Home Review Film Review MIDNIGHT CINEMA 03 : Ju-On Origins ประวัติศาสตร์ของความรุนแรง

MIDNIGHT CINEMA 03 : Ju-On Origins ประวัติศาสตร์ของความรุนแรง

0
MIDNIGHT CINEMA 03 : Ju-On Origins ประวัติศาสตร์ของความรุนแรง

คำว่า Ju-On อาจแปลได้ว่า ‘คำสาปที่เกิดจากแรงอาฆาตของคนที่ต้องตายไปพร้อมกับความเคียดแค้น’ เราอาจแบ่งมันออกได้เป็นสองคำนั่นคือคำว่า ‘คำสาป’ และความ ‘อาฆาต’

Ju-on สองภาคแรกออกฉายในปี 2000 โดยทั้งสองภาคเป็นหนังที่ทำตรงลงวิดีโอ (V-Cinema) ที่มักถ่ายทำง่ายๆ ถูกๆ โดยมากใช้กล้องวิดีโอแทนที่จะเป็นฟิล์ม โดย Takashi Shimizu หนัง V-Cinema หนังเป็นเหมือนภาคขยายจากหนังสั้นก่อนหน้าสองเรื่องก่อนหน้าของเขาเองนั่นคือ Katasumi และ 4444444444 (1989) ที่เล่าเรื่องของนักเรียนหญิงและนักเรียนชายที่หายตัวไปหลังจากโดนผีเด็กชายตัวขาวโพลนหลอก

Ju-on สองภาคแรกมีชื่ออังกฤษว่า The Curse มันเล่าเรื่องของบ้านเดี่ยวสองชั้นแห่งหนึ่งในโตเกียว บ้านที่ไม่ว่าใครที่เข้าไปในบ้านก็จะต้องคำสาป ไม่ว่านายหน้าอสังหาริมทรัพย์ พวกนักเรียน หรือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผัวเมียที่ย้ายเข้าไปใหม่ ทุกคนจะรู้สึกถึงความประหลาดของบ้านที่ดูเผินๆ เหมือนบ้านทั่วไป หากก็ดูผิดประหลาด บ้านที่มิติเวลาเหลื่อมซ้อน และที่สุดต้องประสบพบเจอกับผีสาวตัวขาวโพลนร่างบิดเบี้ยว ตาเหลือกลาน และลูกชายของเธอที่ร้องเสียงเหมือนแมว ตัวขาวโพลนเหมือนแม่ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบ้านต้องสาปต้องตาย ตายอย่างไม่มีเหตุผลปากอ้าตาค้างร้องขอชีวิต

หนังเล่าเรื่องโดยตัดเป็นตอนสั้นๆ ตามชื่อตัวละครที่เข้าไปในบ้านและต้องตายด้วยรูปแบบของเรื่องสั้นๆ เป็นตอนๆ ความตายอันไร้เหตุผลซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นรวมมิตรฉากผีหลอกวิญญาณหลอนที่มีทั้งความสยองขวัญไปจนถึงความตลกพิลึก ขณะเดียวกันหนังก็เฉลยที่มาที่ไปของผีแม่ลูกโดยพาผู้ชมย้อนกลับไปยังจุดกำเนิดของเรื่อง มันคือเรื่องของคู่ผัวเมีย ทาเคโอะ และคายาโกะภรรยาที่เป็นคนเก็บตัว ทั้งคู่กับ โทชิโอะลูกชาย และแมวของบ้านย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ คายาโกะพบว่าครูของโทชิโอะลูกชายของเธอคือคนที่เธอเคยคลั่งไคล้เขาและยังคลั่งไคล้อยู่

