอนข้างนอก บรีฟเสร็จ เช้ามาไปเลย!!! กะเทยบอก กรี๊ดดดด อีครูเหว่ย หล่อนจะไหวใช่มั้ย ครูเหว่ยวิ่งตามรถไป กะเทยนึกว่าจะไปถามอะไร ตอนแรกกะเทยดูในตัวอย่าง เสียงบรรยายภาษาอังกฤษบอก ชีมาด้วยหัวใจ แต่เอาเข้าจริงชีวิ่งตามอย่างหนักหน่วงเพราะอะไรคะ ชีมาเพราะเงิน งานนี้ ความชุบชูชีวิตลดลง แต่ความเป็นจริงเพิ่มขึ้น จริงที่เงินมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต 

ครูเหว่ยวิ่งตามรถไป กะเทยนึกว่าจะไปถามอะไร ตอนแรกกะเทยดูในตัวอย่าง เสียงบรรยายภาษาอังกฤษบอก ชีมาด้วยหัวใจ แต่เอาเข้าจริงชีวิ่งตามอย่างหนักหน่วงเพราะอะไรคะ ชีมาเพราะเงิน งานนี้ ความชุบชูชีวิตลดลง แต่ความเป็นจริงเพิ่มขึ้น จริงที่เงินมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต

อะกลับมาที่ครูสาว กะเทยบอกไหน ขอดูหน่อยซิ ว่าครูสาวจะมีพลังอะไรปังๆ บ้าง สรุป บ้งตั้งแต่วันแรก เอาเด็กไม่อยู่ จัดการเด็กไม่ได้ โดนผู้ใหญ่บ้านด่าแล้วหนึ่ง พอผู้ใหญ่พาเด็กเคารพธงชาติ ต้อนเด็กเข้าห้องได้ ชีครูเหว่ยเขียนกระดาษเสร็จ บอกเด็กคัดเลย ไม่สนใจ คัดไม่เสร็จห้ามกลับ ฟาดๆ เยี่ยวๆ ดูไปด่าไป อีเวร นี่เด็กนะ ไปสั่งมันอย่างนั้นมันจะทำมั้ย ลืมไป นางเอกอายุ 13 กะเทยตอนอายุ 13 น่าจะไม่ประสีประสา ไร้สติกว่าครูเหว่ยอีก ดังนั้นดูกันต่อ กุมมือภาวนาให้ชีรอด สรุปชีไม่รอดค่ะ เพราะเด็กตีกัน โต๊ะล้ม ชอล์กกระจายตายห่าทั้งกล่อง มีอีนังหนูเด็กหัวดี ชะนีหัวหน้าห้อง ห่วงชอล์กมาก ไปเก็บ ส่วนอีแม่ครูไปตีกับเด็กผู้ชายอีกคน กะเทยกุมขมับแล้ว เหลืออีกหลายสิบวัน จะรอดมั้ย 

วันแรกว่าพังแล้ว วันถัดๆ มาว่าพังกว่า มีคนจากในเมือง มาตามหาเด็กในคลาส บอกจะเอาไปแข่งนักวิ่งทีมชาติ อีครูสาวแทนที่จะดีใจ นางรับบทนางเมิน เพราะสัญญากับพ่อครูไว้ว่า ถ้าเด็กอยู่ครบจะได้เงินอีก 10 หยวน เลยรับบทนางกันซีน หนูไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นค่ะ สรุปชีเอาเด็กผู้หญิงไปซ่อน กะเทยแบบห๊ะ!!!! มึง ได้หรออออ ไม่สนสี่สนแปด ไม่สนอนาคตเด็ก ได้หรอ สุดท้ายผู้ใหญ่บ้านตามจนเจอ พาเด็กไป วันถัดมา มีคนตีกันอีกแล้ว อีเด็กผู้ชาย กับ ยัยหัวหน้าห้องตีกัน เพราะว่า เด็กผู้ชายไปอ่านเจอว่าในบันทึกส่วนตัวของเด็กผู้หญิง ชีเขียนด่าครูสาว ครูสาวไม่สนใจไพรเวซี่บอกอ่านเลย อ่านให้ทั้งห้องมันได้ยิน สรุปเด็กผู้ชายอ่านบันทึกส่วนตัว เป็นเรื่องอีเหตุการณ์ชอล์กวันนั้น ที่ครูสาวและเด็กชายทะเลาะกัน ชอล์กหล่นลงมา โดนเหยียบซ้ำ จนชอล์กแตกหัก ครูเกาสอนว่าเราต้องดูแลชอล์กเพราะชอล์กแพง เขียนเท่าไหร่ต้องให้คุ้ม ใช้จนหมดแท่ง ผงชอล์กที่ปลายนิ้วติดมืดยังต้องเอามาเขียนต่อ น้องชะนีเด็กร้องไห้ น้ำตาไหล กะเทยน้ำตาไหล ไม่ใช่เพราะว่าชอล์กแพง แต่ซีนมันคือความเชื่อ ความไว้ใจ ความศรัทธาของเด็กผู้หญิงคนนี้มันถูกเหยียบย่ำ เด็กผู้ชายเจื่อน หน้าแห้งเลยกู ครูสาวก็หน้าแห้งไม่แพ้กัน คืนนั้นชีปลุกเด็กชายบอกว่าไปขอโทษหัวหน้าห้องเดี๋ยวนี้ ฮีไม่ขอโทษ เอาจริง อยากจะให้ฮีสวนด่าอีครูสาวปังๆ ไปว่าคนที่ผิดคือมึงค่ะ อีเวร!! มาเป็นครูก็ช่วยเป็นครูไม่ใช่ทำตัวเป็นพระอิฐพระปูน ไอ้โน่นไม่ได้ ไอ้นี่ไม่ทำ หนังสืออะสอนด้วยค่ะ ไม่ใช่เด็กบอกทำไม่ได้ก็ปล่อยไว้ ถ้าคิดจะมา ไม่มาทั้งใจกลับไปซะดีกว่า อีเวร!!! แต่ลืมไปว่ามันอายุ 13 !!!!! 

