โชเน็นไม่เคยตาย! …ขอแนะนำ “Kimetsu No Yaiba ดาบพิฆาตอสูร” มาสเตอร์พีซที่เราไม่อยากให้คุณพลาด

ในวัยเด็กหลายๆ คนโตมากับมังงะและอนิเมะแนว “โชเน็น” (Shounen = เด็กผู้ชาย) เช่น ดราก้อนบอล คนเก่งฟ้าประทาน เซนต์เซย่า นารุโตะ วันพีซ แต่พอโตขึ้น เราจะเริ่มเบื่อการ์ตูนแนวโชเน็นที่เล่นสูตรสำเร็จจ๋าๆ แล้วหันไปอ่านหรือดูแนว “เซย์เน็น” (seinen) ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอย่าง Attack on Titan แทน

แต่บางครั้งก็มีโชเน็นใหม่ๆ ที่สามารถดึงคนดูที่โตขึ้นให้หันกลับมาดูได้ เช่น My Hero Academia และอนิเมะโชเน็นที่ฮิตสุดๆ ระดับปรากฏการณ์ในปีที่แล้วหนีไม่พ้น Kimetsu no Yaiba หรือ “ดาบพิฆาตอสูร”

“ดาบพิฆาตอสูร” ดัดแปลงจากมังงะชื่อเดียวกัน เขียนโดยอาจารย์ โคโยฮารุ โคโตเกะ พิมพ์ทางนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ (ลิขสิทธิ์ภาษาไทยโดย สยามอินเตอร์คอมิกส์) เล่าเรื่องของ “ทันจิโร่” ผู้พบว่าครอบครัวของตนโดนอสูรร้ายฆ่าล้างบาง เหลือเพียง ”เน็ตสึโกะ”น้องสาวที่โดนอสูรทำร้ายและติดเชื้อกลายเป็นอสูรไป เน็ตสึโกะควบคุมตัวเองไม่ได้และพยายามฆ่าทันจิโร่ แต่ก็ได้ “โทมิโอกะ” นักดาบจากองค์กรนักล่าอสูรมาช่วยไว้

โทมิโอกะตั้งใจจะฆ่าเน็ตสึโกะทิ้งเพราะคนที่กลายเป็นอสูรไปแล้วนั้นหมดทางเยียวยา แต่ทันจิโร่ไม่ยอม เอาตัวเองเข้าปกป้องน้องสาวและพยายามเรียกสติของเธอกลับมา ซึ่งก็สำเร็จ จนโทมิโอกะเลิกความคิดที่จะฆ่าเธอ เขาแนะนำให้ทันจิโร่เข้าองค์กรนักล่าอสูรเพื่อปกป้องน้องสาวและตามหาอสูรที่ฆ่าครอบครัวเขาให้เจอเพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เน็ตสึโกะกลับมาเป็นคนอีกครั้ง

จริงๆ แล้ว เนื้อเรื่องของ “ดาบพิฆาตอสูร” ไม่มีอะไรใหม่เลย เดินตามสูตรที่เราเห็นกันมานานเป๊ะๆ แต่สิ่งที่ทำให้มันโดดเด่นจนกลายเป็นงานฮิตสุดๆ เมื่อปีที่แล้ว อยู่ที่ ”ความยอดเยี่ยมของงานโปรดักชั่น” ที่สตูดิโอ Ufotable รังสรรค์ขึ้นมา สตูดิโอนี้ขึ้นชื่อด้านงานภาพที่สวยคมกริบ การเคลื่อนไหวแอนิเมชั่นที่ยอดเยี่ยม และผสมความงามของภาพแบบ 2D กับ 3D ได้อย่างลงตัว (ตัวอย่างงานเด่นๆ ของค่ายนี้ก็คือ ซีรีส์ Fate Zero ที่มีให้รับชมใน Netflix เช่นกัน)

แทบทุกซีนใน “ดาบพิฆาตอสูร” ถูกดีไซน์การเล่ามาอย่างดี ไดเร็กชั่นทุกอย่าง ไม่ว่าจะงานศิลป์ มุมกล้อง ซาวด์ดีไซน์ เพลงประกอบ ล้วนยกระดับให้มันกลายเป็นอนิเมะเกรด A++

แทบทุกซีนใน “ดาบพิฆาตอสูร” ถูกดีไซน์การเล่ามาอย่างดี ไดเร็กชั่นทุกอย่าง ไม่ว่าจะงานศิลป์ มุมกล้อง ซาวด์ดีไซน์ เพลงประกอบ ล้วนยกระดับให้มันกลายเป็นอนิเมะเกรด A++ โดยเฉพาะซีนแอ็กชั่นที่เป็นหัวใจของแนวโชเน็นนั้นมีการใช้ Dynamic Camera Movement ที่รวดเร็วรุนแรงและอิมแพ็กต์ทางความรู้สึก เอฟเฟ็กต์ของท่าดาบในเรื่องที่คล้ายภาพวาดพู่กันก็ยิ่งทำให้งานด้านภาพสวยงามขึ้นไปอีก มีหลายซีนสามารถพาคนดูไปถึงโมเมนต์ที่สุดขีดทางอารมณ์และชวนให้กลับมาดูซีนนี้ซ้ำได้บ่อยๆ จัดว่าเป็นงานกำกับระดับมาสเตอร์พีซของวงการอนิเมะในรอบหลายๆ ปีเลยทีเดียว โดยเฉพาะฉากไคลแม็กซ์ใน EP19 ที่จะเป็นที่ถูกกล่าวขานไปอีกนาน

ในแง่เนื้อเรื่อง ก็มีจุดเด่นตรงมีตัวละครที่แข็งแรง ตัวละครเอกอย่างทันจิโร่ไม่ได้ฆ่าอสูรเพื่อความแค้น เขามีความเห็นอกเห็นใจให้แก่เหล่าอสูรทุกตัวที่เป็นศัตรู ทางด้านฝั่งอสูรเองก็จะมีจุดเล่าว่าช่วงที่เป็นคนก่อนจะเป็นอสูรนั้น ทุกคนล้วนมีอดีตน่าสงสาร ตัวนางเอกอย่างเน็ตสึโกะไม่ใช่น้องสาวที่ต้องคอยให้ทันจิโร่ปกป้องฝ่ายเดียว เธอสามารถช่วยพี่ชายสู้ได้โดยไม่เป็นตัวถ่วง การดำเนินเรื่องก็ไปข้างหน้าเรื่อยๆ ทุกการต่อสู้ส่งผลต่อเรื่องและตัวละคร โทนเรื่องมีความดาร์คและจริงจังชวนให้ติดตาม

สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองที่ Netflix ครับ และปลายปีจะมีภาคหนังโรงเข้ามาฉายในไทยด้วย ถ้าดูแล้วชอบก็รอไปดูในโรงหนังกันต่อได้เลย

RELATED ARTICLES