ต่อมาโทชิโอะไม่มาโรงเรียนหลายวัน คุณครูเลยไปเยี่ยมบ้าน เขาพบโทชิโอะนั่งซึมบนพื้นห้อง เหม่อลอย ไม่คุยกับเขา เขาพยายามเรียกหาคุณแม่แต่ไม่มีใครตอบรับ จนกระทั่งเขาขึ้นไปบนชั้นสอง พบไดอารี่ของคายาโกะ และ พบศพของเธอ ในอีกทางหนึ่ง ทาเคโอะสามีจอมหึงหวง ตามสืบจนพบบ้านของเขา และสังหารภรรยาที่กำลังท้องของครู ควักเอาทารกในครรภ์ออกมา เดินอุ้มซากทารกเดินไปตามถนน ก่อนจะถูกผีของคายาโกะตามมาล้างแค้น

Ju-on : The Curse

Ju-on : The Curse ฮิตอย่างเงียบๆ ในฐานะหนังสยองขวัญที่ประหลาด เย็นเยียบ และหยิบเอาความรุนแรงในครอบครัวมาเป็นพื้นอย่างน่าตื่นเต้น ทำให้มันถูกเอาไปทำเป็นหนังโรง อีกสองภาคตามออกมาในชื่อ Ju-on : The Grudge (2002, 2003) (ในไทย หนังสองภาคนี้นับเป็นภาค 1 และ 2 ในขณะที่ The Curse ถูกนำมาตัดรวมกันใหม่และออกฉายในไทยในฐานะภาค 3) ต่อมาหนังฉบับฉายโรง ถูกนำไปรีเมคเป็นหนังฮอลลีวูดอีกสามภาค และกลับมาทำภาคต่อในญี่ปุ่น อีก 5 ตอน และเพิ่งมีฉบับรีเมคฮอลลีวูดอีก 1 ภาคในปีที่แล้ว

แม้เสียงของผู้ชมจะแตกออกเป็นสองแบบ คือถ้าไม่ขนหัวลุก ก็จะรู้สึกว่ามันตลกและไร้เหตุผลไปเลย แต่ความไร้เหตุผลดูจะเป็นแกนกลางของหนัง ทั้งในเชิงเทคนิคและประเด็น กล่าวคือ ความไร้เหตุผลของการหลอกหลอนของผีแม่ลูก (เพียงเพราะผู้เคราะห์ร้ายโผล่เข้าไปในบ้าน) ทำให้เหตุการณ์ที่กระจัดกระจายในหนังคล้ายคลึงกับประสบการณ์ผีจากทางบ้าน อันเป็นหนึ่งในขนบหนังที่ฮิตในแวดวง V-Cinema และรายการทีวีของญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ซีรีส์อย่าง Honto ni Atta Kowai Hanashi ที่มีฉายทุกปีมาต่อเนื่องยาวนานนับสิบปี หนังจำลองประสบการณ์เจอผีของนาย X จากเมือง Y ที่บังเอิญขับรถผ่านถนน A เข้าพักโรงแรม B หรือเรียนโรงเรียน C แล้วก็เจอดีโดยบังเอิญ ไม่มีเหตุผลที่มาที่ไป บางครั้งเป็นเพียงเหตุการณ์ลึกลับที่อธิบายไม่ได้ ความสมจริงมักแปรผันตรงกับการเป็นเรื่องเล่าที่ไม่เป็นวรรณกรรม เป็นเพียงห้วงเหตุการณ์ที่หาคำอธิบายไม่ได้ ในหนังขนบนี้มักเป็นเรื่องสั้นๆ ต่อๆ กัน บางครั้งเป็น found footage บางครั้งก็เป็นหนังจำลองเหตุการณ์

ความไร้ที่มาที่ไป และความหลอกหลอน (Uncanny) ที่ทำให้เหตุการณ์ปกติในชีวิตประจำวัน เช่นการไปโรงเรียน นั่งรถโดยสาร เช่าห้องใหม่ หรือไปเที่ยวพักผ่อน กลายเป็นประสบการณ์ประหลาดที่เราไม่เข้าใจ ไม่มีบทสรุป กลายเป็นความน่ากลัวที่ได้ผลกว่าการเป็นเรื่องเล่าที่มีที่มาที่ไป มีต้นมีกลางมีบทสรุป

