Serial Experiments Lain (1998): ใต้เงามีรอยเลือด บนท้องฟ้ามีสายไฟ

***บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของอนิเมชั่น***

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยความตายปริศนาของโยโมดะ ชิสะ นักเรียนคนหนึ่งที่โดดลงมาจากตึก หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนั้น ทุกคนที่อยู่ในชั้นเรียนเดียวกับเธอ ได้รับอีเมลปริศนาที่ส่งมาจากคนที่ตายไปแล้ว สร้างความแตกตื่นให้กับนักเรียนและเพื่อนของเธอเป็นอย่างมาก ยกเว้นอิวาคุระ เลน (Iwakura Lain) เด็กนักเรียนอายุ 14 ผู้เขินอาย ไม่กล้าเข้าสังคมจึงไม่มีเพื่อนในชั้นเรียน ไม่สันทัดเรื่องเทคโนโลยีเท่าคนอื่น เธอไม่รู้เรื่องว่ามีใครส่งอีเมลเข้ามา เธอนึกขึ้นได้ว่าเคยเจอกับชิสะคนนั้นหนึ่งครั้งจากการเดินกลับบ้านด้วยกัน ทำให้เธอเริ่มสนใจจนเข้าไปดูอีเมลอันนั้น เนื้อหาเกี่ยวกับการละทิ้งร่างกายของตัวเองเพื่อเข้าไปอยู่ในโลกของ The Wired โลกออนไลน์ที่เหมือนกับอินเทอร์เน็ต เพราะพระเจ้าของเธออยู่ที่นั่น นั่นคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของเลนในโลกใบใหม่ที่แสนกว้างใหญ่และชวนสับสนจนสิ้นหวัง

Serial Experiments Lain เป็นอนิเมชั่นแนวไซไฟ – จิตวิทยา ที่เริ่มฉายในปี 1998 ที่กำกับโดย Ryutaro Nakamura เขียนบทโดย Chiaki J. Konaka โปรดิวซ์โดย Yasuyuki Ueda และออกแบบคาแรคเตอร์โดย Yoshitoshi ABe ถือว่าเป็นอนิเมชั่นที่พูดถึงเรื่องสังคมแห่งโลกเสมือนที่มาก่อนใครเพื่อน ในตอนแรกนั้นแม้กระทั่งผู้สร้างเองก็ยังไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จ เพราะการทำอนิเมชั่นที่เต็มไปด้วยเรื่องปรัชญาเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง แต่กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากตัวละครที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ และคอนเซปต์ของเรื่องที่แปลกประหลาดจนเป็นที่จดจำ จนสร้างกลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบในอนิเมชั่นเรื่องนี้ และมีการขยายเรื่องราวโลกของเลนไปในเกมส์ Playstation 1 และมีโดจินออกมาหนึ่งตอน

หากได้ดูในยุคที่อนิเมชั่นเรื่องนี้กำลังออกฉายพอดีนั้นอาจจะทำความเข้าใจกับเรื่องราวของมันได้ยากเสียหน่อย เพราะถือว่า Serial Experiments Lain เป็นอนิเมชั่นที่มาก่อนกาล ในวันที่โลกอินเทอร์เน็ตหรือโลกเสมือนยังเป็นสิ่งใหม่ ความแตกต่างระหว่างตัวตนของเราในโลกแห่งความเป็นจริงและในโลกอินเทอร์เน็ตยังพร่ามัว และแนวคิดต่างๆ ที่พาเรามองเข้าไปถึงคุณและโทษของมันยังไม่แพร่หลาย การกลับมามองมันอีกครั้งด้วยสายตาของปัจจุบันกลับทำให้มันเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นในการขยายขอบเขตการรับรู้ความเป็นไปได้ของโลกที่เรากำลังรู้จักมันเป็นอย่างดี และด้วยวิธีการเล่าแบบเซอร์เรียลที่ผสมระหว่างสองโลกด้วยเส้นแบ่งที่พร่ามัว ทำให้เราถึงแม้เราอาจจะเก็ตคอนเซ็ปต์ แต่ก็ต้องบอกว่าการเข้าใจเนื้อเรื่องเต็มๆ นั้นก็ยังเป็นสิ่งที่ยากอยู่ดี บทความนี้จึงเป็นการขยายความตามความเข้าใจของผู้เขียนเช่นกัน