รุ่งขึ้นขานชื่อ เด็กผู้ชายหายไป สืบจากทุกคนรู้ว่า มึง มันไปทำงานแล้ว บ้านมีหนี้ แม่ป่วยพ่อตาย เด็กชายต้องไปเผชิญชะตากรรมชีวิตที่เมืองกรุง แล้วมันจะรอดมั้ย ผู้ใหญ่บ้านบอกไม่ต้องไปตาม ตามเจอมันก็ไม่กลับมา ให้มันไปทำงานปลดหนี้ให้บ้านมัน จุดนี้ ยัยครูสาวจะต้องไปตามเด็กชายกลับมา ไม่รู้ว่าเพราะอยากให้เด็กมีการศึกษาหรืออยากได้เงิน top up อีกสิบหยวนที่ครูเกาสัญญาไว้กันแน่ แน่นอนว่าไปเข้าเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย ชีไปไล่ถามเด็กว่า เข้าเมืองใช้เงินเท่าไหร่ เด็กบอก สิบบ้าง สิบห้าบ้าง มีคนหนึ่งบอก สามค่ะ หนูเคยไปกับแม่ อะ สรุป ไปกลับ บวกพาเด็กกลับใช้ เก้าหยวน ไหนใครมีเงินบ้าง เอาออกมา จะรวมเงินไปพาเด็กชายกลับมา กะเทยเดี๋ยวนะ มันได้หรอวะ จากนั้นเด็กทุกคนเอาเงินมากอง สุดท้าย ไม่พอ เลยบอกให้ทุกคนไปเอาเงินที่บ้านมา เด็กบอกไม่มี มีเด็กออกไอเดีย ไปช่วยกันทำงาน ยกอิฐเพื่อเอาเงิน ยกกันแค่ 1,500 ก้อนเท่านั้นค่ะ สุดท้ายยัยครูสาวพาเด็กไปค้าแรงงานหาเงิน เด็กก็พากันไปยกอิฐ ยกแบบไม่รู้ว่าโดนแกง ยกแบบสนุกบ้าง เจ็บบ้างเหนื่อยบ้าง สุดท้ายอีเจ้าของโรงงานบอกมึงมายกกันทำไม!!!!!! กะเทยบอกทำไมไม่คุยกันก่อน อย่างนี้เข้าข่ายมัดมือชก แต่สุดท้ายเจ้าของเห็นแก่ครูเกา และความตั้งใจของครูสาว และเด็กๆ ให้เงินมา ระหว่างทางกลับอีครูสาวบอก อะๆ รางวัลชีวิต ไหนๆ วันนี้ทุกคนก็เหนื่อยกันมามาก เดี๋ยวนะ แต่อีครู หล่อนหลอกเด็กไปแกงอยู่ ยังจะมีหน้ามาพูด ชีบอกไปเราไปแวะหาน้ำตอแหลกินกันดีกว่า กินอะไรดี เกลือแร่มั้ย เด็กบอกอยากกินโค้กค่ะ แม่ค้าบอก โค้กสองกระป๋อง 6 หยวน อีเวรแพงจนกะเทยอยากจะกรี๊ด กะเทยบอกน้ำเปล่าได้มั้ยลูก เด็กบอกแต่วันนี้มันพิเศษ ถึงจะค้าแรงงานเด็ก แต่โค้กก็คือของแพง พ่อแม่ไม่ซื้อให้กิน แต่นี่เงินพวกหนู หนูจะกิน ถึงจะแพงจนจะร้องขอชีวิต กะเทยน้ำตาไหลแล้วหนึ่ง อิครูเหว่ยชีก็เอาเลอซื้อเลอ ไม่ใช่เพราะใจดี แต่ไม่เคยกินเหมือนกัน!!! อิเวร เอาเป็นว่า ทุกคนแบ่งกันจิบ แบ่งกันกิน โธ่ เด็กเหนื่อยแท้ คนละจิบ แต่พอเด็กกินปุ๊ป บอกแสบคอ อีเวร เด็กไม่รู้ว่าโค้กมันต้องซ่า โฆษณาเข้าไม่ถึงชนบทนี้ แต่ถึงจะซ่า จะแปลก แต่คนละอึก หวานซึ้ง สะเทือนใจ ดราม่าติกโมเม้นท์ กะเทยร้องไห้ ผกก.ขยี้หนัก เรียกได้ว่าผ้าสะอาด ตอนแรกจะด่าว่าเดี๋ยวเงินหมด แต่พอเด็กกิน เด็กจิบ เด็กแบ่ง แล้วแบ่งครูสาวด้วย มันไม่ใช่ค้าแรงงานเด็กหรอก อีเด็กมันก็สนุกแหละไม่ต้องเรียน หรือมันอาจจะเหนื่อยจริง หรือมันอาจจะไม่ชอบ แต่การมีซีนนี้คืออย่างน้อยก็ชุบชูหัวใจ ไม่ให้มันเจ็บปวดมากนัก

