MIDNIGHT CINEMA 06 : Malignant รักของทารกวิกลรูป

(2021, James Wan)

บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์

Madison อยากเป็นแม่มาตลอด เธออยากผูกพันกับใครสักคนทางสายเลือด เพราะเธอโตมาในฐานะลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยง แม้พ่อแม่บุญธรรมจะให้ความรักแก่เธอ แม้เธอจะรักน้องสาวมากเพียงไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นสายเลือดเดียวกัน ตอนนี้เธอกำลังท้องแก่ใกล้คลอด อาศัยอยู่กับสามีที่ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยจะได้ เขาตีเธออยู่บ่อยๆ วันนั้นเธอเพิ่งเลิกงานกลับบ้านมา เหนื่อยล้าทั้งจากงานและการท้อง ไหนจะต้องระวังไม่ให้เกิดแท้งขึ้นมาอีก แต่เขาไม่อยากมีลูก เขาอยากให้เธอเลิกท้องเสียด้วยซ้ำ วันนั้นเธอกับเขาทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อย เขาเผลอผลักเธอจนหัวโขกกำแพงเลือดไหล ทั้งจ็บทั้งโกรธ ทั้งกังวลจนปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้อง คืนนั้นเองมีบางอย่างเกิดขึ้น เธอไปฟื้นที่โรงพยาบาล พบว่าตัวเองแท้งในขณะที่สามีของคุณเธอนอนคอหักตายอยู่ชั้นล่างของบ้าน

จากนั้นก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น เธอเห็นเงาลึกลับที่นั่นที่นี่ ไฟก็ติดๆ ดับๆ รอบตัว และที่สำคัญเธอพบว่าเธอเห็นนิมิต นิมิตของเธอคือความตาย เพราะเธอเห็นฆาตกรหน้าตาน่าเกลียดไล่ฆ่าผู้คนอย่างเหี้ยมโหด เห็นราวกับอยู่ในบ้านผู้ตายร่วมกันกับฆาตกร เห็นราวกับเป็นผู้ลงมือฆ่า

เราเริ่มต้นกันตรงนี้ ด้วยพล็อตเรื่องที่แสนคุ้นเคย หญิงสาวเผชิญหน้ากับ ผีร้าย/ฆาตกรโรคจิต/ปีศาจโดยลำพัง สังคมชายเป็นใหญ่เชื่อว่าเธอหลอนไปเอง ขณะที่เธอต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจนกว่าความจริงจะเปิดเผย พล็อตสุดแสนสามัญของหนังสยองขวัญฮอลลีวู้ดที่มาพร้อมกับตัวละครแบบ Helpless Character ความสามัญซ้ำซากจนน่าตกใจว่านี่หรือคือหนังเรื่องล่าสุดของคนทำหนังสยองขวัญคนสำคัญประจำยุคคนหนึ่งอย่าง James Wan 

แต่พอนึกอีกที ก็เป็น James Wan นี่เองที่ปลุกผีหนังบ้านผีสิงและนักไล่ผีในไสตล์หนังสยองขวัญดาษดื่นแห่งยุคทศวรรษ 1970’s ในหนังชุด The Conjuring หรือหนังบ้านผีสิงทะลุมิติจักรวาลแบบหนังสยองขวัญยุค 1980’s อย่างหนังชุด Insidious 

แม้โอกาสจะกลายเป็นหนังชุดหลายภาคของ Malignant อาจจะยากกว่าเรื่องอื่นๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือหนังที่พาเรากลับไปร้านเช่าวิดีโอ พาเรากลับไปหาหนังสยองขวัญนานาประเภทตั้งแต่หนังตระกูล Giallo จากอิตาลี ไปจนถึงหนังสยองขวัญสายตระกูล Body Horrror แบบของ David Cronenberg ที่แม้เขาจะเริ่มทำหนังตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970’s แต่พอมาถึงยุค 1980’- 1990’s เขาก็มีหนังที่เต็มไปด้วย ‘เลือดเนื้อใหม่’ อันลืมไม่ลงตั้งแต่ Videofrome (1983) มาจนถึง The Fly (1986) และ The Naked Lunch (1991) 

