Home Review Film Review OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ: สร้างความรักภายใต้โลกทุนนิยม

OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ: สร้างความรักภายใต้โลกทุนนิยม

OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ: สร้างความรักภายใต้โลกทุนนิยม

*หมายเหตุ : บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์

หากจะมอง OMG! ว่าเป็นหนังรักทั่วไปก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด หากดูแค่เรื่องย่อว่า กาย หนุ่มหน้ามนคนมหา’ลัยที่รู้สึกว่าพระเจ้าไม่เข้าข้างเขาเรื่องความรักเอาเสียเลย เขารักจูน เพื่อนสนิทหน้าตาดี ดีกรีเชียร์ลีดเดอร์ที่ไม่มีใครคบเพราะหน้าตาดีเกินไปและมีข่าวลือว่าเธอเปลี่ยนผู้ชายไปทั่ว ในช่วงที่กายตกหลุมรักจูน เขากลายเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทที่คอยปลอบใจจูน แต่ไม่มีโอกาสได้เป็นตัวจริง และต้องสวนทางกันอย่างบ่อยครั้ง เมื่อจูนโสด เขากลับมีแฟน และเมื่อเขาโสด จูนก็มีแฟน เขาได้แต่โทษโชคชะตาที่ไม่เคยบันดาลให้เขาสมหวังสักที

การเล่าเรื่องความรักในช่วงมหา’ลัยนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หนังโรแมนติกหลาย ๆ เรื่องมักเล่าเรื่องตัวละครในช่วงวัยรุ่นหัวเลี้ยวหัวต่อ พร้อมกับการเติบโตและเรียนรู้ครั้งใหญ่ พวกเขาอาจทำสำเร็จหรือพวกเขาอาจทำพลาดก็ได้ หนังหลาย ๆ เรื่องก็เคยเล่าถึงความรักที่ไม่สมหวัง การไม่ได้มาครอบครอง แต่ว่าแค่ได้มองดูความสำเร็จอยู่ห่าง ๆ ก็ถือว่าน่ายินดีพอแล้ว เรื่องความรักหอมหวานในช่วงเยาวรุ่นที่พร้อมผลิดอกออกใบยังคงมีอะไรให้นำเสนออย่างหลากหลาย หากจะมองหนังในค่ายนี้มาตั้งแต่ยุคที่เป็นค่าย GTH อย่าง ‘แฟนฉัน’, Season Change จนถึงหนังในยุคปัจจุบันอย่าง ‘เมย์ไหนไฟแรงเฟร่อ’ หรือแม้แต่ ‘เธอกับฉันกับฉัน’ ก็ตาม

ในช่วงที่กายยังอยู่ในช่วงมหา’ลัย ศัตรูหัวใจของเขามีแค่ผิง เพื่อนสนิทในมหา’ลัยที่กลายเป็นแฟนผู้ทำตัว toxic ใส่จูน หรือแพตตี้ แฟนเก่าของกายที่ดูเหมือนจะแสนดีแต่กายก็ไม่ได้ให้ใจเต็มร้อย การทำตามเสียงของหัวใจตัวเองแบบเรื่องรักใสๆ ในวัยเรียนนั้นยังทำได้ และดูเป็นสิ่งที่สวยงามเหมือนเรื่องรักประโลมโลก แต่หลังจากเรียนจบจากมหา’ลัย และต้องเข้าสู่วัยทำงาน พวกเขาต่างต้องสู้กับความรักภายใต้โลกที่มี ‘ทุน’ ทุกอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง หากพวกเขาจะรักกันได้ พวกเขาต้องมีต้นทุนเพียงพอที่จะคอยกีดกันศัตรูหัวใจของตัวเอง หรือมีทุนเพียงพอที่จะไม่ทำให้สถานะของพวกเขาสั่นคลอน และรักกันไปตลอดกาล

นั่นทำให้หนังมีความน่าสนใจขึ้นมาทันที จากการเป็นเพียงแค่หนังรักที่พระเจ้าไม่เป็นใจ แต่ในทีนี้พระเจ้าอาจเป็น ‘ทุนนิยม’

