เราติดตามการรุกตลาดโลกของหนังเกาหลีกันมานาน จนกระทั่งมันเบ่งบานเต็มที่ คว้าออสการ์หนังยอดเยี่ยมปีล่าสุดมาครอง และออสการ์ตัวนั้นก็เริ่มแตกใบใหม่ให้กับวงการหนังเกาหลียุคหลัง Parasite เมื่อค่าย CJ Entertainment ผู้ผลิตหนังออสการ์เรื่องดัง สามารถคว้า อาริ แอสเตอร์ และโปรดิวเซอร์ของเขา ลาร์ส นุดเซน แห่ง Hereditary กับ Midsommar มารีเมคหนังเกาหลีสุดป่วงปี 2003 เรื่อง Save the Green Planet!
Save the Green Planet! ต้นฉบับเป็นของ จางจุนฮวาน ว่าด้วยชายหนุ่มที่ลักพาตัวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาทรมาน เพราะเชื่อว่าเขาคนนี้คือเอเลี่ยนที่พยายามจะครองโลก ตัวหนังเป็นที่เลื่องลือว่าป่วนประสาทจนแฟนหนังอดตื่นเต้นไม่ได้ที่โปรเจกต์นี้อยู่ในมือของนักทำหนังที่ปั่นคนดูที่สุดแห่งยุคอย่างแอสเตอร์
ก่อนนี้ CJ พยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับวงการหนังนานาชาติมาโดยตลอด แม้แต่ในเมืองไทยกับการควบรวมเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ เป็นค่าย ซีเจเมเจอร์ ที่รีเมคหนังเกาหลีเป็นเวอร์ชั่นไทยมาหลายเรื่องแล้ว อย่าง ‘ดิว ไปด้วยกันนะ’ (รีเมค Bunjee Jumping of Their Own) และ ‘20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น’ (รีเมค Miss Granny) นอกจากไทย CJ ยังเข้าไปควบกิจการกับสตูดิโอหนังในประเทศที่หลากหลายอย่าง อินโดนิเซีย, จีน, ญี่ปุ่น, ตุรกี และอเมริกา ที่พวกเขาหมายมั่นจะเจาะตลาดอันไพศาลให้จงได้ ตั้งแต่เมื่อครั้งร่วมลงทุนใน Snowpiercer ของ บงจุนโฮ
สถานะของ CJ ในตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง กับ Snowpiercer พวกเขาลงทุนก้อนใหญ่ไปก็เพื่ออาศัยช่องทางการกระจายสินค้าระดับนานาชาติจากบารมีฮอลลีวูด (ในตอนนั้นหนังจัดจำหน่ายโดย The Weinstein Company) แต่หลังจากความสำเร็จของ Parasite แล้ว กลายเป็นว่าบารมีของ CJ ก็มีมากพอที่จะจัดการด้วยตัวเอง โดยดึงคนทำหนังอเมริกันที่กำลังมาแรงอย่างแอสเตอร์ช่วยพาหนังเกาหลีตีความใหม่ออกไปในระดับนานาชาติ
มิกี ลี ประธานบริษัท CJ กล่าวว่า “สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากความสำเร็จของ Parasite คือผู้ชมทั่วโลกตื่นตัวที่จะเข้าหาธีมที่เป็นสากล” ลีเสริม “เราดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับแอสเตอร์และทีม ที่จะมาช่วยแปลความพิเศษของต้นฉบับให้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งฉันเชื่อว่ามันมีความเชื่อมโยงกับโลกในปัจจุบันพอดี”