งานสยองขวัญแบบ Body Horror เน้นการฉายภาพความบิดเบี้ยว ความเน่าเปื่อยผิดรูปของร่างกายมนุษย์ หนังที่มีทั้งความสยองขวัญจากความกลัว และความขยะแขยงน่ารังเกียจของเลือดหนอง และเรือนร่างที่เป็นเหมือนเนื้อร้าย (Malignant) ความพิกลพิการ ความเป็นสัตว์ประหลาด เราอาจกล่าวได้ว่าหนึ่งในมูลเหตุแห่งความสยองขวัญของหนังในสายตระกูลนี้เกิดจากพื้นผิว/เนื้อหนัง 

ใน Malignant เราอาจแบ่งเนื้อหนังอันชวนขนพองสยองเกล้าออกได้เป็นสองส่วน หนึ่งคือเนื้อหนังของตัวละคร หนังประสมเอาการไล่ฆ่าแบบหนังนักฆ่าถุงมือดำจากหนังอิตาลี หนังมาพร้อมฉากแบบสายตาของฆาตกรที่ลงมือสังหารเหยื่อ แต่การฆ่าใน Malignant นั้นเต็มไปด้วยความขนพองสยองเกล้า มีดปักลงบนร่างเห็นเลือดเป็นลิ่มๆ หรือเห็นเศษเนื้อ การฆ่าในหนังจึงเต็มไปด้วยเนื้อหนังอันขรุขระ เมือกคาว แปดเปื้อน แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อหนังเปิดเผยตัวฆาตกร หนังก็เดินหน้าสู่การเป็น Body Horror เต็มตัว ด้วยร่างกายที่ผิดรูป เต็มไปด้วยเมือก เลือด หนอง ฟันที่แหลมคมและพื้นผิวตะปุ่มตะป่ำ ตัวประหลาดของเรื่องอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยความชวนแสยง สมราคาการเป็น Body Horror โดยแท้ 

แต่เนื้อหนังอีกอย่างหนึ่งของหนังคือเนื้อหนังของ VHS ของการเป็นภาพที่มาจากม้วนวิดีโอ ซึ่งสมสภาพกับความ 1980’s – 1990’s ของหนังอย่างยิ่ง จนพอจะบอกได้ว่าในทันทีที่หนังจบลงเหล่า 90’s kids ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่านี่ไงหนังแบบที่ฉันเดินเข้าร้านวิดีโอไปเช่าในทุกเย็นวันศุกร์ หนังสยองขวัญเกรดบีที่ไม่มีความบันยะบันยัง หนังที่ถูกสร้างเพื่อนตอบสนองแฟนตาซีของเด็กวัยรุ่นในการหลบหนีจากโลกสามัญน่าเบื่อชั่วคราว