แม่ค้าบอก โค้กสองกระป๋อง 6 หยวน อีเวรแพงจนกะเทยอยากจะกรี๊ด กะเทยบอกน้ำเปล่าได้มั้ยลูก เด็กบอกแต่วันนี้มันพิเศษ ถึงจะค้าแรงงานเด็ก แต่โค้กก็คือของแพง พ่อแม่ไม่ซื้อให้กิน แต่นี่เงินพวกหนู หนูจะกิน ถึงจะแพงจนจะร้องขอชีวิต กะเทยน้ำตาไหลแล้วหนึ่ง อิครูเหว่ยชีก็เอาเลอซื้อเลอ ไม่ใช่เพราะใจดี แต่ไม่เคยกินเหมือนกัน!!!

ขณะที่ถัดไปถึงท่ารถ อีเดาะอกหัก ค่ารถ 20 หยวน ไหน!!!! อีไหนมันแกง!! ไหนอีตัวต้นเรื่อง ไหนใครไปกับแม่ พูด แต่อีครูสาวไม่หาความ งานนี้ต้องกลับมาตั้งหลักใหม่ เอาใหม่ ทุกคน ครูสาวคิดแผนการใหม่!!! ฉันจะไม่ยอมเป็นเหยื่อของอะไรทั้งนั้น ตั้งโจทย์ ใช้เงินกี่หยวน ขนหินกี่ก้อน ต้องขนกี่วัน แอ๊บแอ้ ตีเนียนเป็นการสอนเลขไปด้วย แกงเด็กไปด้วย หวังใจจะใช้แรงงานเด็ก จุดนี้อีเวร กะเทยปรบมือ เอาเลยอีหญิง ลูกล่อลูกชนเก่งมาก ฉลาดเกมส์โกง ฉายแววจะเป็นครูพี่ลินในอนาคต ตอนแรกนึกว่าจะแบบ แกงเด็กอย่างเดียว ก็ยังดียังให้ความรู้ฝึกบวกเลขด้วย #หรอวะ  แต่เด็กบอกไม่ค่ะ หนูจะไม่ยอมเป็นเหยื่อครูเหมือนกัน รู้ทันนะคะ ไม่ขนแล้วค่ะ โค้กก็ได้กินแค่จิบเดียว เด็กบอกทำไม่ไหวแล้วค่ะครู ทำไมครูไม่แอบขึ้นรถไปคะ จุดนั้นคนทั้งโรงขำ แต่อีเด็กไม่ขำ เป็นหนูหนูไม่ขำนะคะ มารยาทนิดนึง หนูเอาจริง มันบอกเดี๋ยวหนูไปยืนรุมๆ กันหน้ารถแล้วเดี๋ยวครูไปเลยค่ะ ครูทำได้ กะเทยบอก เอออ อีเด็กพอกันเลยทั้งศิทย์ทั้งครู มึงเก่ง!!! สรุปอีแก๊งค์เด็กไปยืนออๆ กันหน้ารถดึงความสนใจจากพนักงาน นางนกต่อ ครูสาวแอบขึ้นรถไป รับบทนาตาชา โลมาน้อย นางแฝงตัว ภารกิจลับ แต่อิเวรรถออกยังไม่ถึงห้านาที สรุปตุ๊บ ยัยสายลับครูสาวโดนไล่ลงจากรถ แต่งานนี้บอกไม่เด่นไม่ดังจะไม่หันหลังกลับไป แพ้ไม่ได้ ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมหมดหวัง ถนนสายนี้ใช่มั้ยเข้าสู่เมือง ได้ฉันจะไป แม้ไกลก็ต้องไป แม้ต้องเดินเท้าก็จะไป ระหว่างนี้ขอร้องเพลงเป็นกำลังใจให้ครูสาว ขออัญเชิญ พี่เจนนิเฟอร์ คิ้ม มาร้องเพลงให้กำลังใจ แม้ว่าจะต้องไล่ลงรถไป แม้โบกรถแล้วไม่มีใครรับสักคน มันจะเจ็บจะช้ำกี่หน แต่คนคนนี้ไม่ท้อใจ แต่ระหว่างที่กะเทยร้องเพลงกับพี่คิ้ม อีครูสาวบอก มึงๆๆ กูได้รถแล้ว สรุปมีคนใจดีให้ติดรถมาเข้ากรุงค่ะ อย่างน้อยก็ยังมีใครที่ใจดีกับนางได้บ้าง 

