หลายครั้งที่ผมเริ่มทำความรู้จักผู้คนใหม่ๆ พวกเขาจะคุยกันเองว่าผมมีลักษณะบางอย่างที่เหมือนกับคนรู้จักอีกคนหนึ่ง ผมไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะลักษณะทางกายภาพแบบลูกคนจีนที่มีอยู่เยอะแยะทั่วไปในบ้านเมืองนี้ บุคลิกท่าทางที่อาจจะไปลอกแบบใครๆ มาโดยไม่รู้ตัว หรือเพราะคู่แฝดที่ผมไม่เคยเห็นตัวนี้มันมีอยู่จริงกันแน่
คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าวันหนึ่งเดินไปเจอคนที่มีรูปร่างท่าทางเหมือนตัวเองเป๊ะๆ ราวกับเห็นภาพสะท้อนในกระจก เรื่องเหลือเชื่อพรรค์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วบนโลก และไม่ได้เกิดกับคนหน้าเหมือนแค่สองคนเท่านั้น แต่เป็นสามเลยต่างหาก นี่คือเรื่องราวของสารคดีที่มีชื่อว่า Three Identical Strangers
สารคดีเรื่องนี้ฉายครั้งแรกในเทศกาลซันแดนซ์ปี 2018 เล่าเรื่องราวประหลาดที่บ๊อบบี้ ชาฟราน ประสบพบเจอในปี 1980 วันที่เขาเข้าเรียนวันแรกในวิทยาลัยชุมชนซัลลิแวนเคาน์ตี้ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินลงจากรถ แทบทุกคนที่มาถึงก่อนหน้าก็แสดงท่าทีราวกับว่ารู้จักเขามาก่อน ผู้คนเดินเข้ามาทักทายอย่างสนิทสนม ตบหลังตบไหล่ หญิงสาวคนหนึ่งปรี่เข้ามาจูบเขาและบอกว่า “ฉันดีใจที่เธอกลับมานะเอ็ดดี้”
ปัญหาก็คือ เขาไม่เคยมาที่นี่
และเอ็ดดี้คนนี้คือใครกัน (วะ)
หลังจากติดต่อกันผ่านเพื่อนสนิทของเอ๊ดดี้ บ๊อบบี้ค้นพบทันทีว่าตัวเองมีแฝด พวกเขายืนยันได้จากข้อมูลวันเกิดและสถานเลี้ยงเด็กที่ตัวเองจากมา บ่ายวันนั้นบ๊อบบี้ขับรถตรงดิ่งไปหาเอ๊ดดี้ที่บ้าน เรื่องราวของพี่น้องผู้พลัดพรากกลายเป็นข่าวดังใหญ่โตทั่วประเทศ และยิ่งฮือฮาขึ้นอีกเมื่อแฝดคนที่สาม ‘เดวิด’ ปรากฏตัว เวทมนตร์ของเรื่องราวการพบพานนี้ทำให้แฝดสามดังระเบิด ทั้งสามหน้าตาเหมือนกัน บุคลิกเหมือนกัน มีรสนิยมความชอบแบบเดียวกัน ทั้งที่เติบโตมาจากสามครอบครัวที่มีฐานะและการเลี้ยงดูแตกต่างกันเหลือเกิน
เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้นี้เป็นไปได้จริงไหม
เราเป็นเราเช่นทุกวันนี้ได้เพราะผลจากกรรมพันธุ์เท่านั้นเลยหรือ
ผมเกือบรู้สึกว่าหนังใช้เวลากับการเล่าถึงความสวยงามแห่งการพบพานของแฝดทั้งสามนานเกินไปแล้ว ก่อนที่มันจะโยนข้อสงสัยในเหตุบังเอิญที่ว่านี้มาเพื่อขับเคลื่อนเรื่องในองก์ต่อไป ปิศาจร้ายในรายละเอียดนี้เผยตัวออกมาเล็กน้อยเมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งแสดงความสงสัยอย่างโจ่งแจ้งต่อสถานดูแลเด็กอ่อนหลุยส์ไวส์เซอร์วิสเซส (Louise Wise Services) สถานสงเคราะห์ดำเนินการโดยชาวยิวที่รับแฝดสามมาดูแลก่อนจะส่งต่อให้พ่อแม่อุปถัมภ์ ใช่แล้ว…กลุ่มคนที่ไม่พอใจพวกนั้นคือพ่อแม่อุปถัมภ์ของเด็กทั้งสามคนนั้น กฎการเปิดเผยข้อมูลภูมิหลังทั้งหมดของเด็กให้แก่ผู้อุปถัมภ์ถูกละเมิด โดยคณะกรรมการให้เหตุผลว่า ทำไปเพื่อให้มีคนรับอุปการะเด็กง่ายขึ้น ไม่มีใครหรอกที่จะอยากมีลูกพร้อมกันคราวละสามคน