หนังเดินหน้าแสดงภาพการต่อสู้กับทุนด้วยการส่งพี่พีท ชายหนุ่มหน้าตาดี โปรไฟล์ดี นิสัยดี บ้านฐานะร่ำรวย ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง และเป็นนักดนตรีสุดเท่ (นี่คือการแคสต์ที่เหมาะสมกับพีช-พชร สำหรับเรา) นอกจากการเป็นคู่แข่งที่ไม่อาจต่อกรได้ในทุกรูปแบบของกาย นี่คือบทบาทของ ‘ทุน’ ที่สมบูรณ์แบบในทุกกรณี เพอร์เฟ็กต์แมนที่คุณไม่อาจปฏิเสธความดีงามได้ เป็นความสัมพันธ์ที่อยู่ได้ในระยะยาวโดยไม่ขัดสนง่าย ๆ เป็นความฝันที่หลายคนเฝ้าฝันถึงคู่ชีวิตที่ทำให้เราสุขสบาย แต่สิ่งที่ท้าทายทุนสมบูรณ์แบบในเรื่องนี้ คือการตั้งคำถามกับคุณค่าของการได้ทุนเหล่านั้น

จูนเป็นผู้หญิงที่รู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในหล่มของการหาคุณค่าของตัวเอง และรู้ตัวถึง beauty privilege อยู่บ้าง ในหลาย ๆ เหตุการณ์ จูนได้ความรักมาโดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไร ทุกคนต่างหยิบยื่นความรักมาให้เธอโดยไม่ต้องไปขวนขวายเอง ในหนังเราไม่ได้เห็นจูนทำงานมากนัก เธอกลายเป็นแม่บ้านในตอนที่อยู่กับพี่พีท แตกต่างจากกายและพี่พีทที่เราเห็นพวกเขาทำงาน ทั้งการหาเงินและตามหาความรัก และเธอเองมีคำถามที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด จนกระทั่งตอนที่เธอได้ไปเล่นโฆษณาครั้งแรก มันเป็นโอกาสที่จูนจะเจอที่ทางที่เหมาะสม แต่สิ่งที่ได้คือความล้มเหลวโดยสมบูรณ์ เธออยากย้ายไปต่างประเทศ อาจแปลได้ว่าที่นี่ไม่เหมาะกับเธอ ทั้งเรื่องชีวิตรักและการทำตามความฝัน หรือการหนีไปจากที่นี่อาจจะกลายเป็นการค้นหาตัวตนของเธอ หรืออาจเป็นการหนีไปจากชีวิตที่เฮงซวย ดินแดนที่น้ำท่วมทุกครั้งที่ฝนตก มีแท็กซี่ขับรถอยู่ดี ๆ ก็ไล่ผู้โดยสารฝ่าน้ำท่วม หรือเจอกับผู้กำกับโฆษณาสุดโหดที่พูดทำลายความมั่นใจเธอเป็นชิ้น ๆ 

เพราะฉะนั้นการต่อสู้เพื่อความรักของกาย และให้จูนกลับมาอยู่ข้างเขาไม่ต้องไปไหน คือการกีดกันให้พี่พีทออกจากชีวิตของจูน โดยการใช้ ‘ทุน’ เข้ามาช่วย เรียกง่าย ๆ ว่าการ ‘ใช้เงินฟาด’ เริ่มต้นในช่วงที่เขายังไม่ได้กลับมาคุยกับจูน การพาเธอไปแคสติ้งเพื่อให้ได้เล่นในโฆษณาที่เขาเป็นผู้ช่วย และชักจูงด้วยค่าตัวที่แสนจะคุ้มค่า ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้กลับมาเจอกันแบบเนียน ๆ

แต่สุดท้ายความทุ่มเทเงินทั้งหมดของกาย ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับทุนที่เหนือกว่าอยู่ดี ถึงแม้กายจะช่วยออกค่าตั๋วให้พี่พีทไปเล่นดนตรีที่ต่างจังหวัด ไม่ให้ได้อยู่กับจูนในวันเกิดของเธอ แต่เขาก็ใช้ทุนที่สูงกว่าในการบินกลับมาหาจูนทันที หรือจะให้เงินเพื่อนของกี้ไปหลอกขอเบอร์พี่พีท เขาก็ปฏิเสธไม่เล่นด้วย ไม่มีอะไรมาโค่นล้มเขาได้ ถึงแม้จะพยายามเสี้ยมให้มีรอยร้าวความผิดสักเล็กน้อยก็ยังดี แต่พี่พีทยังคงเป็นคนที่เล่นตามเกมอย่างสมบูรณ์อยู่ตลอด ไม่มีการออกนอกลู่นอกทางแต่อย่างใด ขนาดที่มีคำถามว่าถึงแม้จะรักจูน แต่ถ้าเห็นจูนอยู่กับคนอื่นอยู่แล้ว จะแย่งจูนมาเป็นของตัวเองหรือไม่ เขาปฏิเสธแทบทันที