แต่เข้าเมืองกรุงใครว่าจบ เพราะเมืองกรุงวุ่นวายซ่องตลาดแตกมาก ชีเอาที่อยู่เบาะแสเดียวที่รู้ไปตามหานักเรียน แต่หลายๆ คนส่ายหน้า จนสุดท้ายได้ไปเจอกับ เด็กผู้หญิงอีกคนที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันบอกว่า เออ มาด้วยกัน แต่พลัดหลงกันไปแล้ว อ้าวอีเวร!!!! แล้วตอนนี้ลูกศิษย์กูจะอยู่ยังไง ครูสาวบอก งั้นมึงมาช่วยกูตามหาค่า เด็กผู้หญิงบอกจะให้ไป ก็จ่ายเงินมาค่า สุดท้ายมาแบบไม่เต็มใจนัก เดินตามหากันจนขาขวิด ก็คือยังไม่ได้ผล ยัยเด็กผู้หญิงบอกว่าเอางี้ ไปประกาศเสียงตามสาย สองเด็กเขียนรายละเอียด แล้วส่งไปให้พี่ผู้หญิงประกาศ แต่ประกาศไป 6 รอบยังไม่เจอ สรุปวันนี้ เงิน 9 หยวนที่มี ต้องจ่ายค่าแรงให้ยัยเด็กผู้หญิงที่มาช่วยไปแล้ว 2.5 หยวน 

วันถัดมายัยครูสาวเห็นประกาศ ก็เลยตัดสินใจเขียนกระดาษเป็นใบปลิว ตามหาคน ไปซื้อพู่กัน หมึก กระดาษ เงินที่มี หมด!!! กะเทยบอก อืมมมมมมมมมม อีสาววว อีหญิงงงงง มึงงงงงงงง เก็บไว้หน่อยมั้ย ซาลาเปาสักลูกก็ยังดี แต่ไม่มีอะไรหยุดยั้งปณิธานแห่งการตามนักเรียนกลับหมู่บ้านได้ ครูสาวนั่งกรอกข้อมูลที่ละแผ่น เขียนลงในกระดาษ คงเขียนข้อมูลลงไป หวังใจพลังแห่งตัวหนังสือ จะช่วยพาลูกศิษย์กลับบ้าน เขียนจนหมึกหมด เขียนจนเอาขวดหมึกไปผสมน้ำ กลับมาเขียนใหม่ อีเวร สู้ชีวิต แล้วชีวิตสู้กลับ แต่ไม่ยอมแพ้สู้กลับอีกรอบหนึ่ง!!! สู้กันไปกันมา สู้จนเช้า เขียนจนเช้า เขียนจนหลับ จนคุณลุง homeless มานั่งอ่านประกาศ​แล้วคอมเม้นงานแบบลูกค้าบอกเอเจนซี่บอก โทษนะหนู เบอร์ติดต่ออยู่ไหน ถ้าคนเค้าเห็นเค้าอยากช่วยก็ติดต่อไม่ถูกอยู่ดี อันนี้ชีวิตไม่ได้สู้กลับค่ะ แต่ความยังเด็ก ยังไม่ประสีประสานั่นแหละคือสิ่งที่สู้กลับ แต่นับถือหัวใจยัยครูสาว ชีบอกงานนี้ไม่ยอมหมดหวัง กะเทยบอก แม้ว่าจะต้องเสียความรักไป แม้ว่าจะไม่เหลือใครสักคน #พอ!!! ครูสาวบอกพอ!!!!! ขอร้อง!!! หยุดร้อง ชีบอกฉันจะไม่ฟูมฟายไม่ร้องไห้ ชีเดินไปถามลุงอย่างมาดมั่น แล้วต้องทำไง พี่ลุงบอกไปที่สถานีโทรทัศน์สิ เผื่อเค้าช่วย ออกประกาศทีเดียวคนเห็นเป็นล้าน 