จุดศูนย์กลางของอนิเมคือการตั้งคำถามกับตัวตนกับความจริงแท้ เลนตั้งคำถามอยู่กับการมีตัวตนตลอดเวลาว่าแท้จริงแล้วเราเป็นใคร เรามีตัวตนในสายตาของคนอื่นเป็นอย่างไร ทำไมตัวเราที่เป็นอยู่ถึงไม่เหมือนกับที่คนอื่นรับรู้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวตนที่เราเป็นอยู่ตอนนี้คือตัวตนของเราจริงๆ มันอาจสอดพ้องกับความคิดแนว “Existentialism” หรือแนวความคิดอัตถิภาวนิยมที่สำรวจภาวะการมีอยู่ของมนุษย์ ว่าไม่ได้มีใครกำหนดชีวิตเส้นทางให้เรา ทุกคนเดินไปตามที่เขาเองเป็นคนกำหนด แต่มนุษย์ทุกคนล้วนมีอิสระเสรีในการกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง สิ่งนั้นอาจทำให้เกิดการหลงทาง และการสร้างความหมายของการมีอยู่ในแต่ละคนว่าสิ่งที่พวกเขาทำลงไปนั้นมีความหมายจริงๆ หรือไม่

เลนตั้งคำถามอยู่กับการมีตัวตนตลอดเวลาว่าแท้จริงแล้วเราเป็นใคร เรามีตัวตนในสายตาของคนอื่นเป็นอย่างไร ทำไมตัวเราที่เป็นอยู่ถึงไม่เหมือนกับที่คนอื่นรับรู้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวตนที่เราเป็นอยู่ตอนนี้คือตัวตนของเราจริงๆ

ทุกตอนจะเริ่มต้นด้วยภาพของเมืองในตอนกลางคืนที่ยังมีผู้คนพลุกพล่าน เหมือนทุกคนยังไม่เคยหลับไหล ความคิดของพวกเขายังตื่นอยู่ตลอดเวลา เราจะได้ยินเสียงของความคิดของคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่มักจะไม่ค่อยซ้ำกัน พวกเขาทิ้งความคิดอะไรสักอย่างไว้กับเรา ความคิดเกี่ยวกับการมีตัวตนของตนเอง การตั้งคำถามเกี่ยวกับการมีชีวิต เหมือนกับการพิมพ์กระทู้แล้วทิ้งไว้ในเว็บบอร์ด เหมือนกับการพิมพ์สเตตัสปลดปล่อยอารมณ์และความรู้สึกทิ้งไว้ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก การที่มีใครได้ยินซึ่งนั่นอาจเป็นคนที่ดูเอง อาจถือว่าพวกเขาได้รับการรับรู้และมีตัวตนจริง นี่อาจะเป็นสิ่งที่อนิเมชั่นย้ำเตือนอยู่ตลอด เกี่ยวกับการมีตัวตน แต่ความสำคัญของการมีตัวตนนั้นสำคัญขนาดไหน ทั้งในโลกแห่งความจริง หรือในโลกแห่ง The Wired

The Wired นั้นเรียกได้ว่ามีความคล้ายคลึงกับโลกอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ทุกคนสามารถเชื่อมต่อเพื่อสร้างบทสนทนา หาข้อมูลข่าวสาร สร้างความสัมพันธ์ เล่นเกมเพื่อความสนุกสนาน หรือเข้ามาเพื่อสร้างตัวตนเพื่อหาที่ที่เป็นตัวเองได้อย่างเหมาะสม ตัวตนที่เขาอยากเป็นและคิดว่าเหมาะสมที่จะเป็น บางคนอาจมองว่า The Wired นั้นเป็นสิ่งที่เลวร้าย การที่เราได้อยู่กับที่นั่นมากเกินไปจะทำให้เราไม่สามารถแยกตัวตนในโลกของ The Wired กับโลกแห่งความเป็นจริงออกจากกันได้ แต่บางคนก็กลับมองว่าโลกของ The Wired กับโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเป็นโลกใบเดียวกัน การที่พวกเขาได้อยู่กับโลกใบนี้มันทำให้ค้นหาคำตอบในสิ่งที่ตัวเองสงสัยมาโดยตลอด คำตอบนั้นอาจตอบคำถามที่ว่า “ความจริงที่แท้จริงคืออะไรกันแน่”