ในเมื่อทำลายพี่พีทไม่ได้ กายจึงทำให้จูนเป็นคนที่ด่างพร้อยแทน คราวนี้แผนการประสบความสำเร็จ พวกเขาเลิกกัน แต่ต้องแลกกับการทำให้จูนเป็นผู้หญิงที่มีตำหนิไปมากกว่าเดิม คำพูดที่คนต่างนินทาในช่วงมหา’ลัยกลายเป็นจริง และสร้างมลทินให้กับพี่พีทที่เริ่มมีความคิดที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมแทรกเข้ามา และเขาโดนคำตอบของตัวเองเล่นงานซ้ำอีกครั้งเมื่อไปเจอคนที่น่าสนใจแต่เธอกลับมีแฟนแล้ว

แม้กระทั่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้กายและจูนได้เจอกันอย่างแบงก์พันที่ร่วงหล่นมาเหมือน ‘พรจากฟ้า’ กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ในตอนท้ายเพื่อรำลึกถึงอดีตอันหอมหวาน ความทรงจำที่เคยผ่านร่วมกันทั้งดีและร้าย และสุดท้ายเหมือนกับทำให้ทั้งสองคนคิดได้ว่าพวกเขาเริ่มต้นเจอกันได้อย่างไร

ไม่เพียงแค่ตัวละครในหนังที่ต่างต้องต่อสู้กับทุน ผู้สร้างหนังเองก็ต้องต่อสู้กับมันเพื่อ ‘ทุน’ เพื่อให้ได้ทำหนังเช่นกัน มีการ tie-in สินค้าเข้ามาในตัวหนังที่ผู้เขียนเริ่มสังเกตว่า หนังไทยในปัจจุบันแต่ละเรื่องมักจะมีภาพที่ทำให้เห็นสินค้าชัด ๆ อย่างน้อยหนึ่งช็อตมากขึ้น ไม่ได้เป็นการใช้งานจากตัวละครในเรื่องอย่างกลมกลืนอีกต่อไป นั่นหมายถึงการประนีประนอมเพื่อขอสปอนเซอร์จากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่ที่เปลี่ยนไปคือวิธีการที่เห็นชัดมากขึ้น หลายครั้งในหนังไทยเราจะเห็นแบรนด์ โลโก้ ลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ที่มีผลิตภัณฑ์ไลน์เดียวกันอย่างชัดเจน และมีการใช้งานของผลิตภัณฑ์ที่ดูเหมือนโฆษณาที่เราเคยเห็นตามโทรทัศน์หรืออินเทอร์เน็ตได้เลย

อาจเปรียบได้ว่าการ tie-in ผลิตภัณฑ์สินค้าเข้าไปในหนัง เหมือนกับ ‘ซอฟท์พาวเวอร์’ ดั่งการได้ดู ‘เธอกับฉันกับฉัน’ แล้วอยากกลับไปกินร้านไดโดมอน หรือดู The Makanai: Cooking for the Maiko House แล้วอยากลองทอดขอบขนมปังกับเขาบ้าง ทุกอย่างถูกใส่เข้ามาในหนังอย่างแนบเนียน แต่เมื่อเปรียบเทียบกันอย่าง Fast & Feel Love ที่หนังไม่ปิดบังว่าตัวเองมีหน้าที่เป็นกึ่งโฆษณาขนาดย่อมให้กับแบรนด์อสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ที่มีฉากที่เซลล์พาเกาและเจเดินดูโครงการบ้าน และบอกถึงข้อดีของบ้านที่แตกต่างจากโครงการอื่นว่าเป็นอย่างไร เพื่อนอกจากที่ผู้ชมจะได้ดูหนังอย่างอิ่มเอิบแล้ว เมื่อจบออกมาอาจจะจดจำผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในหนัง แต่จะได้ผลหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะต้องแลกกับการเสียสมดุลของหนังที่ถ้าหากไม่ทำให้ดี อาจเกิดผลเสียทั้งตัวหนังและสินค้าเองได้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้สร้างจะมีกลเม็ดที่ใส่มันเข้าเป็นเนื้อเดียวกันขนาดไหน กลายเป็นว่าทั้งผู้กำกับและสตูดิโอต่างก็ต้องหาทางเอาตัวรอดในการสร้างหนังหนึ่งเรื่องขึ้นมา เป็นการสร้างความรักที่จะเกิดขึ้นภายใต้โลกทุนนิยม ด้วยการเข้าไปอยู่ในโลกทุนนิยม