เอาแล้วปฎิบัติการเดินเท้าไปสถานีมาอีกครั้ง มาถึงสถานียังไม่เปิด ตัดสินใจนอนรอหน้าสถานี เอาซีนหนึ่ง ซีนีมาติกหนึ่ง นอนจนคนมาปลุก กะเทยร้องไห้หนึ่ง!!! พอสถานีเปิด เข้าไปคุยกับเจ๊รีเซปชั่น เจ๊ก็ถาม หนูมีใบมั้ย ไม่มีค่ะเจ๊จะเอายังไงคะ ทั้งโรงเรียนมีครูอยู่คนเดียว จะให้หนูไปตามกับใครคะ อย่าว่าแต่คน คอมพ์เครื่องปริ๊นท์ก็คือฝัน กระดาษจะเขียนจดหมายยังไม่แน่ใจเลยว่าจะมีมั้ย เจ๊จะเอาไง เจ๊มาถามว่าหนูมีใบมั้ย หนูไม่มีอะไรจะให้เจ๊แล้วค่ะ หนูไปทำงานวันแรก ครูเค้าก็ไปแล้ว ไม่อยู่แล้ว สั่งอะไรไว้นิดๆ หน่อยๆ ที่เหลือให้หนูเผชิญชะตากรรมชีวิตเอง จุดนี้ สงสารกันหน่อยได้มั้ย ใจมันรับอีกไม่ไหว แน่นอนคำว่าสงสารไม่มีจริงค่ะ ชีครูสาวก็คือโดนไล่ออกมา อีเจ๊รับบทนางกันซีนแล้วหนึ่ง ยึดมั่นใจกฎขั้นสุด พร้อมบอกว่าอยากออกประกาศก็ไปคุยกับหัวหน้าสถานีเอง คนใส่แว่น อีครูสาวเหมือนรับบทนักสืบ ปะติดปะต่อจากเรื่องราวทั้งหมด ว่าหัวหน้าสถานีใส่แว่น ดังนั้นชีเลยไล่ถามทุกคนที่ใส่แว่นที่เข้าออกสถานีว่าโทษนะคะคุณคือหัวหน้าสถานีหรือเปล่า แน่นอนว่าทุกคนไม่ใช่ ลาสต์บอสคงไม่มาง่ายๆ แต่สิ่งที่เรานั่งดูอยู่ในโรงคือ สะเทือนใจแบบสุดๆ มันคือคำว่า ไม่มีไม่เหลืออะไรที่จะเสีย!!!! เด็กอายุสิบสาม ไม่มีเงินสักบาท เดินมาตามหาผู้บริหารสถานี อิดโรย มอซอ วิ่งไล่ถามทุกคนแบบไม่สนสี่สนแปด ไม่สนใจใครจะรำคาญ ความต้องการมีอย่างเดียว ต้องเจอผู้บริหารเท่านั้น!!!! จุดนี้มันแบบขยี้หัวใจคนดู แต่ถ้าไม่พอ ผกก.เสิร์ฟซีนที่บดหัวใจกลายเป็นธุลี เมื่อยัยครูสาวเดินไปที่ถ้วยก๋วยเตี๋ยวที่มีคนกินเหลือไว้ แล้วคีบเส้นขึ้นมากินอย่างหิวโหย นอนหลับอยู่ที่พื้นข้างถนน เก็บกระดาษใบปลิวทั้งหมดไว้ใกล้ตัว แต่ลมพัดทุกอย่างกระจัดกระจาย รุ่งสางพนักงานทำความสะอาดถนน กวาดเอาใบปลิวทั้งหมด ไปทิ้ง จบแล้วเงินติดตัวก้อนสุดท้ายที่ทุ่มหัวใจไป หมดแล้วความพยายามทั้งหมดที่ทำมา ชีวิตมันสู้กลับอีหญิงหนักเหลือเกิน จนเราได้แต่ตั้งคำถามว่า อีเวร หัวใจของเด็กคนนี้มันทำด้วยอะไร คำว่านางหัวใจทองคำ ตำนานบทใหม่ไม่ไกลเกินฝัน กะเทยร้องไห้จนจะตาย 

