ก่อนจะคิดกับมันจริงจัง ผมเคยคิดว่าเรื่องนี้มันคือ ส่วนผสมระหว่างชีวิตอันน่าถวิลหาของคนยุคมานีมานะแต่เป็นเวอร์ชั่นชาวตลาด โดยใช้คาแรกเตอร์ของตัวละครในการ์ตูนโดราเอมอน (เพราะถ้าเอามานี มานะ วีระ ปิติ ชูใจมาเล่นคงน่าเบื่อพอควร) ที่สามารถดันให้เรื่องมันสนุกโดยไม่ต้องมี reference อะไร
ไจแอนท์อย่างแจ็คเป็นคาแรกเตอร์ที่แข็งแรงค้ำทั้งเรื่องได้ พอๆ กับน้อยหน่า ชิซูกะเวอร์ชั่นคนเกิดปีเสือ (ราวปี 2517) ที่สวยเก่งและปากเจ็บพอจะด่าแม่ไอห่าแจ็คคืนได้ตอนโดนล้อว่านมใหญ่ ส่วนบอยกับพริกคือซูเนโอะที่แยกร่างออกมา ขณะที่ตี่ (เด็กอ้วนขาวหน้าเปื้อนยิ้ม) กับมาโนช (เด็กเงียบที่ใส่แว่นแล้วหน้าเหมือนดี้ นิติพงษ์) ก็เป็นตัวที่ทำให้ทีมมันแข็งแกร่ง จะมีก็เพียงเจี๊ยบที่จนจบเรื่อง เจี๊ยบก็ยังดูไม่มั่นใจและต้องพยายามพิสูจน์ตัวเอง เจี๊ยบในเวอร์ชั่นเด็กดูจะทำอะไรก็ครึ่งๆ กลางๆ ไม่ประสบความสำเร็จ
แต่ถ้าจะมองด้วยแว่นของวิชาท้องถิ่นศึกษา อยากจะมองแฟนฉันอีกแบบ ในฐานะเรื่องเล่าชีวิตชนชั้นกลางในตลาดต่างจังหวัด
ท้องเรื่องของหนังแฟนฉัน ระบุว่าเกิดขึ้นในตลาดต่างอำเภอของจังหวัดเพชรบุรี งานวันเด็กที่ป้ายขึ้นหราบอกเราว่า เรื่องเกิดขึ้นในปี 2528 ยุคที่เด็กยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ เปรม ติณสูลานนท์ ปรากฏตัวผ่านทีวีสีในพิธีเปิดวันเด็กแห่งชาติ ณ สนามศุภชลาศัยยืนยันตัวตนของอำนาจรัฐที่แม้จะอยู่ในกรุงเทพฯ ก็รับรู้และสัมผัสได้
หนังแฟนฉัน ได้จัดภูมิศาสตร์ไว้ด้วยการแบ่งโซนตลาดต่างอำเภอไว้ 2 โซน นั่นคือ ฝั่งศาลเจ้าและฝั่งตลาดที่มีถนนผ่ากลาง บ้านเจี๊ยบและน้อยหน่าอยู่ในฝั่งศาลเจ้า บ้านทั้งคู่เป็นร้านตัดผมทั้งคู่ที่พ่อต่างก็เป็นช่างตัดผมที่ไม่กินเส้นกัน คนเขียนบทจัดให้ร้านทั้งสองอยู่ในตึกแถวเดียวกัน แต่ถูกคั่นด้วยร้านโชว์ห่วย
น่าสนใจว่าบ้านของตัวละครทุกคนในหนัง ล้วนอาศัยอยู่ในบ้านตึกแถวทั้งนั้น ไม่มีบ้านแบบเรือนไทย เรือนมีชาน หรือบ้านที่มีพื้นที่บริเวณอะไรแบบที่เราพอจะหาเจอจากการอธิบาย space เรือนชาน เรือนไทยแบบที่อาจจะเห็นได้จากแบบเรียนมานี มานะ space แบบนี้จึงตอกย้ำความเป็นบ้านของชนชั้นกลางในตลาดนั่นแหละ ไม่นับฉากใส่บาตรที่เหมือนฉากที่ใส่มาในตอนจบให้สมบูรณ์จะพบว่า เรื่องนี้ไม่ปรากฏพื้นที่ของวัดในพุทธศาสนาเลย ในทางกลับกัน พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏบ่อยที่สุดก็คือ ศาลเจ้าแบบจีน