และชิ้นส่วนสุดท้ายของปริศนานี้ก็เข้าสู่ที่ทางของมัน เมื่อลอว์เรนซ์ ไรท์ นักข่าวและนักเขียนแห่งนิวยอร์กเกอร์เข้าถึงข้อมูลที่ว่ามีการทดลองทางจิตวิทยาเกิดขึ้นอย่างลับๆ โดยใช้เด็กแฝดเป็นตัวแปรควบคุมเพื่อหาว่าระหว่างการเลี้ยงดูและพันธุกรรม อะไรมีผลต่อการกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์มากกว่ากัน ทิศทางของสารคดีหักเลี้ยวจากมหัศจรรย์แห่งชีวิต สู่หลุมมืดของการศึกษาทดลองทางจิตวิทยาทันที
ครอบครัวทั้งสามมีลักษณะร่วมกันอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาเคยอุปการะเด็กหญิงมาก่อน อยู่ห่างจากหลุยส์ไวส์เซอร์วิสเซสในรัศมีหนึ่งร้อยไมล์ ต่างกันเพียงฐานะทางการเงินและการศึกษา ยังมีข้อมูลอีกว่าแฝดสามกลุ่มนี้ไม่ใช่แฝดกลุ่มเดียวที่ถูกจับแยกกัน มีแฝดอีกหลายคู่หลายกลุ่มถูกแยกกัน แฝดทุกกลุ่ม ถือกำเนิดขึ้นมาจากแม่ที่มีประวัติการเข้ารักษาอาการทางจิตและได้รับการช่วยเหลือจากหลุยส์ไวส์ รวมกับการที่มีคนมาสำรวจพัฒนาการของเด็กๆ อย่างต่อเนื่องหลายปี นี่คือการทดลองลับที่ว่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
Three Identical Strangers รอดพ้นจากการเป็นบันเทิงคดีทั่วไปและกลายร่างเป็นหนังที่ตั้งคำถามกับศีลธรรมการศึกษาทดลองได้อย่างแหลมคมเหลือเชื่อ คำถามสำคัญชวนคิดต่อก็คือ ในนามของการศึกษาอันเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ ผู้ทดลองมีความชอบธรรมแค่ไหนในการเลือกทำร้ายมนุษย์บางคนเพื่อหาคำตอบ
“แน่นอนแหละว่าถ้าเอามาพูดกันตอนนี้มันก็โหดร้าย แต่คุณใช้ศีลธรรมชุดเดียวกันนี้ตัดสินคนเมื่อซัก 50-60 ปีไม่ได้นะ สมัยนั้นคนแทบไม่กระดิกกับคำว่าจิตวิทยาเลยด้วยซ้ำ” เลขาของปีเตอร์ นอยเบาเออร์ นักจิตวิทยาเด็กแห่งเยล หัวหน้าทีมทดลองโปรเจกต์ลับนี้กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง
ทว่าความเสียหายก็เกิดขึ้นแล้วอย่างถาวร ตั้งแต่อาการวิตกกังวลของเด็กแฝดทุกคนที่ถูกจับแยกกันตั้งแต่ยังเล็ก โรคภัยอาการทางจิตที่พวกเขาทุกคนประสบในตอนวัยรุ่น ลุกลามไปถึงความเสียหายต่อพฤติกรรมของพวกเขาตลอดชีวิต ข้อเท็จจริงที่น่าเศร้าอีกประการของการทดลองครั้งนี้ก็คือ มันจบลงกลางคันและไม่ให้ดอกผลอะไรที่มีประโยชน์ต่อการสรุปว่าการเลี้ยงดูหรือกรรมพันธุ์ส่งผลต่อพฤติกรรมชั่วชีวิตของมนุษย์มากกว่ากัน หมายความว่า ชีวิตบางส่วนของพวกเขาและแฝดกลุ่มอื่นๆ ถูกทุบทำลายลงไปโดยไม่เกิดผลใดๆ ต่อการศึกษาเลย
