Home Film News “ทำหนังเยียวยาโลก ทำสวนเยียวยาใจ” ศิลปินระดมทุนช่วยกระท่อมสวนหลังสุดท้าย ของ เดเร็ก จาร์แมน

“ทำหนังเยียวยาโลก ทำสวนเยียวยาใจ” ศิลปินระดมทุนช่วยกระท่อมสวนหลังสุดท้าย ของ เดเร็ก จาร์แมน

“ทำหนังเยียวยาโลก ทำสวนเยียวยาใจ” ศิลปินระดมทุนช่วยกระท่อมสวนหลังสุดท้าย ของ เดเร็ก จาร์แมน
Derek Jarman, Film maker, artist and stage designer at Prospect Cottage in Dungeness CREDIT Photographer Geraint Lewis

ตลอดชีวิตการเป็นศิลปินและคนทำหนัง เดเร็ก จาร์แมนสร้างผลงานเข้มข้นชวนฮือฮาไว้มากมาย แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไปด้วยอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับเอดส์ในปี 1994 สิ่งที่ปลอบประโลมใจให้เขาผ่านช่วงวิกฤตไปได้อย่างงดงาม คือ “การทำสวน” ❤️🌳☘️🍁

จาร์แมนเป็นคนทำหนังชาวอังกฤษคนสำคัญของวงการศิลปะอาวองการ์ดในลอนดอนช่วงทศวรรษ 1970-90 เขาสร้างงานโด่งดังหลายเรื่องที่นำเสนอประเด็นโฮโมอีโรติก เช่น Sebastiane (1976), Caravaggio (1986), Edward II (1991), Wittgenstein (1993), หนังวิพากษ์สังคมอย่าง Jubilee (1978), The Last of England (1987) กับยังเคยทำเอ็มวีให้ศิลปินดังๆ อย่าง เดอะสมิธส์, เพ็ตช็อปบอยส์ เป็นต้น

ในปี 1986 เขาพบว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี และแม้ทั้งโลกจะกำลังหวาดกลัวไวรัสนี้แบบบ้าคลั่ง จาร์แมนก็ยังตัดสินใจออกมาเปิดเผยอาการและเรียกร้องเพื่อผู้ป่วยอย่างกล้าหาญ ปีเดียวกันนั้นเขาไปเที่ยวชายหาดดันจีเนสส์ในมณฑลเคนต์แล้วพบกระท่อมชาวประมงยุควิกตอเรียหลังนี้เข้า จึงซื้อมันไว้ในราคา 32,000 ปอนด์ แล้วตั้งชื่อมันว่า Prospect Cottage หรือกระท่อมแห่งความหวัง และเปลี่ยนมันให้กลายเป็น “ที่หลบภัย” เพื่อทำงานศิลปะที่เขารัก

เป็นที่แห่งนี้นี่เองที่พลังแห่งการสร้างสรรค์ช่วงสุดท้ายของจาร์แมนพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด เขาทำหนังเรื่อง The Garden ที่นี่ (รูปด้านล่างภาพบน), เขียนหนังสือ Modern Nature ที่นี่, วาดภาพ ทำงานประติมากรรม และเขียนบทกวีมากมายที่นี่ กระทั่งเมื่อเอดส์ทำให้เขาสูญเสียการมองเห็น เขาก็ยังปลงประสบการณ์นั้นเป็นหนังเรื่อง Blue (1993) ซึ่งใช้เสียงบรรยายประกอบกับภาพสีฟ้า สื่อสารถึงความตายที่ใกล้เข้ามาและสีเพียงสีเดียวที่ตาของเขายังเห็นอยู่ (รูปด้านล่างภาพล่าง)

The Garden (รูปบน) และ Blue (รูปล่าง)

อย่างไรก็ตาม ผลงานน่าทึ่งที่สุดที่จาร์แมนสร้างที่นี่แม้ร่างกายจะป่วยไข้ ก็คือการทำสวนที่แสนงดงาม …มันไม่ธรรมดาเพราะแท้จริงแล้วภูมิทัศน์ของดันจีเนสส์นั้นแทบไม่มีอะไรเอื้อ ที่นี่มีทั้งโรงงานนิวเคลียร์, รางรถไฟ และชายหาดที่เต็มไปด้วยกรวด มองไปทางไหนเห็นแต่หิน แทบหาสีดินไม่เจอ …ต้นไม้น้อยสีสันสดใสที่ค่อยๆ ผุดขึ้นท่ามกลางสภาพแห้งแล้ง รวมเข้ากับการจัดวางสิ่งของที่เก็บมาได้จากชายหาดอย่างประณีตบรรจง จึงกลายเป็นงานศิลปะยิ่งใหญ่ชวนอิ่มใจชิ้นสุดท้ายที่เขาฝากไว้ให้แก่โลกใบนี้