ฉากการกำกับโฆษณาของตัวหนังเองจึงกลายเป็นโลกที่ซ้อนโลกเข้าไปอีกที เป็นการจำลองความยากลำบากทั้งตัวชีวิตคนทำ และตัวหนังที่กว่าจะได้สร้างขึ้นมาสำเร็จสักเรื่อง ต้องใช้เวลากับมันนานขนาดไหน และต้องยอมแบ่งพื้นที่ในการวางผลิตภัณฑ์รถมอเตอร์ไซค์นั้นให้ได้กับการสร้างหนัง กลายเป็นการล้อเลียนตัวเองอย่างน่าประหลาด เพราะอีกด้านหนึ่ง ผู้กำกับ (ฐิติพงศ์ เกิดทองทวี) เติบโตจากการทำโฆษณาและเอ็มวี และจากบทสัมภาษณ์ เขาใช้เวลานาน 6 ปีกว่าจะได้ทำหนังเรื่องนี้ ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองจากการกำกับทั้งเอ็มวี โฆษณา และอินเทอร์เน็ตฟิล์มที่ประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ จนมีผู้สนใจรอติดตามด้วยแบรนด์ของเขาเอง 

จากการสังเกตการ tie-in หนังไทยในช่วงนี้  และการทับซ้อนของฉากถ่ายทำโฆษณา อาจเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของหนังไทยว่าการโฆษณาผลิตภัณฑ์แบบชัดตรง จะแจ้ง หรือมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีไว้เพื่อขาย ฉากเหล่านี้อาจจะมีมากขึ้น ตราบใดที่การทำหนังยังคงเป็นความเสี่ยงของผู้สร้างที่อาจจะไม่ได้คืนกลับมาแม้กระทั่ง ‘ทุน’

อย่างไรก็ตาม หนังยังมีหัวใจและความรักแบบสากลทั่วไปบ้าง ทั้งความรักจากต๊ะและเล็ก ที่ดูความสัมพันธ์คู่นี้ในตอนแรกก็คงเป็นหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ทั่วไป เริ่มต้นด้วยพ่อแง่แม่งอน แต่จบด้วยการแต่งงานด้วยความสมหวังดั่งคำกล่าวอมตะ ‘ตื๊อเท่านั้นย่อมชนะทุกสิ่ง’ หรือการเลิกราจากตัวเจ๊รี่ที่ต้องพบเจอกับชีวิตรักที่ไม่สมหวัง สามีของเธอไปมีชู้ในช่วงสร้างครอบครัวและมีลูกด้วยกันไปแล้ว เราอาจมองความคล้ายได้ว่าเจ๊รี่เหมือนภาพแทนการเผชิญชะตากรรมที่จูนอาจเจอในอนาคต แต่เจ๊รี่แตกต่างจากจูนที่ชีวิตของเธอไม่สามารถตามหาพื้นที่แห่งโอกาสและการตามหาตัวตนได้แล้ว ได้แต่ทำใจยอมรับต่อไปและหาวิธีในการเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนแบบแม่เลี้ยงเดี่ยว ชีวิตของผู้หญิงในหนังเรื่องนี้ทั้งจูนและเจ๊รี่ก็ดูจะต้องเจอความสาหัสสากรรจ์กว่าผู้ชายอย่างกายและพี่พีท ที่เหมือนไม่มีอะไรให้จับต้องนอกจากตามหาความรักที่แท้จริงสักครั้ง

หนังไม่ได้บ่งบอกว่าทุนคือทุกอย่างที่จะทำให้เราได้ครอบครองความรัก เพราะสุดท้ายรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ความเอาใจใส่กันและกัน หรือสิ่งที่คาดไม่ถึงจะกลายเป็นสิ่งที่เอาใจชนะใครสักคน ทุกคนไม่จำเป็นต้องทำตามที่กายทำไว้ แต่ลองดูระหว่างต๊ะกับเล็ก ที่สุดท้ายแล้วการตื๊อที่จะครองโลกทั้งใบได้ หรือยาพ่นแก้เจ็บคอของกายที่ทิ้งไว้ แต่จูนยังเก็บมาใช้จนถึงปัจจุบัน มันอาจเป็นสิ่งที่คงความสัมพันธ์กันเอาไว้ของทั้งสองคน หรือทำให้จูนรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองจากสิ่งเหล่านี้ แม้นั่นจะยังไม่ได้บ่งบอกชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นเพื่อน หรือมากกว่านั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอนาคต 

รายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้ อาจเป็นทุนที่ซื้อใจใครให้เกิดความรักได้สักคน ต่อให้เรื่องราวในหนังที่เล่ามาทั้งหมดจะไม่ซื้อใจคนที่รับชมก็ตาม

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here