หนังได้ชี้ให้เห็นระยะห่างของโลกของบ้านเจี๊ยบ+น้อยหน่าว่าห่างจาก โรงเรียนประถมประจำจังหวัดเพชรบุรีกว่า 10 กิโลฯ ก็คือ ตลาดที่อยู่ต่างอำเภอนั่นเอง แม้พ่อเจี๊ยบจะมีมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะคู่กาย แต่ก็คงไม่ work ถ้าจะขี่ไปส่งทุกวัน การฝากเด็กไปกับรถเมล์อาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เส้นทางรถเมล์ที่จอดบริเวณต้นคูณที่ออกดอกสะพรั่งข้างคลองชลประทาน มันแสดงให้เห็นว่าจากต่างอำเภอเข้าสู่ตัวจังหวัดมันไกลแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ความเป็นตัวจังหวัดเพชรบุรีไม่ได้ถูกนำเสนอในฐานะตัวตลาดหรือศาลากลาง แต่มันอยู่ในรูปของ space โรงเรียน กิจกรรมและพื้นที่แสดงออกแห่งอำนาจอย่างการเข้าแถวหน้าเสาธง และการเปล่งเสียงร้องเพลงชาติ เป็นการตอกย้ำถึงการดำรงอยู่ของจังหวัดและชาติ เช่นเดียวกับในห้องเรียน กระดานดำ และภาพกษัตริย์และราชินีด้านบน ก็คือสัญญะที่ทุกคนคุ้นชิน
หนังชี้ให้เห็นว่าคนในตัวอำเภอในโลกของเจี๊ยบและน้อยหน่า นั้นเสพและบริโภคความบันเทิงตั้งแต่น้ำอัดลม เพลงสตริง-เพลงป๊อบ รายการเพลงโลกดนตรี หนังจีนกำลังภายใน ละครน้ำเน่าช่อง 7 ที่ทำให้โลกของพวกเขาถูกร้อยรัดไว้ใกล้เคียงกับชุมชนบริโภคในกรุงเทพฯ และเขตเมืองทั้งหลายที่ไฟฟ้าเข้าถึงและมีเครื่องรับโทรทัศน์ วิทยุ และเทป รวมถึงพาหนะของเหล่าเด็กทะโมนคือ จักรยาน BMX
ประสบการณ์โดยตรงของผมเอง หลังจากกลับมาจากกรุงเทพฯ ผมเจอมิตรสหายรุ่นหลังผมไม่กี่ปี พยายามชวนคุยเรื่องอดีต ปรากฏว่าเขาไม่ค่อยเก็ทเรื่องที่ผมชวนคุยเรื่องการ์ตูน หรือละคร มานึกได้ตอนนี้ว่าเออ เราคงอยู่บริโภคความบันเทิงกันคนละแบบ ยิ่งทำให้ตระหนักถึงกะลาของตัวเองว่า โลกมันกว้างใหญ่กว่านั้น
ลูกหลานชนชั้นกลางในตลาดมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะเสพและบริโภคสิ่งเหล่านี้ แก๊งแจ็คที่ขึ้นไปแสดงบนเวทีในงานวันเด็กก็ต้องตัดชุดพิเศษขึ้นไป แสดงให้เห็นถึงฐานะของทางบ้านพอมควร
เช่นเดียวกับการมีเวลาว่างมากพอที่จะเอ็นจอยกับสิ่งเหล่านี้ เห็นได้จากคำโม้ของแจ็คตอนที่กำลังจะนั่งรถเมล์สาย “เพชรบุรี-กรุงเทพฯ” ไปเที่ยวเมืองหลวงที่พูดว่า “วันนี้ว่าง ไม่มีอะไรทำ” ซึ่งหากเป็นลูกหลานชาวนา หรือกรรมกร อาจจะต้องไปช่วยพ่อแม่สางงานที่ค้างอยู่ หรือช่วยเหลืองานหาเลี้ยงจนดึกๆ ดื่นๆ
คนชายขอบนอกสายตาชนชั้นกลางที่ปรากฏในเรื่องนี้ ปรากฏตัวแบบผ่านตาก็คือกรรมกรแบกข้าวสารที่อยู่ตรงตึกแถวในซอยตรงข้ามบ้านเจี๊ยบ+น้อยหน่า สามล้อที่ขี่มาส่งแม่ของทั้งสอง และที่มีบทพูดมากที่สุดก็คือ แก๊งเตะบอลกินตังค์ สารรูปของพวกเขาคือ เด็กตัวผอมแห้งแรงน้อยสีผิวคล้ำกว่าฝั่งแก๊งเด็กในตลาด กางเกงสีกากีและรองเท้าสีน้ำตาล บอกให้เป็นนัยว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนบ้านๆ ต่างไปจากโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีที่มียูนิฟอร์มเป็นกางเกงสีน้ำเงิน