หนังเริ่มต้นด้วยภาพจากวิดีโอบันทึกการทดลอง และตลอดทั้งเรื่องโดยเฉพาะในครึ่งแรกของเรื่อง ไปจนถึงฉากชวนช๊อคสำคัญของหนัง เกิดขึ้นผ่านภาพในรูปแบบบันทึกของกล้องวดีโอ เนื้อหนังของภาพที่ขาดความคมชัด ถูกแทรกซ้อนด้วยลายเส้นเป็นแถบตามความยับเยินของม้วนวิดีโอ จะว่าไปแล้วในบรรดาสื่อสำหรับการฉายหนัง วิดีโอเป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุด คุณภาพของภาพมันจัดว่าค่อนข้างต่ำ หากความไม่ละเอียด การถูกรบกวนด้วยแถบแม่เหล็กยับเยิน สีและความละเอียดก่อให้เกิด พื้นผิว/เนื้อหนังเฉพาะตัว และคุณสมบัติสำคัญของมันเกี่ยวข้องกับยุคสมัยของมัน เพราะมันคือยุคสมัยที่ผู้คนเริ่มเข้าถึงการบันทึกผ่านกล้อง มีม้วนวิดีโอจำนวนมากที่เป็นภาพลับ ภาพบันทึกส่วนบุคคลของคนใดคนหนึ่งครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งที่ไม่เป็นทางการ ไม่ได้อยู่แค่ในมือของสถาบัน แต่อยู่ในบ้านใครก็ได้ ไม่ถูกค้นพบ หรือถูกนับตลอดกาล วิดีโอเกิดขึ้น รุ่งเรืองและสูญดับในยุคสมัยก่อนที่ทุกคนจะอยากถ่ายภาพเคลื่อนไหวลงในโซเชียลมีเดีย ความที่มันราคาถูก และมีอายุทนทานข้ามสมัย ทำให้วิดีโอจำนวนมากเป็นสิ่งลึกลับ การถูกบันทึกที่ไม่ถูกจัดระเบียบและจดจำ ยิ่งไปกว่านั้นคุณสมบัติของการบันทึกซ้ำได้ยิ่งทำให้มันลึกลับมากขึ้นไปอีก ลึกลับถึงขนาดที่วัยรุ่นยุค 1990’s ที่เช่าวิดีโอจากร้านเช่า ต่างรู้กันดีถึงระบบการเอาวิดีโอม้วนเก่าอัดทับหนังเรื่องใหม่ และความลึกลับท้ายม้วนเป็นของหวานและความตื่นเต้นของยุคสมัยที่การเข้าถูกภาพเคลื่อนไหว โดยเฉพาะเรื่องโป๊เปลือย ยังเป็นไปได้ยากและปิดลับ 

ภาพวิดีโอจึงเป็นภาพของความลึกลับ ม้วนวิดีโอมีอาถรรพ์โดยตัวมันเองไม่ต้องพึ่งอาถรรพ์แค้นโลกของซาดาโกะใน Ringu ที่ใช้ความลึกลับของวิดีโอในการกระจายความอาฆาตของเธอ ในทศวรรษ 2020’s วิดีโอกลายเป็นเนื้อหนังของความลึกลับจากโลกยุค pre internet ช่วงปลายของสงครามเย็น ความไม่ไว้ใจรัฐ และข่าวทฤษฎีสมคบคิดเรื่องการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หรือเทปบันทึกภาพของฆาตกรโรคจิตฆ่าคนที่เพิ่งถูกค้นพบวิดีโอให้ผลตรงกันข้ามกับการเปิดเผยจนหมดสิ้นและล้นเกินของคลิปที่มีชื่อสกุลไฟล์ชัดเจน ในกรณีหลังความเล็กจ้อยของไฟล์ กลายเป็นเรื่องของจำนวนที่ล้นเกินที่ทำให้ลึกลับไปแทน 

Malignant อาศัยเนื้อหนังของวิดีโอในการเล่า สร้างเนื้อหนังของหนังอีกแบบ และอธิบายความเป็น Body Horror ที่ไม่ใช่แค่เนื้อหนังของตัวละครที่เป็นสัตว์ประหลาด แต่ยังรวมเอาเนื้อหนัง พื้นผิวของภาพยนตร์เข้าไปด้วย ฉากที่อธิบายความสองชั้นของเนื้อหนังของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดีที่สุดย่อมคือฉากเครดิตเปิดเรื่องที่เป็นภาพวิดีโอของชิ้นเนื้อ การผ่าตัดการทดลองทางวิทยาศาสตร์ และก้อนเนื้อประหลาด

จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์

ในทันทีที่ Malignant เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ Gabriel ฆาตกรถุงมือดำว่าคือใคร มันก็ชวนให้ตั้งคำถามทันทีว่า หรือว่าที่จริงเราอาจมองหนังเรื่องนี้ในฐานะของหนังเควียร์ ยิ่งเมื่อมานึกว่า Gabriel คือร่างชาย (แม้ว่าชื่อ Gabriel จะสามารถเป็นได้ทั้งชายและหญิง) ในตัวหญิงอย่าง Madison ตัว Gabriel คือ ‘Malignant’ คือเนื้อร้าย คือส่วนที่ผ่าตัดออกทิ้งไม่ได้ ยึดติดอยู่กับร่างแบบแฝดสยาม หมอเลยต้องซ่อนเอาไว้ข้างในร่างกายแล้วเย็บปิดแทน ก่อนจะถูกทำให้ปริแตกออกผ่านทางการทำร้ายผู้หญิงในโลกชายเป็นใหญ่ เมื่อสามีของ Madison ตบตีเธอ และตัวเธอเอง หมกมุ่นกับความเป็นแม่ ความผูกพันทางสายเลือดราวกับว่ามันคือเป้าหมายเดียวที่เธอมีชีวิตอยู่เพื่อ เหยื่อในโลกปิตาธิปไตยถูกทำร้ายและเปิดเผยตัวตนที่เก็บซ่อนไว้ออกมา 

การที่ Gabriel เป็นเนื้อร้ายที่ต้องถูกกำจัดหรือเก็บกดเอาไว้ภายใน ทำให้นึกถึงสารคดีเรื่อง Intersexion (2012, Grant Lahood) ซึ่งเป็นสารคดีที่ไล่สัมภาษณ์บรรดา คนที่เกิดมาโดยมีสองเพศโดยกำเนิด และฉายภาพชีวิตอันยากลำบาก ทุกข์ระทม และบางคนก็อันตรายถึงชีวิต อันเป็นผลจากการเลือกเพศ และข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่อง Nature VS Nurture ที่เป็นความขัดแย้งระหว่าง เพศนั้นถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติ กับเพศนั้นสามารถเลือกได้ผ่านการเลี้ยงดู โดยทั้งสองแบบได้ทำลายผู้คนที่อยู่กึ่งกลางของมันอย่างรุนแรงมาตลอด มีคนที่ถูกพ่อแม่บังคับเลือกเพศโดยจัดการตอนอวัยวะเพศอันใดอันหนึ่งออกและหวังว่าการเลี้ยงดูจะทำให้เลือกเพศได้และพบว่าเลือกเพศผิดในท้ายที่สุด บางคนถูกตัดคลิตอริสและหมดโอกาสที่จะถึงจุดสุดยอดทางเพศไปตลอดกาล บางคนเข้ารับการรักษาด้วยฮอร์โมนและทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมามากมาย ชีวิตผู้คนทุกข์ระทมจากการคิดว่าช่วยโดยวิทยาศาสตร์และศาสนา ทำให้นึกถึงชีวิตของ Madison ที่ถูกทีมงานวิจัยบังคับเลือก ยิ่งเมื่อหนังเปิดเผยว่าเธอเป็นลูกของแม่ที่อยู่กับแม่ของแม่ที่คลั่งศาสนา ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ศาสนากับวิทยาการการแพทย์ ทั้งช่วยปลดปล่อย หากในขณะเดียวกันก็กักขังผู้คนอย่างยิ่ง ยิ่งเมื่อเราเห็นว่า อาวุธที่ Gabriel เลือกใช้ในการสังหาร เกิดจากถ้วยรางวัลงูพันไม้เท้า ที่เป็นสัญลักษณ์ของการแพทย์ กล่าวให้ง่ายมันคือการต่อต้านตัวการแพทย์ที่ขังเขาไว้ในร่างของ Madison การฆ่าของ Gabirel เกิดขึ้นจากสองอย่างคือความแค้นที่มีต่อบรรดาหมอๆ และการรู้สึกว่าตนเองถูกแย่งชิงความรักไป ไม่ใช่เพราะความรักของ Madison กับสามี แต่กับน้องสาวบุญธรรม ซึ่งเป็นได้ทั้งความรักแบบครอบครัว และแบบเควียร์ ศัตรูหัวใจคนสำคัญที่สุดจึงเป็นตัวน้องสาวนั่นเอง 