ขณะที่ตัดภาพมาที่น้องเด็กผู้ชาย ตัวต้นเรื่องที่มันเดินหายไป ตอนนี้น้องไปเป็นแรงงานเด็ก เจ๊ร้านก๋วยเตี๋ยวให้ข้าวกินแลกงานล้างจาน ไม่แน่ใจว่าน้องอยากทำมั้ย แต่จุดนั้นความหิวของเด็ก คงทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ท้องอิ่ม ส่วนยัยครูสาวในวันที่ชีวิตสู้กลับแต่ชียังไม่ละทิ้งความตั้งมั่น เดินไปตามหาผู้ชายใส่แว่นที่เป็นหัวหน้าสถานีอย่างไม่ลดละ จนฟ้ามีตาสวรรค์มีใจ โลกไม่ใจร้ายมากนัก มีอีสักคนในสถานีมันไปบอกว่าหัวหน้าว่า ท่านครับมีเด็กมาตามหาท่าน สุดท้าย อีเจ๊รีเซฟชั่นโดนด่าคนแรก กะเทยยิ้มเยาะ คว่ำปากถึงตีน สาแก่ใจอีช้อยนัก หัวหน้าบอกเป็นอีใจดำ นี่เด็กนะ จะใจจืดใจดำทำได้ลงคอ เจ๊บอกฉันทำตามกฎ ก็เค้าไม่มีใบ ไม่มีเอกสาร ไม่มีอะไรติดตัวมา จะให้ไปเจอคุณได้ไง สุดท้าย ยัยครูสาวได้เจอหัวหน้าสถานี ชีได้กินข้าว ชีกินแบบกิน กินให้รู้ว่าได้กิน จุดนี้ ภาพที่ชีไปแอบจุ๊บจิ๊บของเหลือมันซ้อนทับเข้ามา กะเทยบอกกินไปเลย ไม่ต้องแคร์ กินให้มันสมกับที่เราต้องผ่านอะไรมาบ้าง สุดท้ายหัวหน้าจัดให้ไปออกรายการ เกี่ยวกับการสะท้อนปมปัญหาการศึกษาในประเทศ แล้วแอบตีเนียนเป็นรายการสะพานบุญวันนี้ที่รอคอย 

ในรายการครูสาวนิ่งไม่พูดอะไร พูดไม่ออก จนพิธีกรคือแบบ อ่ากูต้องแบกสินะ อะมา เข้าใจนะคะว่าตื่นกล้อง แต่ลองพูดกับกล้องเหมือนเด็กคนนั้นอยู่ตรงนี้ เหมือนได้ยินทุกอย่าง จะพูดว่าอะไรคะ เท่านั้นแหละ บ่อน้ำตาแตก จางหุยเค่อ ครูมาตามเธอกลับไป เธออยู่ที่ไหน จริงๆ กะเทยสารภาพว่าอ่านซับไม่ทันเพราะ ร้องไห้อยู่ ยัยครูสาวร้องไห้ ตรงหน้ากล้อง น้ำตาไหล กะเทยร้องไห้อยู่ในโรง น้ำตาไหลเช่นกัน มันทรงพลังมากเมื่อรู้ว่า มันใจสลายขนาดไหน เด็กสาวเริ่มต้นด้วยเงิน ไม่ได้เข้าใจจิตวิญญาณความเป็นครู ไม่ได้รับการอบรม มีเพียงความตั้งใจที่แน่วแน่ว่าจะต้องทำให้ ต้องรักษาเด็กทุกคนในคลาสไว้ไม่ให้ใครหายไป ขัดเกลาอีกเล็กน้อยเธอจะเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน 

สุดท้ายด้วยอภินิหารรายการทีวี สองคนได้กลับมาที่หมู่บ้าน พร้อมด้วยเงินบริจาค และชอล์กสี ผู้คนมอบเงินพัฒนาการศึกษาให้กับชุมชน ผู้ใหญ่บ้านเอาเงินไปสร้างโรงเรียนใหม่ ครูสาวกับเด็กๆ เขียนตัวอักษรด้วยชอล์กสี ของแสนแพงที่ไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้ใช้ เด็กๆ มองแบบฝันที่ไม่กล้าฝัน ฝันที่เคยฝัน ที่ไม่กล้าฝัน ที่คนธรรมดาคนหนึ่งไม่กล้าที่ฝัน ก็คือครูสาวบอกว่า เราต้องใช้อย่างประหยัด ครูจะให้เขียนกันคนละ 1 คำ เราแบบชอล์กสีอะมึง ถึงตอนเด็กๆ มันจะแฟนตาซีให้ตายกว่าชอล์กธรรมดาแค่ไหน แต่มันก็คือชอล์ก แต่สำหรับเค้านี่มันคือรางวัลชีวิตแล้ว แล้วได้มาแบบเยอะมาก ถึงบอกฝันที่ไม่กล้าฝัน กะเทยร้องไห้เลย รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  ครอบครัวของจางหุยเค่อปลดหนี้ได้ ทำให้เค้ากลับมาเรียนได้อีกครั้ง พร้อมคำบรรยายอักษร ทุกปีมีเงินบริจาค จะช่วยให้ 15% ของแรงงานเด็กที่ต้องมาหางานในเมืองได้กลับไปเรียนหนังสือ 