หลังจากที่เลนได้เข้าโลกของ The Wired เธอก็เริ่มที่จะถลำลึกเข้าไปในโลกนี้มากขึ้น เธอรู้ว่าเธออยากทำอะไรในที่แห่งนั้น แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงรู้จักและจับจ้องเธอในฐานะที่เป็นคนพิเศษ กลายเป็นว่าเธอเริ่มเกิดความสงสัยในตัวเองมากขึ้นว่าเธอเป็นใครกันแน่ ทำไมเธอเหมือนรู้สึกว่าเธอไม่รู้จักตัวเองมาก่อนเลย เลนเริ่มแยกไม่ออกว่าตัวตนไหนคือตัวตนจริงๆ ของเธอ หรือทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นจริง อย่างที่พ่อของเธอเตือนตลอดมา ถ้าถลำเข้าไปในโลกแห่ง The Wired นั้นต้องอย่าเข้าไปลึกเกินไป ไม่เช่นนั้นเธอจะแยกระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนนั้นไม่ออก แต่เลนกลับคิดว่าทุกอย่างนั้นเชื่อมโยงเข้าถึงกัน โลกสองใบนี้ไม่มีเส้นกั้นระหว่างกัน นั่นจึงเริ่มเกิดความขัดแย้งขึ้นมา เพราะเธอเป็นคนเดียวที่สามารถผ่านโลกของ The Wired ได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งเครื่องมือ การมีตัวตนของเธอทำให้ความจริงของทั้งสองโลกเริ่ม และทำให้ฝ่ายที่ต้องการตัวเธอนั้นใช้ความสับสนนี้ของเธอเข้าโจมตีเพื่อให้เธอเปลี่ยนสภาพตัวเองเข้ามาที่โลกของ The Wired อย่างเต็มตัว โดยการทำให้เลนผูกติดตัวเองอยู่กับโลกอีกใบให้ได้มากที่สุด

เมื่อเราได้ติดตามเรื่องราวไปเรื่อยๆ จะพบว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ชิสะค้นพบในโลกแห่ง The Wired นั้นไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นผู้สร้างปรากฏการณ์การเชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกของ The Wired ด้วยวิธีแบบใหม่ซึ่งเรียกว่า “Protocol 7” ที่ถือกำเนิดขึ้นภายในเรื่องจากการผสานทฤษฎีของ จอห์น ซี. ลิลลี่ (John C. Lilly) นักประสาทวิทยาชาวอเมริกันผู้คิดค้นภาวะของการลอยตัวเพื่อปิดโสตประสาทสัมผัสทั้งหมดของร่างกาย, วินฟรีด ออตโต ชูมาน์น (Winfried Otto Schumann) นักฟิสิกส์ผู้ที่ค้นพบทฤษฎีค่าความถี่สนามแม่เหล็กโลก หรือชูมาน์นเรโซแนนซ์ (Schumann Resonances) และ ดั๊กลาส รุชคอฟฟ์ (Douglas Rushkoff) นักทฤษฎีสื่อที่มีแนวคิดว่าการรับรู้ของโลกจะตื่นขึ้นก็ต่อเมื่อมนุษย์ทุกคนบนโลกได้เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งทั้งสามคนนั้นมีตัวตนอยู่จริงบนโลกใบนี้ แต่ผู้ที่นำทฤษฎีขึ้นมาต่อยอดคือ เอริ มาซามิ (Eiri Masami) นักวิทยาศาสตร์ภายในเรื่องที่สามารถทำการถ่ายทอดข้อมูลทุกอย่างของตัวเองลงไปในโลกของ The Wired