ความไม่มีเหตุมีผลนี้ยังไปได้ดีกับการเป็น ‘คำสาป’ ที่มีลักษณะของการเล่นงานไม่เลือกหน้าอีกด้วย ในขณะที่หนังผีตามขนบมักเล่าเรื่องเพื่อให้เป็นเรื่องเล่า ผีในสมัยใหม่กลายเป็นผีที่มีเหตุมีผล ในแง่ที่แกนกลางของเรื่องคือการที่ผีมาหลอกหลอน เพราะความปรารถนาของผีไม่ถูกเติมเต็มขณะที่มีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะคือความปรารถนาต่อสิ่งที่ตัวเองรัก หรือสิ่งที่ตัวเองเกลียด ความห่วงใยหรือเคียดแค้น เมื่อตัวเอกสามารถสางปม เติมเต็มความปรารถนากับผี ผีที่มีเหตุผลย่อมกลับไปสู่ที่จากมา หายไป เกิดใหม่ กลับคืนสู่ภพภูมิ เรื่องราวจบลง

แต่ผีคายาโกะใน Ju-on (อาจกล่าวรวมไปถึงผีซาดาโกะใน Ringu ที่เป็น ‘รุ่นพี่’ ด้วย) กลับไม่เป็นเช่นนั้น คล้ายกันกับ The Ring ความอาฆาตของคายาโกะเปลี่ยนจากคนใดคนหนึ่งที่เฉพาะเจาะจงเป็นโลกทั้งใบ คำสาปของเธอทำงานแบบ Automate เมื่อเข้าบ้านไม่ว่าใครก็จำต้องโดนคำสาป และต้องตาย คำสาปที่ไร้เหตุผลทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ามันมีบางสิ่งไม่ถูกต้อง และออกจะไร้สาระราวกับการถูกผีหลอกจนตายเป็นโชคชะตาที่เลือกไม่ได้ การที่มันไม่มีเหตุมีผลทำให้เราควบคุมไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ ซึ่งเท่ากับเอาชนะไม่ได้ และนั่นทำให้มันเป็นเรื่องน่าอึดอัดที่เราเสียเงินมาดูคนถูกผีหลอกตายไปเรื่อยๆ ยาวสองชั่วโมง แม้ว่าจริงๆ เราตั้งใจจะมาดูสิ่งนั้น แต่ความพึงพอใจของเราคือการได้ตีสองหน้าว่าหลังจากสาแก่ใจกับความตายของตัวประกอบแล้ว ภูติผีกระด้างกระเดื่องต้องถูกกำจัดเพื่อให้ผู้ชมได้รับความพึงพอใจและคืนสู่โลกเดิม ความไม่อาจถูกปราบของคายาโกะจึงเป็นความไม่ลงรอยกับขนบ กับความคาดหวัง และความเป็นเรื่องเล่าของมัน

ความพึงพอใจของเราคือการได้ตีสองหน้าว่าหลังจากสาแก่ใจกับความตายของตัวประกอบแล้ว ภูติผีกระด้างกระเดื่องต้องถูกกำจัดเพื่อให้ผู้ชมได้รับความพึงพอใจและคืนสู่โลกเดิม ความไม่อาจถูกปราบของคายาโกะจึงเป็นความไม่ลงรอยกับขนบ กับความคาดหวัง และความเป็นเรื่องเล่าของมัน

เราอาจกล่าวได้ว่า Ju-On ยืนอยู่บนความไม่ลงรอยนี้ เป็นการขยายผลของการล้างแค้นของผู้หญิงที่ไม่สามารถทำได้ในขณะที่เธอมีชีวิต มันพูดถึงความรุนแรงในครอบครัว และผลของมันในการสร้างความอาฆาตแค้นที่แผ่ลามไปในสังคม ซึ่งทั้งหมดถูกเล่าแบบย้อนเกล็ดจากผลไปหาเหตุใน Ju-On : Origins