เราดูจบไม่แปลกที่จะน้ำตาไหล 

ไม่แปลกที่จะอิ่มเอมและเปี่ยมสุข กับพลังแห่งความพยายามที่สัมฤทธิ์ผล 

ในวันที่ชีวิตสู้กลับ แต่เธอสู้จนชีวิตยังต้องยอมในปณิธานอันตั้งมั่นและแน่วแน่ 

ขอบคุณนักแสดงทุกคน นักแสดงมือสมัครเล่นที่ถ่ายทอดเรื่องราวยิ่งใหญ่ด้วยหัวใจของตัวละครได้อย่างหมดจด หมดหัวใจ แท้จริง

.

แต่ (บีทเปลี่ยนเหมือนหนังผี)

.

.

หนังเรื่องนี้คือกระตุ้นต่อมเครื่องด่าเลยค่ะ 

.

.

.

ไม่ได้ด่าหนังนะคะ

.

.

.

นี่คือหนังปี 1999 จากประเทศจีน สิ่งที่อเมซิ่งสุดๆ แบบไม่บอกไม่รู้นะคะ คือยังบอกเล่าสถานการณ์ของปี 2022 ในประเทศไทยได้อย่างดี!!! ดีเหมือนประเทศชาติเราถูกสต๊าฟทิ้งไว้ตรงนั้น จุดนั้นมันพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะพี่ หน้ามันชาไปหมด เหมือนถูกตบ!!! เมื่อระบบการศึกษาของประเทศเรากำลังล่มสลาย ไม่ใช่แค่เฉพาะการละทิ้งการศึกษา แต่ภาพใหญ่กว่านั้น คือระบบเศรษฐกิจเองก็สร้างปัญหาให้เกิดขึ้น บีบให้คนต้องละทิ้งการศึกษา ถ้าจะพูดแบบโลกสวย สว่างยิ่งกว่าทุ่งลาเวนเดอร์ คือไม่ใช่ว่าเด็กตรงนั้นโง่ หรือขี้เกียจนะโกโก้ แต่ความเป็นจริงคนเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงโอกาสและ support system จากสังคมได้ ซึ่งถ้าเค้าเข้าถึงได้ เค้าอาจจะไม่ต้องละทิ้งการศึกษาแบบจำยอม หรือถูกบีบออกมาเพื่อเป็นแรงงานหาเงินเลี้ยงปากท้องแบบนี้ ถ้าแค่ค่ารถยังต้องไปขนหิน มันต้องขนหินกี่ครั้ง โค้กกระเป๋องละ 3 หยวน เอาแค่นี้ความเหลื่อมล้ำปาไปเท่าไหร่แล้วอะ นี่เรายังไม่ได้นับนะคะ ว่านอกจากระบบเศรษฐกิจมันพังแล้ว ระบบการศึกษา ครูคนเดียวนักเรียนทั้งโรงเรียน เรียนปนกัน มันมีคุณภาพมั้ย ดูไปหน้าชา ประหนึ่งเป็น รมว. กระทรวงศึกษา ตีนกายหน้าผากแล้ว ตีนเราอาจจะไม่พอต้องไปยืมตีนคนข้างๆ ด้วย ปัญหาแน่นขนาดนี้ แต่ไม่รู้ว่าทุกวันผู้ใหญ่รับเรื่อง รับรู้มั้ย

