Eva Doesn’t Sleep

(2015, Pablo Agüero)

กล่าวกันว่า นี่คือหนึ่งในการทำลายประวัติศาสตร์ภาคประชาชนอย่างอหังการที่สุดของรัฐบาลทหารในอาร์เจนตินา

Eva Doesn’t Sleep เล่าถึงการเดินทางของ ‘ศพ’ เอวา เปรอง อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของอาร์เจนติน่าผ่านเรื่องเล่าแยกจากกันต่างหากสามตอน นั่นคือเมื่อนายแพทย์จัดการกับศพของเอวาด้วยการดัด ยืดแขนขาที่เริ่มแข็งเกร็ง ตามด้วยการขนส่งศพของเอบาในกล่องไม้ลึกลับโดยนายพันและนายทหารหนุ่ม สุดท้ายคือการลักพาตัว เปโดร อารัมบูรู หัวหน้าคณะรัฐประหารผู้หวังจะ ‘ทำลาย’ ศพของเอบา

สำหรับชนชั้นแรงงานในอาร์เจนติน่า ชื่อของเอวา เปรอง คือชื่อที่ผูกพันและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้อย่างเนิ่นนานนับตั้งแต่ปี 1952 เธอคืออดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศภายหลังจากที่ ฆวน เปรอง สามีของเธอชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายสองสมัยซ้อน เอวาซึ่งเติบใหญ่จากการเป็นเด็กผับและดาราดังหน้าตาสะสวยใช้อำนาจและพื้นที่ของเธอในการช่วยเหลือ เยียวยาและผลักดันนโยบายภาคประชาชน จนเธอกลายเป็นที่รักของชาวอาร์เจนติน่าทั่วทุกหมู่เหล่าอย่างที่แทบไม่เห็นว่าจะมีใครหน้าไหนมาแย่งคะแนนความนิยมไปจากเธอได้

น่าเศร้าที่เอวาเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 33 ปีหลังจากชึ้นปราศัยที่ลานพลาซ่า เดอ มาโยที่มีคนมามุงดูเรือนแสนจนเป็นปรากฏการณ์ในเดือนมกราคม กลางปี เธอเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ฆวน เปรอง สามีของเธอจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติท่ามกลางความโศกเศร้าของประชาชนที่รู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณบริสุทธิ์และตัวแทนในการต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของพวกเขานั้นจากไปแล้ว

หนังแบ่งเป็นสามช่วงใหญ่ๆ และตัดสลับระหว่างฟุตเตจที่เอวา เปรองกล่าวปราศรัยในปี 1952 กับเสียงตะโกนก้องเรียกชื่อเธออย่างรักใคร่จากชาวอาร์เจนติน่าจำนวนมหาศาล ก่อนจะตัดสลับมายังการแช่ศพของเธอก่อนนำเข้าโลง นายแพทย์เปโดร (อิมาโนล อาเรียส) ยืนง้ำอยู่เหนือร่างไร้วิญญาณของเอบา ดัดแต่งนิ้วมือที่เริ่มหักงอ ดึงเท้าแข็งทื่อให้อยู่ทรงสวยงาม ภายใต้การจับตามองอย่างสนอกสนใจของแม่บ้านและเด็กหญิงผู้เทิดทูนเอบา

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเอบาเสียชีวิตได้เพียงสามปี ฆวน เปรอง สามีของเธอก็ถูกรัฐบาลทหารทำรัฐประหารภายใต้อำนาจของ เปโดร อารัมบูรู จนต้องระเห็จหนีออกนอกประเทศขณะที่อารัมบูรูเถลิงอำนาจตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดี ตัวอารัมบูรูนั้นขึ้นชื่อเรื่องการดำเนินนโยบายกำจัด ‘ลัทธิเปรอง’ หรือการเคารพบูชาสองสามีภรรยาเปรองมากเสียจนเขาออกคำสั่งให้ขุดเอาศพเอวาขึ้นมาและเอาไปซ่อนไว้ในที่ลับตา เพื่อไม่ให้มีการรำลึกหรือสักการะเอบา เปรองและหวังว่าผู้คนจะลืมเลือนเธอไปได้เอง

นำไปสู่ช่วงที่สองของหนังคือการ ‘ขนย้ายศพ’ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1956 นายพัน (เดอนิส ลาวองต์) รับผิดชอบในการขนส่งร่างของเอบาภายใต้ความช่วยเหลือของนายทหาร (นิโกลัส โกลด์ชิดต์) ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความคลุ้มคลั่งซึ่งชวนตื่นตะลึงมากๆ กล้องแช่ทิ้งไว้อยู่ที่การเผชิญหน้ากันระหว่างนายพันชราชาวต่างชาติ (แม้แต่นักแสดงอย่างลาวองต์ก็เป็นนักแสดงชาวฝรั่งเศส) ผู้ผ่านการต่อสู้มาแล้วหลายสังเวียน และนายทหารหนุ่มที่เปลี่ยนคราบเป็นสัตว์ป่าผู้ดุดันภายหลังการแอบ ‘ยลโฉม’ เอวาในโลงเพียงเสี้ยวนาที อันแสดงให้เห็นถึงพลังและอิทธิพลของเธอแม้ในโลกหลังความตายที่บันดาลให้เลือดอาร์เจนติน่าของคนหนุ่มเดือดพล่านและกำจัดความเป็นอื่น (ชาติอื่น)

หลังดำรงตำแหน่งอยู่หลายปี อารัมบูรูถูกลักพาตัวไปจากอพาร์ตเมนต์ในบัวโนส์ไอเรส และพบเป็นศพในสภาพถูกยิงด้วยปืนพก ในหนังนั้น อารัมบูรู (แดเนียล ฟาเนโก) ถูกบังคับให้บอกความจริงว่าเอาร่างของเอวาไปซ่อนไว้ที่ไหน เพื่อจะได้นำเธอกลับมาสู่อาร์เจนติน่าอีกครั้ง อันเป็นความพยายามในการจะนำเอาสัญลักษณ์ของประชาชนหวนกลับมาสู่พื้นที่อีกครั้ง พร้อมกันกับที่กำจัดเอาอำนาจนอกกฎหมายอย่างอารัมบูรูออกไป

Eva Doesn’t Sleep แทบไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เอวาทำเมื่อสมัยมีชีวิตเลย ตรงกันข้าม มันเล่าถึงอิทธิพลของเอวาภายหลังการตายของเธอต่างหาก เธอคือจิตใจที่อยู่ในเนื้อตัวของสาวทำความสะอาดและเด็กน้อยที่ดูแลสุสาน อยู่ในความคิดอันคลุ้มคลั่งของนายทหารหนุ่มที่ทำหน้าที่ขนส่งศพนั้น และอยู่ในคณะปฏิวัติแม้ในอีกสามปีต่อมาหลังศพของเธอถูกขโมยหายไป มันจึงเป็นหนังที่น่าสนใจในแง่การเล่าถึงความพยายามจะลบเลือนประวัติศาสตร์ของคณะรัฐประหารและผู้มีอำนาจ ด้วยการล้างอดีตที่ยึดโยงประชาชนเข้าไว้ด้วยกันจนเสมือนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจริง

น่าเศร้าที่เรายังพบเห็นอะไรแบบนี้ได้ในประเทศไทย -ยุคสมัยนี้นี่เอง

LATEST REVIEWS