Home Article #คั่นกู เพราะเราคู่กัน : ถ้าหวงมาก ก็ถือให้ ‘พอดี’ …เมื่อ ‘บลู ฮาวาย’ มีความหมายในซีรีส์วาย

#คั่นกู เพราะเราคู่กัน : ถ้าหวงมาก ก็ถือให้ ‘พอดี’ …เมื่อ ‘บลู ฮาวาย’ มีความหมายในซีรีส์วาย

#คั่นกู เพราะเราคู่กัน : ถ้าหวงมาก ก็ถือให้ ‘พอดี’ …เมื่อ ‘บลู ฮาวาย’ มีความหมายในซีรีส์วาย

“หวงมากอะ ทำไมไม่ถือให้ดีๆ วะ”

ฟ่ง เพื่อนรักเอ่ยปากกับ ไทน์ หนุ่มหน้าใสสุดชิคที่ถูกกลุ่มนักศึกษาหญิงวิ่งชน จนทำให้เครื่องดื่มสีฟ้าสดใสในมือของเขาหล่นกระจายเต็มพื้น ไทน์ครุ่นคิด ก้มลงมองแก้วบุบบี้ที่เขาเก็บคืนมาด้วยความเสียดาย ก่อนหันไปทางชายหนุ่มหน้าตาดีที่เขาเริ่มมีใจให้มากขึ้นทุกวันอย่าง สารวัตร ผู้เป็นห่วงไทน์-ที่เพิ่งฟื้นจากการเป็นลมขณะเต้นลีดฯ เชียร์ฟุตบอล-มากถึงขนาดตามมาเฝ้าดูอาการในโรงพยาบาล แม้เจ้าตัวจะบาดเจ็บจากการแข่งฟุตบอลแมตช์เดียวกันจนต้องใส่เฝือกที่ขาก็ตาม

— นี่คือฉากหนึ่งของซีรีส์ ‘เพราะเราคู่กัน’ -ซึ่งมีชื่อเล่นเป็นแฮชแท็กติดเทรนด์ในโลกออนไลน์ว่า ‘คั่นกู’- ที่ GMMTV ดัดแปลงมาจากนิยายวายขายดีของ JittiRain และโด่งดังถล่มทลายข้ามประเทศในช่วงหลายเดือนมานี้ โดยฉากดังกล่าวถือเป็นดราม่าเล็กๆ ที่ช่วยเสริมแรงให้ผู้ชมรู้สึก ‘อิน’ กับซีรีส์เรื่องนี้ยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากที่สองหนุ่มตัวละครเอกของพวกเขาได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันบ่อยเข้า จนมาถึงจุดที่อาจเรียกได้ว่าคือ ‘ความรัก’

และมันก็ยังเป็นฉากที่ทำให้เครื่องดื่มที่ไทน์ทำหกอย่าง ‘บลู ฮาวาย’ ดูจะมี ‘ความหมาย’ ต่อเรื่องเล่าในจอ-รวมถึงกระแสตอบรับนอกจอ-อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย


1

หากมองจากองค์รวม ‘คั่นกู’ คือซีรีส์วาย (Y ที่ย่อมาจาก Yaoi ในภาษาญี่ปุ่น แปลได้คร่าวๆ ว่า Boy’s Love หรือ ‘เรื่องรักชาย-ชาย’) แบบหมดจด นับตั้งแต่พล็อตเรื่อง ตัวละคร ไปยันวิธีการนำเสนอ โดยเล่าถึงสัมพันธ์รักที่ค่อยๆ ก่อร่างขึ้นระหว่าง ไทน์ กับ สารวัตร (รับบทโดย วิน – เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร และ ไบร์ท – วชิรวิชญ์ ชีวอารี ตามลำดับ) สองหนุ่มนักศึกษาปีหนึ่งที่ฝ่ายแรกพยายามหนีเอาตัวรอดจากการตามตื๊อของเพื่อนเกย์ร่วมรุ่น จนต้องไหว้วานให้ฝ่ายหลังมาช่วย ‘แกล้งจีบเขา’ เพื่อเป็นไม้กันหมา ซึ่งด้วยภารกิจรักปลอมๆ นี้เองก็ทำให้ไทน์เริ่มรู้จัก ‘หัวใจ’ ตัวเองมากขึ้นทีละนิด