ไม่มีคายาโกะและโทชิโอะใน Ju-On : Origins หนังถอยหลังพาผู้ชมกลับไปเริ่มเล่าเรื่องในปี 1988 ปีที่เกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญฆ่าโบกปูน คดีลือลั่นเมื่อมีการพบศพของหญิงสาวในถึงที่ถูกเทปูนซีเมนต์ทับ และเรื่องจริงเธอคือจุนโกะ ฟุรุตะนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกเพื่อนชายสี่คนลวงไปข่มขืน กักขังทรมานนานนับเดือนแล้วฆ่าทิ้ง

ทั้งหมดเหลือเพียงบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังหนึ่งใจกลางเมือง ชายหนุ่มอยากซื้อบ้านไว้เป็นเรือนหอให้กับฮารุกะดาราสาวคนรัก แต่หลังจากกลับจากการไปดูบ้าน เขาและคนรักก็ต้องเจอเหตุการณ์ประหลาดเช่นเสียงคนเดินในบ้าน หลังจากเจอเรื่องประหลาด ฮารุกะไปออกรายการทีวีและได้พบกับโอดาจิมะ นักเขียนที่ตามล่าเรื่องผี ประสบการณ์สยองขวัญมาเขียนหนังสือ เขาเสนอตัวช่วยเธอแต่ไม่มีใครยอมบอกว่าบ้านหลังนั้นอยู่ที่ไหน จนในที่สุดเพื่อนชายของฮารุกะก็ต้องพบกับเรื่องสยองขวัญ ในอีกทางหนึ่ง คิโยมิ เด็กสาวที่เพิ่งย้ายมากลางเทอม ถูกเพื่อนสาวที่หมั่นไส้หลอกไปที่บ้านหลังนั้น แล้วให้เพื่อนชายมาข่มขืน ราวกับเป็นการทำซ้ำคดีของจุนโกะ ฟุรุตะ แต่ในบ้านวันนั้น หนึ่งในสองสาวลวงเพื่อนหายตัวไปเฉยๆ และคิโยมิก็เจอผีผู้หญิงที่ห้องใต้หลังคา และกลายเป็นว่าเธอเป็นฝ่ายขโมยเอาคนที่ข่มขืนเธอให้มาเป็นทาสรับใช้เธอเสียเอง

หกปีต่อมาในปี 1994 ที่มีคนของลัทธิโอม ชินริเกียวเอาแก๊สซารินไปปล่อยในสถานีรถไฟเป็นครั้งแรก คิโยมิให้กำเนิดลูกชายที่กลายเป็นเด็กมีปัญหานั่งชันเข่านอกบ้าน เด็กหนุ่มที่ข่มขืนเธอกลายมาเป็นสามีเจ้าอารมณ์ที่ทุบตีเธอไม่เว้นแต่ละวันด้วยความเคียดแค้น เธอยังพบเห็นผีหญิงสาวคนนั้น ปีต่อมาเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในโกเบ และเกิดคดีแก๊สซารินครั้งที่สองที่ทำให้คนตายจำนวนมาก ครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านนั้น คนสามีลักลอบคบชู้กับภรรยาของชายหนุ่มอีกคนเพราะพวกเขาเคยเป็นคนรักกันสมัยเรียน นำมาสู่การฆาตกรรมที่สยองขวัญโหดเหี้ยมซึ่งเกี่ยวข้องกับการแหวกท้องควักทารกออกมา

โอดาจิมะยังคงตามเรื่องนี้ มันกลายเป็นว่าเขาเคยอยู่บ้านหลังนี้ตอนเป็นเด็ก และรู้เห็นการหายตัวไปในบ้านของพี่สาวและพ่อ เขาเป็นเหมือนลูกชายคนเดียวที่รอดบ้านนี้มีประวัติย้อนไปตั้งแต่หลังสงครามโลก ที่มีการเอาผู้หญิงมากักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนจนท้อง เธอคลอดลูก แต่เด็กหายสาบสูญ และเธอโดนฆ่าตายในบ้าน