ในขณะที่คนทั่วไปนั้นยังมีขีดจำกัดระหว่างการเชื่อมโลกของโลกทั้งสองใบด้วยร่างกาย เอรินั้นเลิกยึดติดกับร่างกายของตัวเอง จุดประสงค์ของเขาคือทำให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อระหว่างโลกของ The Wired และโลกแห่งความจริงได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ คือการทำให้ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกัน เพราะทุกคนได้เชื่อมต่อกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพื่อการวิวัฒนาการมนุษย์ขึ้นไปสู่อีกจุดหนึ่ง การหาคำตอบเพียงหนึ่งเดียว ใครที่สมควรจะเป็นพระเจ้า และสิ่งที่จะทำให้เขาทลายขีดจำกัดจากความเป็นมนุษย์ไปสู่สิ่งที่เหนือกว่าคือ เลน เขาจึงคอยควบคุมเลนอยู่ห่างๆ และขนานนามตัวเองว่าเป็นพระเจ้าในโลกนั้น ทำให้เธอสับสนและไขว้เขวว่าร่างกายที่เธอมีนั้นไม่ใช่ของจริง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงแค่การรั้งตัวเธอไว้ให้เจ็บปวด เพื่อ ซึ่งนั่นทำให้เกิดการร่วมมือกับ The Knights หรือ The Knights of The Eastern Calculus กลุ่มแฮกเกอร์ที่รวมตัวกันโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริง พวกเขาปะปนอยู่กับคนในโลก The Wired ดำเนินปฏิบัติการอย่างลับๆ กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก ดำเนินการทุกอย่างเพื่อเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เลนนั้นย้ายร่างกายเข้ามาสู่โลกแห่ง The Wired ให้ได้เร็วที่สุดโดยไม่สนใจวิธีการ เพื่อเป้าหมายเดียวกับเอริ

เมื่อศาสนาใหม่ในโลกใบนี้คือเทคโนโลยี ผู้คนล้วนต่างนับถือและศรัทธาพร้อมที่จะหนีจากโลกแห่งความจริงมากขึ้น ก็อาจจะมีคำถามที่ว่าใครที่จะเป็นพระเจ้าในโลกเสมือนนั้น หน้าที่ของพระเจ้าในโลกเสมือนนั้นคืออะไร พระเจ้าคือผู้เฝ้ามองอยู่เฉยๆ ตามความเป็นจริง หรือพระเจ้าควรเป็นผู้นำที่จะพาให้โลกไปสู่สิ่งที่ดีกว่ากันแน่ และสำหรับเอริ The Wired คือโลกที่ทำให้มนุษย์สามารถพัฒนาตัวเองต่อไปได้อย่างไม่สิ้นสุด ด้วยการละทิ้งร่างกายและเชื่อมโยงผู้คนด้วยเครือข่ายเพียงหนึ่งเดียว และปัจจัยสำคัญในการไปถึงเป้าหมายของ เอริ และ The Knights คือทำให้เลนต้องตกอยู่ในเส้นทางของการเสียสละร่างกายของตัวเองเพื่อกลายเป็นเครื่องมือในการควบคุมทุกอย่างในโลกของ The Wired มากขึ้น ด้วยการพรากปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายของเลนผูกมัดอยู่บนโลกแห่งความจริงหายไป ทั้งเพื่อน ครอบครัว หรือทุกคนบนโลกมนุษย์ ทำให้พี่ของเธอกลายเป็นคนเสียสติจากการปั่นประสาท ทำให้พ่อแม่ของเลนตัดขาดจากเธอ ทำให้อาริสุไม่เชื่อใจและตัดขาดความเป็นเพื่อนจากเธอ และทำให้เลนเชื่อว่าเธอมีเป้าหมายเช่นเดียวกับเขา ด้วยการทำให้เธอตั้งคำถามกับตัวเองว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นอะไรกันแน่ เอริบอกว่าเธอมีหน้าที่เป็นแค่ซอฟท์แวร์ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและโลกของ The Wired และเขาเป็นคนสร้างเลนขึ้นมาเอง และหลังจากนั้นเขาจะได้ควบคุมความจริงอย่างแท้จริง