นานทีปีหนอยากจะชวนแก๊งค์ซิสขบคริสถึงปัญหา ปกติรีวิวจากซิสอวอร์ดขึ้นชื่อเรื่อง 1. ยาว 2. เมายา 3. ไม่ค่อยมีสติ แต่อันนี้คือมันแบบ ถ้าไม่มีสติก็ต้องมีแล้วค่ะ เพราะปัญหามากดกริ่งอยู่หน้าบ้านแล้ว เตรียมทุบ ยิ่งดูยิ่งหงุดหงิด เจ็บปวด เหมือนหนังมันหยิกกีเราอยู่ เคยได้มีโอกาสพูดคุยกับครูอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่นักเรียนเลือกที่จะไปทำงานมากกว่าเรียนจนจบ เพราะปริญญาอาจจะไม่จำเป็นเท่าการหาเงินในเวลานี้ นั่นคือปัญหาระดับโครงสร้างที่ทำให้คนต้องละทิ้งโอกาสทางการศึกษา และหาเงินเพื่อจุนเจือครอบครัว และชำระหนี้สิน ก่อน!!! ความฝันคือ ฝันค่ะ ปากท้องคือของจริง นั่นคือปัญหาที่เกิดขึ้นแทบจะในทุกภาคส่วนที่สะท้อนความล้มเหลวของระบบการศึกษาที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทั้งในเมืองกรุงและต่างจังหวัด เรื่องของทุนในการเข้าถึงโอกาส บางคนมี 100 บางคนมี 0 บางคนมาแบบติดลบ แล้วส่งเหล่านี้มีอะไรซัพพอร์ตเด็กมั้ย…ก็ไม่ 

ความฝันคือ ฝันค่ะ ปากท้องคือของจริง นั่นคือปัญหาที่เกิดขึ้นแทบจะในทุกภาคส่วนที่สะท้อนความล้มเหลวของระบบการศึกษาที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทั้งในเมืองกรุงและต่างจังหวัด เรื่องของทุนในการเข้าถึงโอกาส บางคนมี 100 บางคนมี 0 บางคนมาแบบติดลบ แล้วส่งเหล่านี้มีอะไรซัพพอร์ตเด็กมั้ย…ก็ไม่ 

ขณะเดียวกันยังแม่ ยังไม่จบ ขอด่าต่อ ทางออกสุดท้ายยังเป็นการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลืออยู่เพื่อต่อลมหายใจ ดังนั้นแล้ว ถ้าหากคุณได้เป็นผู้รับผิดชอบปัญหานี้ คุณต้องอัดฉีดเงินเข้าไปอีกเท่าไหร่เพื่อให้ 20 ปีผ่านไป 15% นั้นมันเพิ่มขึ้นคะ ตอบ!!!! ตอบได้มั้ยๆ พูด ยื่นไมค์ ที่เราพูดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการบริจาค แต่แล้วในวันหนึ่ง ถ้าเราไม่สามารถบริจาคได้ หรือหยิบยื่นได้แล้ว และ 20 ปีผ่านไปเรายังแก้ปัญหาด้วยการบริจาค ถ้าต่อจากนี้ผ่านไปอีก 20 ปี เราจะยังมีคนอย่าง เว่ยหมิ่นจือ ที่ออกไปตามหาเด็กอยู่มั้ย จะยังมีคนบริจาคอยู่มั้ย ถ้าปัญหาการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา และ มีระบบสนับสนุนที่ดีพอยังไม่เกิดขึ้นล่ะ แค่คิดว่าถ้าอีหญิงไม่ไปตามน้องเด็ก ปล่อยมันเป็นตายร้ายดียังไงไม่รับไม่รู้ไม่สนใจ เราก็จะมีแรงงานเด็กที่อาจจะเป็นขอทานข้างถนน หรือพัฒนาไปเป็นโจร แม่น้องเด็กจะนอนตายในบ้าน แล้วก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ อีหญิงอาจจะสอนเด็กแบบตามมีตามเกิด ขณะที่ครูเกากลับมาก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น 

แล้วอย่างนี้อีหญิงมันจะยังต้องสู้ชีวิต แล้วตั้งรับรอให้ชีวิตสู้กลับอีกกี่สิบกี่ร้อยหน ต้องเจอวีรกรรมทำเพื่อเงิน ต้องโดนแกงแล้วไม่ตาย และได้กลับมาอย่างวีรบุรษ เราต้องมีคนแบบนี้อีกกี่คนคะ ถ้าระบบสังคมมันไม่พัฒนา เราก็ได้แต่หวังว่าจะมีฮีโร่มาช่วยเราแหละ แล้วถ้าวันหนึ่งอีหญิงบอกกูเทแล้วค่ะ เด็กจะตายห่ายังไง เป็นตายร้ายดียังไงกูไม่สน แล้วจะทำกันยังไงคะ!!!!

ดูจบร้องไห้ค่ะ ทั้งอิ่มเอมกับวีรกรรมยัยครูสาว แล้วพอถอยออกมาร้องไห้ค่ะ ร้องให้กับชะตากรรมอนาคตของประเทศ และการศึกษา 

#กะเทย 

#SisAwards

#NotOneLess 

LATEST REVIEWS