นักวิทยาศาสตร์ยุคต่อมาไม่ได้ค้นพบอะไรเพิ่มเติมมากนักว่าสิ่งใดมีผลมากกว่ากัน สารคดี Sex, Explained ตอน Attraction มีข้อเท็จจริงน่าสนใจ (ซึ่งได้มาจากการออกแบบสำรวจ ดูทารุณน้อยกว่าการแยกทารกแฝดออกจากกันแต่เล็กทีเดียว) มันพูดถึงอิทธิพลภายนอกอย่างการเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อมว่ามีผลต่อรสนิยมทางเพศของบุคคลใดๆ คำตอบคือ มันมีผลมากเท่ากับที่ปัจจัยภายในอย่างสภาพทารกในครรภ์และพันธุกรรมมีผลต่อพฤติกรรมของคนคนนั้นใน กล่าวคือการที่เราเป็นเรา มีปัจจัยมากมายเกินกว่าจะฟันธงว่าเราถูกหล่อหลอมให้โตมาเป็นคนเช่นนี้ หรือมีบางอย่างกำหนดความเป็น “ตัวเรา” มาตั้งแต่แรก (ซึ่งคลาดเคลื่อนไปจากความเข้าใจว่าการเลี้ยงดูมีผลต่อพฤติกรรมมากกว่า อันเป็นแนวคิดกระแสหลักอยู่พอสมควร) ข้อเท็จจริงชุดนี้ยิ่งขับความเหมือนและต่างในขณะเดียวกันของแฝดสามออกมาให้เห็นเด่นชัด ความเหมือนกันอย่างน่าอัศจรรย์เป็นเพียงสิ่งที่ฉาบเคลือบความรู้สึกแตกต่างกันที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
กล่าวคือการที่เราเป็นเรา มีปัจจัยมากมายเกินกว่าจะฟันธงว่าเราถูกหล่อหลอมให้โตมาเป็นคนเช่นนี้ หรือมีบางอย่างกำหนดความเป็น “ตัวเรา” มาตั้งแต่แรก
แม้จะไม่อาจบอกได้ว่าการพบพานของบ๊อบบี้ เอ๊ดดี้ และเดวิดเป็นผลงานของโชคชะตาล้วนๆ แต่ก็ใช่ว่ามันจะหมดสิ้นมนต์เสน่ห์ลงไป เรื่องราวของคนแปลกหน้าที่รู้กจักกันดีตั้งแต่แรกเห็นนี้ทิ้งคำถามสำคัญเอาไว้หลังเครดิตว่า เราต้องไปให้ไกลแค่เพื่อให้พบกับความจริง เพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติ หรือเราแค่ต้องยอมรับว่าพวกเราต่างกัน การวางข้อสงสัยนั้นลงและปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นก็ถือเป็นความเมตตาที่เพียงพอแล้ว ข้อมูลในตอนท้ายเปิดเผยว่ายังมีแฝดอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีพี่น้องที่ถูกพรากจากกันตั้งแต่เกิด ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าข้อมูลปกปิดของโครงการนี้จะสร้างความปิติยินดีหรือสร้างแผลใจให้กับผู้ร่วมทดลองโดยไม่สมัครใจมากกว่ากัน เป็นไปได้ว่าสักวันหนึ่งพวกเขาอาจจะเดินมาเจอกันที่มุมถนนสักที่ก็ได้
คุณจะรู้สึกอย่างไรหากได้เจอกันแฝดของตัวเองในวันหนึ่ง?
ช่างเป็นคำถามที่ชวนขนลุกขนพองอยู่ไม่น้อยทีเดียว
Three Identical Strangers มีให้รับชมแล้วทาง Netflix