ปี 1997 คดีสะเทือนขวัญของการฆ่าในโกเบตัดหัวนักเรียนมาวางกลางสนาม และประกาศท้าทายตำรวจฆาตกรอายุเพียงสิบสี่และฆ่าเพราะอยากจะฆ่า ในปีนั้นมีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามา โอดาจิมะพยายามจะเตือนพวกเขาเรื่องคำสาปของบ้านแต่ก็เหมือนจะสายเกินไป

กลายเป็นว่า Ju-On เปลี่ยนจากหนังผีแม่ลูกตัวขาวไปสู่มหกรรมของคดีฆาตกรรมภายในครอบครัวที่สยองขวัญสั่นประสาทสุดขีด หนังไม่ปรานีเรื่องเลือดเรื่องเหนื้อและเต็มไปด้วยฉากการฆ่าที่บ้าคลั่ง ขณะเดียวกันมันคือการรีเมคคดีฆ่าคายาโกะและลูกชายจากต้นฉบับ เอามาฉีกเป็นชิ้นๆ กระจายกลับเข้าไปในชีวิตของคนที่มาอาศัยในบ้านที่ดูเหมือนเวลาไหลทบเข้าหากัน

เรื่องชั่วร้ายในบ้านดำเนินคลอไปกับคดีฆาตกรรมจริงๆ ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์ของบ้านจึงร่วมไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์แห่งความรุนแรงในสังคมญี่ปุ่น คดีที่การฆ่าเป็นการฆ่าโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ บ้านจึงเป็นภาพแทนของ ‘origin’ จุดกำเนิดของความชั่วร้าย บ้านที่เป็นหน่วยย่อยที่สุดของชาติ บ้านบรรจุครอบครัวเดี่ยว (ทุกคนที่ย้ายมาอยู่ในบ้านเป็นครอบครัวเดี่ยวพ่อแม่ลูก) ครอบครัวเดี่ยวเป็นหน่วยย่อยของชาติ ประวัติศาสตร์ความรุนแรงของชาตินี้สามารถสรุปได้คร่าวๆ ถึงความป่วยไข้วิปริตของคนในชาติ ประวัติศาสตร์ของความรุนแรงในชาติย้อนกลับไปอุปมาเปรียบเปรยกับบ้าน ขณะเดียวกันเวลาของหนังดูเหมือนเหลื่อมซ้อน ย้อนไปมา เหตุการณ์ในอนาคตกลับมาเกิดในอดีต เวลาในบ้านไม่เหมือนเวลาที่เคลื่อนไปข้างหน้าหรือไม่วนเป็นวงกลม แต่มันเป็นเหมือนกองสุมของเหตุการณ์ซึ่งไหลซึมเข้าหากัน บ้านกลายเป็นมิติเวลาที่หยุดนิ่ง ราวกับว่ามันคือพื้นที่เอื้อให้เหตุการณ์บังเกิดซ้ำ อดีตของความชั่วร้ายเป็นแรงผลักให้มันเกิดขึ้นซ้ำ ราวกับประวัติศาสตร์หนุนเนื่องกันไป

กล่าวให้ง่ายที่สุด จุดกำเนิดของความรุนแรงคือครอบครัวเชิงเดี่ยวของคนญี่ปุ่นหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เราอาจบอกได้ว่า Ju-On : Origins คือมหกรรมลูกฆ่าแม่ ผัวฆ่าเมีย ทุกคนตกอยู่ใต้อาชญากรรมอันเป็นแรงบีบคั้นจากความเป็นครอบครัวที่ต้องติดอยู่ด้วยกัน ครอบครัวเดี่ยวแบบที่ผู้ชายถือครองอำนาจสูงสุดในการเป็นเจ้าของ ‘บ้าน’ เจ้าของทรัพย์สิน โดยเมียและลูกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทรัพย์สิน ครอบครัวเดี่ยวแบบญี่ปุ่นจึงเป็นทั้งแบบจำลองของชาติ และแบบจำลองของการกดขี่ผู้หญิงขั้นรุนแรง อาการป่วยไข้ที่แสดงอาการออกมาในรูปของการความเกลียดชัง ความอาฆาตแค้นและการฆ่า