แต่ถึงแม้หนังจะพูดถึงตัวละครเควียร์ แต่มันเป็นหนังเควียร์ที่ท้าทายหรือเปล่า 

ดังที่รู้กันดีว่า James Wan เป็นคนทำหนังอนุรักษ์นิยมที่อาจจะก้าวหน้าแต่ก็เป็นอนุรักษ์นิยม แก่นแกนของหนังอย่าง The Conjuring และ Insidious คือการเชื่อมั่นว่าความรักจากครอบครัว การร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะทำให้เราชนะปีศาจที่กัดกินความอ่อนแอ ความโกรธ ความผิดหวัง และความกลัวของมนุษย์เป็นอาหาร ความรักของสองผัวเมียวอร์เรน ที่สอนให้บรรดาพ่อแม่พี่น้องของเหยือปีศาจใช้ความรักเอาชนะความกลัวให้ครอบครัวกลับมาสู้ร่วมกัน เป็นทางออกเสมอในหนังของเขา

มันจึงยากที่เราจะได้เห็นการเฉลิมฉลองเลือดแนื้อชนิดใหม่แบบในหนังของ David Cronenberg ขั้นสูงสุดที่หนังให้ได้คือการทำให้ตัวตนของ Gabriel สงบลง และแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดเท่านั้นที่จะนับว่าเป็นครอบครัว ความสัมพันธ์ของครอบครัวชนิดใหม่ไม่ต้องมีสายเลือดเป็นศูนย์กลาง แต่มีความรักเอื้ออาทรต่อกันเป็นศูนย์กลาง จนเราอาจบอกได้ว่าเป็นน้องสาวคนสวยของ Madison ต่างหากที่เป็นผู้ปราบผีร้ายในนามของ Gabriel อีกเพศหนึ่งในร่างเดียว ถึงที่สุด Madison ต้องเลือกเอาเพียงร่างหนึ่ง ซึ่งก็คือร่างแบบ Heterosexual ที่เก็บความเป็นอื่นกลับเข้าไปไว้ภายใน แทนที่จะปลดปล่อยมันออกมา

เมื่อมองในแง่มุมนี้หนังก็เลยตอบสนองแฟนตาซีประการหนึ่งของอนุรักษ์นิยมที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองในสังคมรักต่างเพศร่วมสมัย ด้วยการให้เลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจไม่จำเป็นต้องเลือแบบเดียว แต่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่จำเป็นต้องสร้างครอบครัวทางการสืบสายเลือด (ที่ออกแบบมาสำหรับความสัมพันธ์รักต่างเพศเท่านั้น) จะเลือกครอบครัวแบบอื่นก็ได้ แต่ครอบครัวยังคงดำรงคงอยู่ 

ในแง่นี้ความเป็นไปได้อื่นๆ ในความสัมพันธ์ของ Gabriel กับ Madison สังคมฆราวาสกับศาสนา สังคมวิทยากับการแพทย์ จึงเป็นเพียงการลดทอนออกให้เหลือความเป็นไปได้เพียงไม่กี่แบบซึ่งก็คือรูปแบบของความเป็นไปไม่ได้ เนื้อร้ายจึงเป็นเพียงเนื้อร้ายไม่ใช่เนื้อเลือดแบบใหม่ และถึงที่สุด เป็นไปตามขนบของหนังสยองขวัญ กล่าวคือ โลกแบบเดิมกลับมาสงบสุขอีกครั้งหนึ่งหลังจากหนังจบลง

Filmsick
Filmvirus . เม่นวรรณกรรม . documentary club

LATEST REVIEWS