8 มีนาคมที่ผ่านมา สภารัฐฟลอริดาได้ผ่านร่างกฎหมาย Parental Rights in Education หรือที่เรียกกันให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ร่างกฎหมาย “Don’t Say Gay” ซึ่งอื้อฉาวตรงที่มีอยู่วรรคหนึ่งระบุว่า “ห้ามไม่ให้ครูแนะนำเรื่องเพศวิถีและอัตลักษณ์ทางเพศแก่เด็กนักเรียน ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงเกรด 3” แถมยังมีการกำหนด “อายุขั้นต่ำที่เหมาะสมจะรับข้อมูลเรื่องนี้” กับเด็กเกรดอื่นอีกด้วย
ลำพังตัวกฎหมายก็ชวนวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว แต่มันยิ่งกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา เมื่อบริษัทดิสนีย์ซึ่งมีสวนสนุกใหญ่โตสำหรับเด็กและพนักงานหลายพันคนอยู่ที่ฟลอริดากลับมีปฏิกิริยาเงียบสนิท ไม่มีทีท่าจะออกมาต่อต้านร่างกฎหมายนี้ (เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนชุมชน LGBTQIA+) เลย แถมยังมีสื่อแฉว่าดิสนีย์บริจาคเงินให้แก่กลุ่มนักการเมืองที่สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวอีกต่างหาก (แม้ บ็อบ ชาเป็ค CEO ดิสนีย์จะปฏิเสธโดยบอกว่าสนับสนุนทั้งสองฝ่าย และเคยบริจาคเงินให้องค์กร LGBTQIA+ ต่างๆ ถึง 3 ล้านเหรียญในปีที่ผ่านมาด้วย)
สาเหตุที่ดิสนีย์ถูกเพ่งเล็งก็เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาพยายามชูจุดขายว่าคอนเทนต์ของตนสนับสนุนความแตกต่างหลากหลายทางเพศ ผ่านผลงานเก๋ๆ อย่าง Pose, Encanto, Black Panther, Modern Family และ Love, Simon แต่หลังจากเกิดกรณีกฎหมายข้างต้น ก็ทำให้หลายคนย้อนกลับมาพิจารณาว่าจริงๆ แล้วผู้บริหารดิสนีย์มีความจริงใจกับเรื่องนี้แค่ไหน เพราะมีข้อมูลว่าหลายครั้งที่ตัวละครดังๆ ของค่ายเกือบจะถูกนำเสนอว่าเป็น “เควียร์” แต่กลับถูกผู้บริหารสั่งเบรกไว้ซะก่อน (ตัวอย่างชัดที่สุดคือ เจ้าหญิงเอลซาใน Frozen 2) และก็น่าจะยังมีอีกหลายกรณีที่เราไม่เคยได้ยินข่าว ดังที่กลุ่มพนักงาน LBGTQIA+ ของพิกซาร์และพันธมิตรกล่าวในแถลงการณ์ฉบับล่าสุดที่ว่า
“พวกเราที่พิกซาร์เคยเห็นผลงานที่มีเรื่องราวงดงามและเต็มไปด้วยตัวละครหลากหลาย ซึ่งถูกตีกลับมาจากผู้บริหารดิสนีย์ แบบที่ถูกขยี้เป็นผงไม่เหลือเค้าเดิม” และ “พวกเขาห้ามไม่ให้เราสร้างคอนเทนต์ LGBTQIA+ ทั้งๆ ที่หากเราทำ มันอาจส่งผลถึงขั้นช่วยให้เกิดการแก้กฎหมายเลือกปฏิบัติต่างๆ บนโลกใบนี้ได้เลยก็ตาม”
แถลงการณ์ฉบับนี้เรียกร้องให้ดิสนีย์ถอนการสนับสนุนทางการเงินแก่นักการเมืองที่โหวตให้ร่างกฎหมาย “Don’t Say Gay” และออกมายืนหยัดเคียงข้างคนอื่นในประเทศด้วย ขณะที่สมาคมแอนิเมชั่น (The Animation Guild) ก็แสดงความเห็นผ่านแถลงการณ์ว่า “นี่คือการก้าวพลาดครั้งใหญ่ของผู้บริหารดิสนีย์ มันท้าทายหลักการและจรรยาบรรณของบริษัทอย่างที่สุด”
นอกจากนั้นยังมีข่าวด้วยว่า ดิสนีย์คิดจะบริจาคเงิน 5 ล้านเหรียญแก่ Human Rights Campaign (HRC – เป็นองค์กรด้านสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา) แต่ทาง HRC แถลงว่าจะไม่รับเด็ดขาด จนกว่าดิสนีย์จะแสดงออกว่ามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและทำงานร่วมกับกลุ่ม LGBTQIA+ จริงๆ เพื่อให้มั่นใจว่ากฎหมายอันตรายฉบับนี้จะไม่ผ่านและถูกประกาศใช้
“วันนี้เราได้เห็นว่า ‘การเลือกปฏิบัติ’ ได้ขยายอาณาเขตเข้ามาในนโยบายรัฐแล้ว มันจะทำให้เราพูดถึงครอบครัวที่มีสมาชิกเป็น LGBTQ ไม่ได้ มันจะนำไปสู่การแบนหนังสือ ไปจนถึงการต่อต้านประเด็นเกี่ยวกับการป้องกันการคุกคามทางเพศ ความปลอดภัยในที่ทำงาน ความหลากหลาย และความเท่าเทียม” HRC กล่าว