การจากไปของน้อยหน่าเพราะต้องย้ายบ้าน ทำให้เจี๊ยบเองก้าวเข้าสู่โลกความเป็นชายขึ้นอย่างเต็มตัว ก่อนหน้าที่น้อยหน่ายังอยู่ เราจะเห็นว่าเจี๊ยบได้พยายามพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักต่อแก๊งแจ็คว่า เขาต้องสร้างความเป็น “ลูกผู้ชาย” ให้เพื่อนใหม่ยอมรับให้ได้ถึงแม้จะต้องทำร้ายจิตใจน้อยหน่าก็ตาม สำหรับผมฉากตัดหนังยางแม้ว่าจะทำร้ายจิตใจน้อยหน่าโดยตรง แต่ฉากที่ทำให้เจี๊ยบเองเผชิญความท้าทายมากกว่าคือ การต้องเปลือยเปล่าตัวเองต่อหน้าแก๊งแจ็ค ก่อนจะกระโดดน้ำลงจากสะพานเพื่อพิสูจน์ความกล้าของตัวเอง
เราไม่รู้ว่าจากนั้นไป น้อยหน่าจะไปมีชีวิตอย่างไร เธอจะเดินไปสู่ระบบการศึกษาทั่วไปของชนชั้นกลาง คือเรียนต่อสายสามัญ เอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ แล้วได้งานที่กรุงเทพฯ หรือเปล่า หรือเธอเลือกเรียนสายอาชีพ เพราะพ่อเจ็บป่วยเลยต้องรีบจบมาเพื่อทำงานที่พอหาได้ใกล้บ้าน
แต่สำหรับเจี๊ยบ การเปิดเรื่องมา ทำให้เห็นว่า เขาทำงานอยู่ในออฟฟิศซักแห่งในกรุงเทพฯ ที่ไม่แน่ว่าเป็นสำนักงานสถาปนิก บริษัทโฆษณา หรืออะไร แต่ที่แน่ๆ เจี๊ยบไม่สามารถกลับมาทำงานที่บ้านเกิดได้อีกแล้ว อย่างน้อยก็ตอนนี้
ดูจากร้านตัดผมของพ่อเขาแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะสานต่อ งานแต่งงานของน้อยหน่าเอง เขาก็บอกว่าเขาแทบจำใครไม่ได้ รากเหง้าของเขาแทบจะถูกถอนออกหมดแล้ว ถ้าไม่เปิดลิ้นชักความทรงจำที่เก็บอยู่ในห้องนอนสมัยเด็ก
ผมคิดถึงนักเรียนมัธยมต่างจังหวัดจำนวนมากที่มาเรียนต่อในเมืองหลวง เพื่อพบว่า วิชาชีพและงานของเขาคือประตูบานสำคัญในการหาความก้าวหน้าให้กับชีวิต และเป็นประตูบานที่ปิดให้เขาไม่สามารถกลับไปทำอะไรที่บ้านเกิดได้ในนามของวิชาชีพหรือวิชาที่เรียนมาในสมัยปริญญาตรี
หลายคนคงไม่รู้ว่า ตามต่างจังหวัดนั้น งานอาจจะหาไม่ยาก แต่งานที่ตรงกับสาย และมีเงินเดือนที่สมเหตุสมผล หากไม่ใช่ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจและองค์กรขนาดใหญ่แล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หลายคนที่จำใจกลับมาบ้าน ต้องฝืนทำงานต่ำกว่าวุฒิ เพื่อที่จะต้องอยู่ดูแลผู้คนที่บ้าน บางคนต้องกลับมาเริ่มชีวิตใหม่ทั้งหมด โดยทิ้งความถนัดและวิชาความรู้ที่ได้มาตลอดชีวิตปริญญาตรี
ความเป็นต่างจังหวัดมันอาจจะกลายเป็นบ้านที่เราจากมาโดยไม่อาจกลับไปได้สำหรับชนชั้นกลางจำนวนมาก เพราะบ้านหลังนั้น มันอาจจะเหมาะแค่เพียงพื้นที่พักใจช่วงสั้นๆ ให้เราโหยหาอดีตอันงดงาม แต่หาใช่ปัจจุบันที่มีอนาคตไม่
ดู แฟนฉัน ได้ที่ Netflix (ถึง 28 สิงหาคม 2564) และ Disney Plus