ถึงเวลารื้อแนวคิดซีรีส์สืบสวน? เหตุแห่งความเข้าใจผิดต่อระบบอำนาจจากภาครัฐ

เคร็ก กอร์ โพสต์ภาพถือปืนยืนหน้าบ้าน พร้อมขู่ว่าจะจัดการกับไอ้อีที่เข้ามายุ่มย่ามกับบ้านเขา เมื่อวันที่การชุมนุมเพิ่งดำเนินไปหลังการตายของ จอร์จ ฟลอยด์ เพียงไม่กี่วัน ท่ามกลางแรงสนับสนุนจากเพื่อนของเขามากมาย …นั่นคือการแสดงออกของคนเขียนบท Law and Order ซึ่งหากคุณคิดว่าการเสพข่าวอาชญากรที่ถูกทำให้ตายหรือหายไปโดยเจ้าหน้าที่รัฐคือสิ่งที่รับได้ เพราะอาชญากร ‘ควรจะได้รับการลงโทษ’ บางทีคุณอาจคล้อยตามกอร์ไปแล้ว

ขณะที่ซีรีส์โดยทั่วไปมีอายุเพียงชั่วระยะหนึ่งก็ต้องอำลา แต่ซีรีส์สืบสวนอย่าง CSI, NCIS, Criminal Minds, Law and Order ฯลฯ กลับมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบปีกันทั้งนั้น ทั้งยังแตกสาขาไปสู่จักรวาลการสืบคดีของเจ้าหน้าที่รัฐได้อีกไม่สิ้นสุด จนปฏิเสธไม่ได้ว่าเราอยู่กับซีรีส์ประเภทนี้จนถูกบิดเบือนการรับรู้เรื่องการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐจนเป็นเหตุแห่งการยอมรับความรุนแรงเหล่านั้น

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราคิดเอาเอง แต่มีงานวิจัยเป็นเรื่องเป็นราวจากองค์กร Color of Change หัวข้อ “การทำให้ความอยุติธรรมเป็นเรื่องปกติ: อันตรายจากการบิดเบือนเป็นซีรีส์สืบสวนทางโทรทัศน์” (Normalizing Injustice: The Dangerous Misrepresentations that Define Television’s Scripted Crime Genre) เผยแพร่ที่เทศกาลซันแดนซ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

งานวิจัยชิ้นนี้เน้นศึกษาซีรีส์สืบสวนซึ่งได้รับความนิยมมาเป็นเวลานานเหล่านั้น เพื่อหาคำตอบว่ามันมีอิทธิพลมากน้อยแค่ไหนในการทำให้สังคมเข้าใจผิดต่อกระบวนการยุติธรรมที่รัฐกระทำกับอาชญากร ละเลยความเป็นจริงที่นำไปสู่การไม่ยอมรับความต่างของเพศ สีผิว และวัฒนธรรม เพราะท้ายสุดแล้วมันก็กลายเป็นภาพแทนของกระบวนการยุติธรรมสำหรับผู้ชม

ในจำนวนตัวอย่างของซีรีส์สืบสวน 353 อีพี จาก 26 เรื่อง ทั้งที่ออกอากาศในทีวีและสตรีมมิ่ง ช่วงปี 2017-2019 และปรากฏว่า ‘พระเอก-นางเอก’ มักเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีระดับชำนาญการ ผิวขาว ขณะที่คนดำและสีผิวอื่นๆ มักเป็นตัวร้าย หรือผู้สมรู้ร่วมคิดเสมอ โดยมีเพียงสามครั้งเท่านั้นที่เจ้าหน้าที่สืบสวนจะกระทำผิด แต่แทนที่ซีรีส์จะคัดค้านการกระทำ บทกลับแก้ต่างให้พวกเขาแทน

การกำหนด ‘คนดี’ และ ‘คนร้าย’ จึงไม่อันตรายเท่าการสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงต่ออาชญากร แล้วมองมันเป็นเรื่องที่ควรยอมรับ โดยไม่คิดว่ากระบวนการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องทบทวนหรือแก้ไขแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อมีซีรีส์เหล่านี้ออกมามากมายจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันผู้คน ทำให้การใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ

ราชาด โรบินสัน ประธาน Color of Change กล่าวว่า “เรารู้แล้วว่าซีรีส์เหล่านี้มีอิทธิพลต่อวิธีคิดของผู้ชมทั่วโลกอย่างไร ดังนั้นอันตรายของบทซีรีส์กลุ่มนี้ก็คือการบิดเบือนความเข้าใจของผู้คนต่อคดีอาชญากรรม เพศ และเชื้อชาติ แทนที่จะบอกเล่าความจริงเพื่อผลเชิงบวกในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม ซีรีส์เหล่านี้กลับเพิกเฉยที่จะกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง”

หลังจาก เคร็ก กอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังบท Law and Order โพสต์รูปที่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงงัดกับความรุนแรงไม่ต่างกันนักกับท่าทีในซีรีส์ที่เขาเขียน ทำให้กอร์ถูกเด้งออกจากโปรเจกต์ภาคแยกของซีรีส์เรื่องดังกล่าวทันที

แต่นั่นเป็นเพียงปลายทางเท่านั้น เพราะการสอดแทรกความเข้าใจผิดต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างแนบเนียนของเขาและผู้สร้างซีรีส์สืบสวนอีกหลายเรื่อง – โดยอาจกล่าวได้ว่าท่าทีเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในอเมริกา – มันเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนความรุนแรงไปแล้ว

การตื่นรู้ของประชาชนที่มีต่อการกระทำความรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่รัฐทั้งในอเมริกา และอาจรวมถึงอีกหลายประเทศทั่วโลก… เป็นการส่งสัญญาณต่อผู้สร้างว่าพวกเขาอาจต้องทบทวนวิธีคิดต่อกระบวนการยุติธรรมในงานของตัวเองครั้งใหญ่


ข้อมูลประกอบ :
New Study Reveals How Crime TV Series Distort Understanding of Race and Criminal Justice System

Cops Are Always the Main Characters

‘Law & Order’ spinoff fires writer after he appeared to make threatening social media post

Related NEWS

LATEST NEWS