สองภาพบรรยากาศที่โผล่มาบ่อยครั้งในอนิเมชั่นเรื่องนี้คือรอยเลือดและเสาไฟฟ้า รอยเลือดมักปรากฏอยู่ใต้เงา อยู่ใกล้บ้านของเลน รอยเลือดนั้นปรากฏเพื่อบอกว่าโลกแห่งความจริงนั้นถูกหลบซ่อนภายในเงาที่เกิดขึ้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง The Wired นั้นเป็นโลกที่อยู่เหนือกว่าที่กำลังแสดงความจริงบางอย่างให้คนดูเห็น การละทิ้งร่างกายอาจไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่มันคือการตามหาที่อยู่แห่งใหม่ ที่อยู่ที่เหมาะสม และหลักฐานพวกนั้นคือรอยเลือดที่ปรากฏให้เห็นในโลกแห่งความจริง โลกแห่งร่างกายที่ถูกทิ้งไว้ให้เหลือแต่คราบของความเจ็บปวด ส่วนเสาไฟฟ้านั้นมักถูกพบเห็นด้วยมุมที่เงยหน้าขึ้นไป เราจะมองเห็นเครือข่ายของสายไฟระโยงระยางเต็มไปหมดภายใต้ท้องฟ้า พร้อมกับเสียงคลื่นไฟฟ้าที่คอยรบกวนและขับเน้นบรรยากาศของความอึมครึมบางอย่าง โลกเสมือนก็อาจซับซ้อนเช่นเดียวกันกับสายไฟที่พันกัน แต่พื้นที่ในการใช้งานมันรับส่งข้อมูลข่าวสารนั้นอาจเล็กเพียงแค่นั้น โลกของข้อมูลที่มีอยู่อย่างไม่จำกัดเดินทางด้วยแค่วัตถุขนาดนิดเดียว เปรียบเป็นการเชื่อมต่อของผู้คนทั้งโลกให้กลายเป็นหนึ่งเดียว

ตัวละครที่สำคัญเช่นกัน คือตัวละครอื่นๆ ในโลก The Wired ที่คอยเข้ามาพูดคุยกับเลน ซึ่งไม่มีหน้าตาที่แท้จริงให้ได้เห็น พวกเขาคือเหล่าคนนิรนามที่ไม่สามารถระบุตัวตนที่แท้จริงในโลกแห่งความจริงได้ บ้างก็เป็นแค่สิ่งของ หรือมีรูปร่างเป็นแค่เงาลึกลับ บ้างก็ปรากฏออกมาแค่อวัยวะหนึ่งของร่างกาย บ้างก็กลายเป็นคนที่เลนรู้จัก ซึ่งไม่มีทางรู้ได้ว่าเขาคือพ่อกับแม่ของเลนที่มาพูดคุยจริงหรือไม่ ราวกับว่าเป็นการย้ำเตือนว่าบุคลิกระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกใน The Wired นั้นไม่สามารถรวมตัวกันเป็นหนึ่งได้ ยกเว้นเพียงแค่ไม่กี่คนที่มีชื่อในวงการวิทยาศาสตร์ภายในเรื่อง และเลนที่มีหน้าตาที่เหมือนเดิมทั้งหมด เพียงแค่บุคลิกที่เปลี่ยนไปเท่านั้น ตัวละครของเลนที่มีต่อโลกแห่งความจริง และโลกเสมือนใน The Wired นั้นไม่เหมือนกันตามที่เราได้เห็น แต่สำหรับตัวละครอื่นในเรื่องที่ไม่ใช่เพื่อนของเธอกลับเข้าใจว่านี่คือเลนที่พวกเขารู้จัก 