เนื้อหาดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านลีลาการตัดต่อที่ฉึบฉับว่องไว, เพลงประกอบแสนติดหูจากวง Scrubb ที่ช่วยส่งเสริมบรรยากาศ และตัวบทดัดแปลงที่มุ่ง ‘ขยี้’ ความรู้สึกของผู้ชมในแต่ละฉาก โดยเฉพาะ ‘โมเมนต์’ ทั้งหลายที่ไทน์กับสารวัตรต้องเข้าคู่กันเพื่อเรียกความ ‘ฟิน’ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นมุกตลกโปกฮา หรือการถ่ายทอดความขัดแย้งในระดับพ่อแง่แม่งอนน่ารักน่าชัง ไปจนถึงระดับดราม่าน้ำตาไหล ซึ่งไปด้วยกันได้ดีกับวิธีการโปรโมตในหลากหลายช่องทางสื่อ ทั้งรูปและคลิปบางส่วนจากซีรีส์ที่ผู้สร้างเตรียมไว้แชร์เพื่อช่วยขยี้โมเมนต์เหล่านั้นอย่างถูกที่ถูกเวลา รวมถึงการร่วมด้วยช่วยกันของบรรดานักแสดงและทีมงานที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมหาศาลในโซเชียลมีเดีย ซึ่งทั้งหมดนั้นสามารถช่วยจุดกระแสซีรีส์ให้ลุกติดพึ่บพั่บอย่างร้อนแรงได้ในทุกสัปดาห์ – เราจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ‘คั่นกู’ คือผลงานที่ถูกต้องตรงตามหลักไวยากรณ์ของซีรีส์วายบ้านเราในแทบจะทุกมิติ

ทว่าภายใต้ความบันเทิงที่ดูเหมือนจะเบาสมองและเน้นหนักแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ นี้ ผู้สร้างก็ยังพยายามที่จะสอดแทรก ‘สาระ’ บางอย่างมาให้ผู้ชมอยู่เป็นระยะด้วย เช่นเดียวกับสิ่งที่ ฟ่ง (ข้าวตัง – ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล) ฝากไว้ให้ไทน์ได้คิดในฉากข้างต้น

“มึงก็เลือกเอาละกัน ถ้าไม่อยากเสียใจทีหลังอะ ก็รักษามันไว้ดีๆ ดิ ตอนที่ยังมีโอกาสอยู่ หรือว่าจะปล่อยมันตกลงไปแล้วเก็บขึ้นมาใหม่ …แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วนะเว้ย”

คำพูดนี้ของฟ่งถือเป็นการส่งสารที่ทั้ง ‘แทงใจ’ และ ‘แทนใจ’ ผู้ชมซีรีส์ได้ค่อนข้างดี เมื่อภาพของ ‘คนที่ไทน์ชอบ’ อย่างสารวัตรผู้บาดเจ็บจนต้องเข้าเฝือก ถูกซ้อนทับให้กลายเป็นภาพเดียวกับ ‘เครื่องดื่มที่ไทน์ชอบ’ ซึ่งถูกทำหกไปจนเกือบหมดแก้ว

มัน ‘แทงใจ’ ผู้ชม เพราะเป็นความจริงของชีวิตที่พวกเขา-ซึ่งอาจเคยมีประสบการณ์รักที่ไม่สมหวังมาก่อน-สามารถรู้สึกเชื่อมโยงด้วยได้ และมันก็ ‘แทนใจ’ ผู้ชม เพราะเป็นความคิดที่พวกเขาอยากบอกเตือนให้ตัวละครอย่างไทน์ได้รับรู้ ก่อนที่ความลังเลในการตอบรับรักสารวัตรของเขาจะทำให้ทุกอย่างสายเกินแก้

เครื่องดื่มแก้วนั้นจึงมี ‘ความหมาย’ บนหน้าจอซีรีส์วายมากกว่าที่เคย


2

แม้จะไม่ได้เกี่ยวพันกับการตลาดของซีรีส์ ‘คั่นกู’ จนต้องถูกขายพ่วงอย่างเด่นชัดเหมือนบรรดาเครื่องดื่มมียี่ห้อชนิดอื่นๆ ทว่าเครื่องดื่มที่ดูจะมีบทบาทโดดเด่นไม่แพ้กัน ก็คือ ‘บลู ฮาวาย’ (Blue Hawaii) ที่ตัวละครไทน์ชอบดื่มเป็นชีวิตจิตใจ

โดยทั่วไป เราอาจรู้จักบลู ฮาวายในฐานะของค็อคเทลชนิดหนึ่งที่ถือกำเนิดบนเกาะฮาวายในยุค 50 และสามารถมีส่วนผสมได้หลากหลาย ทั้งเหล้ารัม วอดก้า น้ำเชื่อม น้ำมะนาว หรือแม้แต่น้ำผลไม้รสเปรี้ยวอย่างสับปะรด โดยมี ‘พระเอก’ ประจำสูตรเป็น Blue Curaçao หรือเหล้าหวานที่มี ‘สีฟ้า’ ดุจน้ำทะเลเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหากลองพิจารณาจากภาพจำที่ปรากฏในหนังหรือซีรีส์ บลู ฮาวายก็น่าจะถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ ‘ขึ้นกล้อง’ จนมักถูกนำมาใช้ประกอบฉากอยู่เสมอ ทั้งเป็นของมึนเมาเจ้าประจำในฉากผับบาร์หรือปาร์ตี้ริมหาดที่ต้องการสีสัน หรือแม้แต่เป็นน้ำหวานผสมโซดาของตัวละครวัยใสในฉากสถานศึกษาหรือห้างสรรพสินค้า