จาร์แมนเสียชีวิตในปี 1994 โดยยกกระท่อมให้ คีธ คอลลินส์ พาร์ตเนอร์ของเขา ซึ่งดูแลมันต่อมาจนปี 2008 ที่เขาเสียชีวิตตามไป องค์กรการกุศลของอังกฤษคือ Art Fund จึงประกาศขอระดมทุนจากสาธารณชนเพื่อซื้อไว้ก่อนที่มันจะตกเป็นของเอกชนรายอื่น

แคมเปญนี้มีเพื่อนๆ มากมายของจาร์แมนเข้ามาช่วย โดยเฉพาะ ทิลด้า สวินตัน นักแสดงสาวคู่บุญซึ่งช่วยโปรโมทเต็มที่ ส่งผลให้ระดมได้ถึง 3.6 ล้านเหรียญจากผู้บริจาคกว่า 8,100 ราย ในเวลาแค่ 10 สัปดาห์ (สองคนในนั้นคือ เดวิด ฮ็อคนีย์ ศิลปินชื่อดัง และ แซนดี้ พาวเวลล์ -คอสตูมดีไซเนอร์ที่เริ่มงานอาชีพนี้ครั้งแรกในหนัง Caravaggio – ซึ่งนำชุดที่เธอสวมไปงานออสการ์, งาน Critics Choice Awards และงานบาฟต้า มาล่าลายเซ็นคนดังแล้วประมูลได้เงินมา 2 หมื่นเหรียญ)

หลังจากนี้ Creative Folkestone องค์กรศิลปะของเคนต์จะเป็นผู้เข้ามาดูแล Prospect Cottage พร้อมแผนจะใช้มันเป็นสถานที่ฝึกอบรมและที่พักสำหรับศิลปิน, นักวิชาการ, นักเขียน, คนทำหนัง, คนทำสวน และวิชาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานที่จาร์แมนสนใจ กับยังจะเปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวนัดหมายขอเข้าชมได้ด้วย

ส่วนข้าวของสำคัญๆ ที่จาร์แมนเคยเก็บไว้ในกระท่อม (เช่น สมุดโน้ต, สมุดสเก็ตช์ภาพ, ภาพวาด, ภาพถ่าย, รางวัลเชิดชูเกียรติจากบาฟตาที่เขาได้รับในปี 1992, กล้องซูเปอร์ 8 และสมุดจดที่อยู่ซึ่งเขาแปะภาพถ่ายเพื่อนๆ ไว้ จะนำไปจัดแสดงที่ Tate Britain ต่อไป)

ในไดอารี่ เดเร็ก จาร์แมนบันทึกถึงสวนของเขาไว้ว่า “การได้อยู่ท่ามกลางพืชที่ใช้เป็นยา, ลาเวนเดอร์, แดฟโฟดิล, เคลทะเล และผึ้งป่า ช่วยเยียวยาผมได้อย่างวิเศษ”

และ โอลิเวีย แลง นักเขียนที่เคยเขียนถึงสวนแห่งนี้ไว้ กล่าวส่งท้ายว่า “สวนเป็นดังดินแดนไร้กาลเวลา มันสามารถเชื่อมต่อเราไปสู่อนาคต …โดยเฉพาะเมื่อเราไม่รู้ว่าเรายังมีเวลาเหลือในชีวิตอีกมากแค่ไหน การปลูกต้นไม้ด้วยความรู้สึกว่ามันจะออกดอกในฤดูร้อนถัดไปนั้นเป็นการประคับประคองจิตใจที่มีพลังอย่างแท้จริง”

ภาพประกอบ : โดย เฮาเวิร์ด ซูลีย์ ช่างภาพที่รู้จักจาร์แมนตั้งแต่ปี 1991 และกลายเป็นเพื่อนกัน เขาเป็นคนขับรถพาจาร์แมนไปโรงพยาบาลหลายครั้ง และบ่อยครั้งที่ชวนกันไปชายหาดเพื่อเก็บซากของมาแต่งสวน

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here