การปะทะกันของความจริงในโลกแห่งความจริงและ The Wired ทำให้บางครั้งบุคลิกของเลนก็เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน เลนนั้นไม่ได้มีบุคลิกแบบเดียวตามความเข้าใจ ตามการวิเคราะห์ตามผู้ชมที่ดูและทางผู้สร้างเอง เลนนั้นมี 3 บุคลิกด้วยกัน แบ่งตามโดยง่ายด้วย id, ego และ superego ของตน บุคลิกแรกของเลนนั้นเป็นบุคลิกที่เราได้เห็นในส่วนใหญ่ บุคลิกของความเป็นเด็ก ความไร้เดียงสา ไม่กล้าเข้าสังคม มีแต่คำถามต่อโลกทั้งสองใบ อาจจะมองว่านี่คือเลนของโลกแห่งความเป็นจริงก็ได้ บุคลิกที่สองคือหลังจากที่เธอเริ่มได้เข้า The Wired และเริ่มสร้างโลกแห่งปัญญาประดิษฐ์ของเธอ เลนเริ่มเปลี่ยนไป มีบุคลิกที่ก้าวร้าวมากขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น และทำทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย อาจเรียกได้ว่านั่นคือ “เลนจาก The Wired” และบุคลิกที่สามที่เริ่มปรากฎตัวหลังจากที่การปรากฎตัวของ The Knights มีความเป็นเด็กน้อย คอยยุยงปลุกปั่นสร้างความขัดแย้งกับคนอื่น นี่อาจจะเป็นบุคลิกที่ The Knights สร้างขึ้นให้กลายเป็นเลนที่ทุกคนเกลียดชัง ทำลายความคาดหวังคนอื่น เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายของตน ในการทำให้เลนละทิ้งร่างกายของตัวเองและอยู่ใน The Wired อย่างเต็มตัว และเลนสองบุคลิกแรกนั้นจะไม่มีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน

หากเป้าหมายของ The Knights คือการค้นหาความจริงเพียงหนึ่งเดียว สำหรับเลนแล้วเป้าหมายของเธอไม่ได้ต้องการสิ่งใดอื่นนอกจากความรัก ความรักที่คนอื่นมีมอบให้กับเธอ และความรักของเธอที่ต้องการมอบให้กับคนอื่น เธอแค่อยากรู้สึกว่าสิ่งที่ได้นั้นเป็นความจริง เลนต้องการครอบครัวที่ปกติ พูดคุยกันได้อย่างเข้าอกเข้าใจ เพื่อนที่คอยใช้ชีวิตและพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวด้วยกัน ว่าง่ายๆ คือเลนแค่อยากใช้ชีวิตเพียงเท่านั้น แต่การเข้ามาของ The Knights ที่ทำให้ทุกอย่างของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เธอมีความหมายเป็นอย่างอื่น ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ และเริ่มเข้าหา The Wired มากขึ้น และสิ่งที่ดึงตัวเธอให้อยู่ในโลกแห่งความจริง ไม่ละทิ้งร่างกายของตัวเองออกไปคือความสัมพันธ์ที่อาริสุยังมีให้กับเลน จนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ทำให้เธอเป็นตัวตนที่ยิ่งกว่า The Knights และเอริ แต่เลนนั้นไม่ใช่พระเจ้าในโลกแห่ง The Wired เธอกลายเป็นอะไรที่ไม่มีใครสามารถนิยามความหมายให้ได้

เป้าหมายของอาริสุนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เลนดึงตัวเองออกมาจากโลกแห่ง The Wired ได้ คืออาริสุอยากเป็นเพื่อนกับเลน เธอพยายามทำความรู้จักและชักชวนในสิ่งที่เพื่อนควรจะทำ การไปเที่ยว ช็อปปิ้ง พูดคุยกัน ระบายสิ่งต่างๆ ให้แก่กันและกัน ทำให้เลนกลับมาสดใสพูดคุยกับเธออย่างมีความสุขอีกครั้ง และหวั่นใจทุกครั้งเมื่อเห็นเลนกำลังติดอยู่กับโลกใน The Wired เหมือนกำลังเห็นเพื่อนทำในสิ่งที่จะทำให้ตัวเองเลวร้ายลง เพราะเธอไม่อยากให้เลนต้องอยู่ตัวคนเดียวกับเพื่อนที่ไม่สามารถแตะต้องได้ในชีวิตจริง นี่คือตัวตนที่ The Wired ไม่สามารถแทรกแซงได้ เพราะเธอไม่ได้เป็นคนที่เชื่อมต่อมากเท่ากับคนอื่นๆ การสัมผัสตัวตนจริงๆ บนโลกแห่งความจริงยังเป็นอะไรที่สำคัญสำหรับอาริสุ และนั่นเป็นการที่ทำให้เลนมีตัวตน เพราะเธอเป็นคนเดียวที่เชื่อมต่อกับเลนได้โดยไม่ต้องพึ่ง The Wired