Ju-On : Origins คือมหกรรมลูกฆ่าแม่ ผัวฆ่าเมีย ทุกคนตกอยู่ใต้อาชญากรรมอันเป็นแรงบีบคั้นจากความเป็นครอบครัวที่ต้องติดอยู่ด้วยกัน ครอบครัวเดี่ยวแบบที่ผู้ชายถือครองอำนาจสูงสุดในการเป็นเจ้าของ ‘บ้าน’ เจ้าของทรัพย์สิน โดยเมียและลูกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทรัพย์สิน

ผีผู้หญิงในหนังจึงเป็นการเอาคืนที่เธอจะมีอำนาจได้ก็ต่อเมื่อตายไปแล้วเท่านั้น ผีผู้หญิงเป็นผีของความโกรธแค้นที่ผู้ชายกระทำต่อเธอ ไม่ใช่แค่ผู้ชายคนใดคนหนึ่ง แต่คืออาชญากรรมที่กระทำร่วมกันจากการให้ท้ายพวกผู้ชาย ให้เป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของผู้หญิงชอบธรรมที่จะทุบตีหรือทำลายผู้หญิงลงได้ มันจึงเป็นเรื่องของระบบไม่ใช่ปัจเจก เรื่องของบ้านไม่ใช่คน สิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในสังคมญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องของคนชั่ววิปริตฆ่าคนอื่น แต่มันมาจากระบบที่เอื้อให้ผัวถือครองเมีย และฆ่าเมีย ข่มขืนเมีย หรือผู้ชายพาผู้หญิงมาข่มขืน และข่มขู่เธอหลังจากนั้น

จากจุดนี้เราจึงย้อนไปหาคำสาปของคายาโกะในต้นฉบับ ทำไมทุกคนถึงต้องตาย เพราะทุกคนไม่ได้ทุบตีเธอกับลูก แต่ทุกคนมีส่วนร่วมเชิงระบบที่เสริมการดำรงอยู่ของสิ่งนี้ต่างหาก ทุกคนจึงเป็นคนที่เธอเคียดแค้น ในแง่นี้คำสาปของคายาโกะจึงเป็นคำสาปแช่งต่อระบบที่ฉ้อฉลมากกว่าคนที่เลวทรามคนใดคนหนึ่ง

จริงๆ หนังมีประเด็นลูกที่ไม่ได้เกิดมาของผู้หญิงคนนั้น ที่ซ้อนเข้ากับลูกชายคนที่รอดของโอดาจิมะ และลูกชายสมองพิการของคิโยมิ ทั้งหมดเป็นภาพเปรียบเปรยของโทชิโอะ ที่ไม่มีบทบาทอะไรในเรื่องนี้ และเรื่องนี้น่าจะถูกเก็บไว้สำหรับ Season ต่อๆ ไป

ด้วยข้อเสนอนี้ Ju-on : Origins จึงพาเรากลับไปหาเหตุแห่งผี ต้นกำเนิดของความชั่วร้าย ในขณะที่ Ju-on เป็นผลของการสาปแช่งจากต้นเหตุเหล่านี้ กลับไปยังบ้านที่เคยมีความหมายในฐานะของหน่วยย่อยของสังคม ซึ่งเมื่อกลับด้านมันขึ้น มันก็เป็นสถาปัตยกรรมของความรุนแรงไปในท้ายที่สุด

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here