หลายร้อยปีก่อน ปู่ทวดของ ‘มินนี่’ (ซัซนี วิระฉัตร) คือพ่อครัวใหญ่แห่งอาณาจักรฟาฏอนี อาณาจักรที่ครอบคลุมพื้นที่ของจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลาในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ฝีมือการปรุงอาหารของปู่ทวดมินนี่จะเป็นที่โจษจัน หากเขายังเป็นผู้คิดค้นเมนูที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานแห่งอาหารมลายู อาหารจานที่ว่าคือ ‘ซุปเนื้อวัวหลังวัง’ สูตรลับของซุปเนื้อวัวหลังวังได้ถูกส่งผ่านจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่น จนตกทอดมาถึงมินนี่ในปัจจุบัน และแม้ว่าต้นตระกูลของเธอจะคือสุดยอดพ่อครัวในอดีตผู้โด่งดัง แต่ปัญหาคือ นอกจากมินนี่จะจดจำสูตรซุปเนื้อวัวหลังวังไม่ได้แล้ว ฝีมือการทำอาหารของเธอยังไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราวอีกด้วย
‘รักนะซุปซุป’ เล่าเรื่องราวของมินนี่ หญิงสาวที่แม้ทักษะการเข้าครัวจะเป็นศูนย์ แต่ด้วยความที่เป็นลูกหลานของพ่อครัวใหญ่ เธอจึงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อจะเจริญรอยตามคุณปู่ทวดและก้าวขึ้นเป็นสุดยอดเชฟในสักวัน อยู่มาวันหนึ่ง มินนี่ก็ได้มีโอกาสรู้จักกับ ‘มาคัส’ (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) หัวหน้าเชฟแห่ง ‘ฮันซัรเรสเตอรองท์’ ร้านอาหารมลายูอันดับหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่การันตีด้วย ‘มุสลิมสตาร์’ รางวัลที่เปรียบเสมือนดาวมิชลินแห่งวงการอาหารมุสลิม แน่นอนว่ามาคัสไม่อาจยอมรับฝีมือการทำอาหารของมินนี่ได้ แต่เพราะคำกล่าวอ้างของหญิงสาวที่ยืนยันว่า ปู่ทวดของเธอคือพ่อครัวใหญ่เจ้าของสูตรลับซุปเนื้อวัวหลังวัง มาคัสจึงยินยอมให้มินนี่มาเป็นเด็กฝึกงานในครัวของเขา เป็นที่นั่นเองที่มินนี่ได้พบกับ ‘ฮันซัร’ (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) เจ้าของร้านฮันซัรเรสเตอรองท์ผู้ตกหลุมรักเธอในทันที
มินนี่คือเด็กสาวจากต่างจังหวัด บ้านเกิดของเธอคือจังหวัดนราธิวาส และก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่มองว่า การจะแสวงหาความฝัน และโอกาสของชีวิต ควรเริ่มต้นจากพื้นที่ศูนย์กลางก่อนเสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้มินนี่เดินทางมายังกรุงเทพฯ เพื่อมองหาวิถีทางที่จะช่วยยกระดับฝีมือการทำอาหารของตัวเองได้ มินนี่หวังว่าสักวันจะเก่งกาจเหมือนปู่ทวด แต่แทนที่จะเลือกฝึกฝนฝีมืออยู่ในพื้นที่ของวัฒนธรรมมลายู ‘รักนะซุปซุป’ กลับเลือกที่จะพามินนี่มาสู่พื้นที่ของวัฒนธรรมอื่น แล้วจึงเปิดโอกาสให้เธอได้ฝึกฝนทักษะการทำอาหารมลายูจาก ‘คนนอก’ ที่ไม่ได้ถูกหล่อหลอมจากวัฒนธรรมมลายูแต่อย่างใด มาคัสไม่ได้มาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาเป็นเพียงพ่อครัวที่เก่งกาจและสนใจในอาหารมลายู แต่นั่นคือความผูกพันทั้งหมดระหว่างตัวเขากับวัฒนธรรมมลายูที่หนังแสดงให้เห็น ในขณะเดียวกัน ฮันซัรเองก็ไม่ได้ให้คุณค่ากับอาหารมลายูในแง่มุมอื่นๆ ที่มากไปกว่ารสชาติและหน้าตา สำหรับเขา อาหารที่ดีคืออาหารที่ขายได้ และมีโล่รางวัลยืนยัน