ด้วยเหตุนี้ ‘ความสดชื่นรื่นเริง’ จึงเป็นความหมายที่มักจะถูกจับคู่กับบลู ฮาวายอยู่ร่ำไป ซึ่งก็ช่างเข้ากันดีเหลือเกินกับรอยยิ้มและบุคลิกอันสดใสของไทน์ที่สารวัตรประทับใจ

เครื่องดื่มสีฟ้าชนิดนี้ไม่เพียงปรากฏอยู่ในฉากที่ฟ่งร่ายคำคมกินใจใส่หูไทน์เท่านั้น แต่ผู้ชมยังได้เห็นมันอีกหลายครั้งระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไป ไม่ว่าจะเป็นหลายฉากก่อนหน้าที่แสดงให้เห็นว่าไทน์ชอบดื่มบลู ฮาวายเป็นปกติ, ฉากที่สารวัตรพยายามเอาใจไทน์ด้วยการแอบซื้อบลู ฮาวายมาให้  หรือฉากที่ช่วยสร้างปมขัดแย้งให้กับทั้งคู่ในช่วงท้ายๆ เมื่อไทน์ได้เห็นบลู ฮาวายในมือของหญิงสาวผู้เป็นรักแรกสมัยมัธยมของสารวัตร และรู้สึกขุ่นข้องหมองใจว่าสารวัตรอาจเห็นเขาเป็นเพียง ‘ตัวแทน’ ของผู้หญิงคนนั้นที่ดันชอบเครื่องดื่มชนิดเดียวกันกับเขา เป็นต้น

บลู ฮาวายจึงถูกซีรีส์เรื่องนี้นำมาใช้เป็น ‘เครื่องมือในการเล่าเรื่อง’ ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มากกว่าจะเป็นเพียงแค่ ‘เครื่องดื่มประกอบฉาก’ ที่ไร้ความหมายใดๆ

และแม้ว่าการใช้เครื่องดื่มของตัวละครเพื่อเล่าเรื่องในฉากนี้จะถูกถ่ายทอดด้วยท่าทีที่ ‘ตรงไปตรงมา’ จนอาจดูทื่อมะลื่อเกินไปสำหรับผู้ชมบางกลุ่ม แต่ด้วยความจริงใจใสซื่อของสารที่ถูกสื่อออกมานั้น ก็ทำให้มันยังคงเป็นฉากน่าประทับใจสำหรับผู้ชมอีกบางกลุ่ม

…ผู้ชมที่รัก ‘นักแสดงของพวกเขา’ มากพอๆ กับที่ไทน์รักสารวัตร-เจ้าความรักของเขาที่เปรียบได้กับบลู ฮาวายแก้วนั้น


3

วิน เมธวิน คือนักแสดงหนุ่มยิ้มสดใสที่มีรัศมีของ ‘ความสดชื่นรื่นเริง’ ไม่ต่างไปจากเครื่องดื่มสีฟ้าในมือของตัวละครไทน์ที่เขาตั้งใจถ่ายทอด

เขา-รวมถึง ไบร์ท วชิรวิชญ์ นักแสดงนำร่วมจอผู้รับบทสารวัตร-คือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ซีรีส์ ‘คั่นกู’ ประสบความสำเร็จ เพราะนอกเหนือจากความแม่นยำในไวยากรณ์ของซีรีส์วายดังที่กล่าวไปแล้ว ทั้งรูปลักษณ์ชวนมองและการแสดงอันโดดเด่นของ ‘ไบร์ท-วิน’ ก็มีส่วนช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด ซึ่งทำให้นักแสดงหน้าใหม่อย่างวินกลายมาเป็นที่รู้จักในวงกว้างไม่แพ้ ‘คู่’ ของเขาอย่างไบร์ทที่เคยมีผลงานการแสดงมาบ้างแล้ว – พิสูจน์ได้จากยอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมของเขาที่พุ่งสู่หลักล้านภายในระยะเวลาอันสั้น และการที่ชื่อของเขาติดเทรนด์แฮชแท็กยอดนิยมในทวิตเตอร์ไม่เว้นแต่ละวัน

เมื่อตัวนักแสดงโด่งดังถึงเพียงนี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คำวิพากษ์วิจารณ์จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะในกรณีของวินที่เคยถูกแฟนนิยายต้นฉบับตั้งแง่ว่า ‘ไม่เหมาะสมกับบทนี้’ มาตั้งแต่ตอนปล่อยทีเซอร์ตัวทดลองเมื่อปลายปีก่อน เพราะตัวละครไทน์ในนิยายเป็นคนสูงโปร่ง ขณะที่วินในตอนนั้นมีรูปร่างหนากว่ามาก ซึ่งวินก็ได้พิสูจน์ตัวเองผ่านการลดน้ำหนักลงถึง 10 กิโลกรัมก่อนการถ่ายทำจริง และการพยายามศึกษานิสัยใจคอของตัวละครนี้จนทำให้เขากลายเป็นไทน์ที่ดู ‘ตัวเล็กน่ารัก’ ได้ในทุกครั้งที่ต้องเข้าฉากประกบคู่กับไบรท์ จนผู้ชมหลายคนเทใจให้หมดหน้าตัก

อย่างไรก็ดี แม้การแสดงของวินจะมีพัฒนาการที่น่าชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกเอพิโซด แต่คำวิจารณ์เชิงลบของผู้ชมบางส่วนก็ยังคงโผล่มาให้เห็นอยู่บ้างเป็นระยะ โดยส่วนใหญ่โฟกัสไปยัง ‘ความไม่เป็นธรรมชาติทางการแสดง’ ที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่ในบางฉากบางตอน ซึ่งคำวิจารณ์เหล่านี้เองที่ทำให้ผู้ชมอีกบางส่วน-ที่รักวิน-ออกอาการ ‘รับไม่ได้’ และออกมาตอบโต้กันอยู่เนืองๆ ในโลกโซเชียลฯ

เป็นเรื่องน่าปลาบปลื้มใจที่ผู้ชมเหล่านี้พร้อมจะออกมาปกป้องนักแสดงที่ตนรักอย่างสุดใจ และหวังให้เขาได้พบเจอแต่สิ่งดีงาม ทว่าในอีกมุมหนึ่ง มันก็อาจกลายเป็นเรื่อง ‘น่าเสียดาย’ ได้เหมือนกัน เมื่อการปกป้องนั้นเลยเถิดไปจนถึงขั้นปฏิเสธทุกคำวิจารณ์ที่เป็นด้านลบ และโจมตีคนที่เห็นต่างอย่างเผ็ดร้อนด้วยความไม่พอใจ-ไม่เห็นด้วย เพราะหลายครั้ง คำวิจารณ์เชิงลบเหล่านั้นก็เป็นการ ‘ติเพื่อก่อ’ ที่อาจนำประโยชน์มาสู่ตัวนักแสดงเองในการทำงานครั้งต่อๆ ไป

การปกป้องนักแสดงอย่างไม่ลืมหูลืมตาของผู้ชมทุกวันนี้ จึงดูคล้ายกับการถือแก้วบลู ฮาวายอย่างไม่ระวังของตัวละครไทน์ในฉากนั้น

ผู้ชมอย่างเราอาจกำลัง ‘ถือ’ ความรักที่มีต่อนักแสดงคนโปรดอย่างไม่ระวัง ถือมันเอาไว้ ‘แน่นเกินไป’ จนลืมเปิดโอกาสให้ ‘นักแสดงที่เรารัก’ ได้หัดรับฟังคำวิจารณ์ที่หลากหลาย ได้รู้จักพัฒนาตัวเอง และได้เติบโตอย่างมีภูมิคุ้มกันในแบบที่ ‘นักแสดงคุณภาพ’ สักคนควรจะเป็น

จะดีกว่าไหม หากเราลอง ‘ถือ’ ความรักนั้นเอาไว้ให้ ‘พอดี’ กว่าที่เป็นอยู่

ไม่หลวมเกินไปจนสิ่งนั้นหลุดมือหล่นร่วงแหลกลาญไป-เหมือนกับบลู ฮาวายของโปรดที่ไทน์ไม่ทันระวังรักษา และ ก็ไม่แน่นเกินไปจนสิ่งนั้นถูกบีบให้แบนบี้อยู่แค่ใต้ฝ่ามืออันเล็กแคบ-เหมือนกับนักแสดงที่ถูกผู้ชมอย่างเรา ‘ทำร้าย’ โดยไม่รู้ตัวด้วยการเฝ้าปกป้องจนไม่มีพื้นที่ให้เขาได้เติบโตด้วยตัวเอง

อย่าปล่อยให้ความรักที่เรามีต่อใครสักคนต้องกลายเป็นเรื่อง ‘น่าเสียดาย’ เหมือนกับบลู ฮาวายแก้วนั้นที่ไทน์เผลอทำตกพื้นเลย – นั่นคงเป็นสิ่งที่ฟ่งพยายามบอกกับเพื่อนรักของเขาและผู้ชมอย่างเราไปพร้อมกัน

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here