สุดท้ายแล้วเลนจึงไม่ยอมที่จะสละร่างกายของตัวเองเพื่อไปอยู่ในโลกของ The Wired แต่ยอมลบตัวตนของตัวเองทิ้ง และรีเซ็ตเหตุการณ์ทุกอย่างกลับไปสู่ตั้งแต่เริ่มแรก การทำแบบนี้สำหรับเธอกลายเป็นการแยกโลกทั้งสองใบออกจากกัน The Wired นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ความจริงหนึ่งเดียวกันกับโลกแห่งความจริง เพราะการมีเลนอยู่ทำให้ความจริงของโลกทั้งสองใบนั้นทับซ้อนกันและเกิดแต่ความเจ็บปวด เลนสละตัวเองเพื่อแก้ไขความผิดพลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวของเธอ ทั้งพี่สาวของเธอ ครอบครัวของเธอ และเพื่อแลกกับความสุขของอาริสุ เพื่อนที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของเธอโดยที่จะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดจากการที่มีเธออยู่ การกระทำครั้งนี้ทำให้เลนจมอยู่กับความทุกข์ เพราะไม่มีใครรับรู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่โดยสมบูรณ์ ก่อนจะค้นพบว่ามันทำให้เธอสามารถเฝ้ามองทุกคนได้ทุกหนทุกแห่งอย่างที่เคยเป็นไปตามกลไกธรรมชาติของมัน และกลายเป็นว่ามีคนที่สามารถทักทายเลนด้วยอาการเดจาวู ที่คลับคล้ายคลับคลาว่ารู้จักเธอมาก่อน แต่จำไม่ได้ว่ารู้จักกันได้อย่างไร คำถามที่ว่าแล้วสุดท้ายเลนได้กลายเป็นใคร เลนเป็นเพียงแค่โปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้น หรือได้กลายเป็นพระเจ้าของโลกแห่งความจริง The Wired หรือเป็นตัวแปรที่ควบคุมโลกทั้งสองใบ เธอกลายเป็นตัวตนที่มีอยู่จริง หรือไม่มีอยู่จริงกันแน่ ไม่มีใครสามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับคนที่ได้ชมเรื่องนี้ถึงจะบอกได้ว่าเธอได้กลายเป็นใคร หรือเธอไม่ได้กลายเป็นอะไรเลย

ในทุกวันนี้ผู้คนนั้นถูกตัดความเข้าใจในชีวิตจริง พวกเขาล้วนโหยหาการติดต่อกันและกันตลอดเวลา ชีวิตจริงอาจทำให้เราเหินห่าง แต่การได้มาของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้เราสามารถติดต่อกันได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น และสามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนได้มากขึ้นเช่นกัน หากต้องเปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ในโลกแห่งความจริงแล้ว ที่นี่อาจเป็นที่อยู่อย่างเหมาะสมสำหรับพวกเขา แต่บางคนที่เหมือนดวงวิญญาณที่สูญสลายในโลกแห่งความเป็นจริง บางครั้งอาจไม่สามารถหาจุดสมดุลระหว่างโลกทั้งสองใบได้ ถลำลึกจนยอมละทิ้งทุกอย่างของตัวเองเพื่อหลงไปตามในสิ่งที่อาจจับต้องไม่ได้ในโลกแห่ง The Wired ก็อาจเป็นเพราะว่าพวกเขาและเธอกลายเป็นผู้แพ้ในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้ที่ยอมทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้เข้าไปอยู่ที่นั่น เพื่อค้นหาตัวตนของตัวเอง ค้นหาความจริงหรือในสิ่งที่เขาเชื่อและศรัทธาอย่างสุดใจ แต่การเสียสละร่างกายนั้นอาจกลายเป็นความพ่ายแพ้ เขาอาจค้นพบว่านั่นอาจไม่ใช่ดินแดนที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันถึง แต่กลับกลายเป็นความว่างเปล่าที่ซ่อนอยู่ รอยเลือดเหล่านั้นอาจเป็นจุดจบของตัวตนภายใต้เงา และกลายเป็นแค่กระแสข้อมูลที่ไหลไปพร้อมกับสายไฟฟ้าที่พันกันอย่างซับซ้อนจนไม่รู้ความจริงแล้วว่าเราเองเป็นใครกันแน่

RELATED ARTICLES