แน่นอนว่านั่นย่อมจะไม่ใช่เรื่องผิด การที่ตัวละครในเรื่องจะไม่ผูกพันกับวัฒนธรรมและอาหารมลายูย่อมจะเป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่ในกรณีของ ‘รักนะซุปซุป’ วัตถุประสงค์ของหนังเรื่องนี้คือ การพยายามสื่อสารให้คนนอกพื้นที่เข้าใจถึงคุณค่าของวัฒนธรรมมลายู ในแง่นี้ การที่หนังปราศจากตัวละครที่ผูกพันและพอจะเป็นปากเสียงให้กับวัฒนธรรมมลายูกลับยิ่งจะลดทอนโอกาสที่คนนอกพื้นที่จะเข้าใจว่า คุณค่าของวัฒนธรรมมลายูคืออะไร และความโดดเด่นของอาหารมลายูคืออะไร
แน่นอนว่านั่นย่อมจะไม่ใช่เรื่องผิด การที่ตัวละครในเรื่องจะไม่ผูกพันกับวัฒนธรรมและอาหารมลายูย่อมจะเป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่ในกรณีของ ‘รักนะซุปซุป’ วัตถุประสงค์ของหนังเรื่องนี้คือ การพยายามสื่อสารให้คนนอกพื้นที่เข้าใจถึงคุณค่าของวัฒนธรรมมลายู ในแง่นี้ การที่หนังปราศจากตัวละครที่ผูกพันและพอจะเป็นปากเสียงให้กับวัฒนธรรมมลายูกลับยิ่งจะลดทอนโอกาสที่คนนอกพื้นที่จะเข้าใจว่า คุณค่าของวัฒนธรรมมลายูคืออะไร และความโดดเด่นของอาหารมลายูคืออะไร
อาหารมลายูในหนังถูกนำเสนออย่างกว้างๆ แค่เพียงเอ่ยชื่อแค่ผ่านๆ โดยที่คนดูไม่มีเวลาทำความเข้าใจกับความพิเศษของอาหารสไตล์นี้ เราได้ยินชื่อ ‘นาซิดาแก’ ‘ตูปะซูตง’ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นชื่อที่ไม่คุ้นหู ทว่าสิ่งที่หนังบอกกับคนดูกลับเป็นเพียงคำอธิบายคร่าวๆ เช่น นาซิดาแกเป็นอาหารของชาวบ้าน และตูปะซูตงเป็นของหวาน เราไม่ได้รับทราบรายละเอียดมากไปกว่านั้น และแม้ว่า ‘รักนะซุปซุป’ จะเป็นหนังที่เชิดชูอาหาร ทว่าเมื่อหนังสิ้นสุดลง หนังกลับไม่สามารถทำให้เราอยากไปลิ้มลองอาหารมลายูมากนัก มันคงจะน่าสนใจกว่านี้หากหนังเลือกจะเทน้ำหนักให้อาหารมลายูและนำเสนอเป็นสาระสำคัญ แต่แทนที่หนังจะเลือกเส้นทางนี้ ‘รักนะซุปซุป’ กลับเฉือนเวลากว่าครึ่งหนึ่งไปกับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างมินนี่ มาคัส และฮันซัร ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญของหนังเรื่องนี้
ว่ากันตรงๆ ‘รักนะซุปซุป’ ไม่อาจทำให้คนดูเชื่อได้ว่า มินนี่กับฮันซัรชอบพอกันได้อย่างไร แน่ล่ะว่า ในกรณีของฮันซัร การตกหลุมรักมินนี่ตั้งแต่แรกเห็นยังพอจะเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ แต่กับมินนี่ที่กว่าครึ่งหนึ่งของหนังใช้เวลาอยู่กับมาคัสตลอด การที่อยู่ๆ หนังก็เดินเรื่องให้มินนี่หลงรักฮันซัรจึงไม่น่าเชื่อ ฝืน และออกจะยัดเยียด ประหนึ่งว่า หนังเพิ่งจะมาเปลี่ยนใจเอาทีหลังว่ามินนี่ควรจะคู่กับฮันซัรมากกว่ามาคัส ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ หนังพยายามโน้มน้าวให้เราเข้าใจอยู่ตลอดว่า มาคัสเองก็ชอบพอมินนี่อยู่ลึกๆ หนังผูกปมความสัมพันธ์ขึ้นอย่างทื่อๆ เพียงเพื่อที่หนังจะทิ้งประเด็นนี้ไปอย่างดื้อๆ ราวกับความรู้สึกระหว่างมาคัสและมินนี่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เป็นเรื่องน่าเสียดายว่า แม้นักแสดงในเรื่อง (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) จะพยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างมิติให้กับตัวละคร แต่เพราะตัวละครเหล่านี้ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นอย่างมีเลือดเนื้อ และชีวิตจิตใจตั้งแต่แรก ความพยายามของนักแสดงจึงเหลือเพียงความสูญเปล่าอย่างน่าเศร้า
ประเด็นหนึ่งที่ชวนให้ขบคิดคือ เรื่องราวของ ‘รักนะซุปซุป’ ดำเนินอยู่ระหว่างสองจังหวัด นั่นคือ กรุงเทพฯ และนราธิวาส แต่หนังกลับไม่ได้ให้ความรู้สึกว่า จังหวัดทั้งสองห่างไกลกันจริงๆ ในระดับกายภาพ การที่หนังเลือกจะพร่าเลือนระยะทางระหว่างสองจังหวัดในลักษณะนี้สะท้อนแง่มุมที่น่าสนใจต่อการเคลื่อนย้ายพื้นที่ของตัวละครในเรื่องที่ไม่ได้ถูกจำกัดให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของระยะทาง กล่าวคือ ตัวละครในเรื่องที่เป็นชาวมลายูต่างปรากฏตัวในกรุงเทพฯ อย่างเป็นอิสระ พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่ากรุงเทพฯ เป็นพื้นที่แปลกปลอม และเคลื่อนที่อยู่ในเมืองแห่งนี้โดยไม่รู้สึกว่า อัตลักษณ์ของพวกเขาแปลกแยกไปจากอัตลักษณ์ของเมืองหลวงแต่อย่างใด น่าผิดหวังอยู่สักหน่อยที่หนังไม่ได้คิดจะขยายประเด็นนี้ เพราะสุดท้ายแล้วหนังก็วกกลับมาสู่ประเด็นรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างมินนี่กับฮันซัรที่แสนจะจืดชืด และเหน็ดเหนื่อย
ตัวละครในเรื่องที่เป็นชาวมลายูต่างปรากฏตัวในกรุงเทพฯ อย่างเป็นอิสระ พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่ากรุงเทพฯ เป็นพื้นที่แปลกปลอม และเคลื่อนที่อยู่ในเมืองแห่งนี้โดยไม่รู้สึกว่า อัตลักษณ์ของพวกเขาแปลกแยกไปจากอัตลักษณ์ของเมืองหลวงแต่อย่างใด น่าผิดหวังอยู่สักหน่อยที่หนังไม่ได้คิดจะขยายประเด็นนี้ เพราะสุดท้ายแล้วหนังก็วกกลับมาสู่ประเด็นรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างมินนี่กับฮันซัรที่แสนจะจืดชืด และเหน็ดเหนื่อย
เป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะแม้เราจะเห็นถึงความตั้งใจของทีมงานและนักแสดง แต่ ‘รักนะซุปซุป’ กลับเป็นหนังที่เต็มไปด้วยบาดแผลจนยากที่จะชื่นชมได้อย่างเต็มปาก ภายใต้บทหนังไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรัดกุม มันจึงกลายเป็นประสบการณ์หนึ่งชั่วโมงครึ่งที่น่าเบื่อหน่าย ฃอาจมีบางจังหวะที่กระตุกยิ้มหรือหัวเราะบ้าง แต่เหล่านั้นไม่ได้เกิดจากมุกตลกหรือเสน่ห์ของหนัง แต่จากความผิดพลาดที่ชวนให้ยิ้มหน่าย เราไม่ได้ตกหลุมรักมินนี่ เราไม่ได้ชื่นชมฮันซัร และเราไม่ได้รู้สึกอยากลองซุปเนื้อวัวหลังวังเลย
แน่นอนล่ะว่าเราอยากไปเที่ยวนราธิวาส หากนั่นก็เป็นเพราะคอนเทนต์ท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาสที่ได้อ่านบนเฟซบุ๊ก ไม่ใช่เพราะหนังเรื่องนี้แต่อย่างใด
หมายเหตุ : ฮันซัร สะกดตามการสะกดภาษาไทยจากภาษาอารบิก อ่านออกเสียงว่า ฮัน-ซัด