เกร็ดน่ารู้หลังดู The Platform

(บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง เหมาะสำหรับผู้ที่ดูแล้วเท่านั้น)

หนังเล่าเรื่องของ โกเร็ง ชายที่ตื่นมาในคุกแนวดิ่งซึ่งจะมีอาหารป้อนลงมาจากชั้นบน ยิ่งอยู่ลึกลงไปของกินก็ยิ่งเป็นเศษเดนเท่านั้น และวันต่อๆ ไปเขาอาจตื่นขึ้นมาในชั้นไหนก็ได้ หลายคนตีความว่าหนังกำลังพูดเรื่องชนชั้น ซึ่งนั่นเป็นแค่สวนหนึ่งของสิ่งที่ ผกก. กัลเดอร์ กัซเตลู-เออร์รูเตีย ชาวสเปนที่เพิ่งทำหนังเรื่องแรกบอกว่า “จริงๆ แล้วจุดประสงค์หลักคือแสดงให้เห็นว่าคนเราสามารถดีและชั่วได้พอกัน หนังตั้งคำถามว่าคุณจะเป็นอย่างไรถ้าตื่นขึ้นมาแล้วอยู่ชั้น 200 แล้ววันต่อมาอยู่ชั้น 48 หนังพูดถึงขีดจำกัดของความเป็นคน มันอาจง่ายมากที่จะเป็นคนดีตอนอยู่ชั้น 10 ที่มีเหลือกินเหลือใช้ แต่มันยากมากถ้าคุณอยู่ในชั้น 182 ที่ต้องอดยาก”

The Platform ถ่ายทำอยู่ 6 สัปดาห์ อิวาน มัสซากู ผู้รับบทโกเร็งใช้เวลาระหว่างนั้นลดน้ำหนักลงให้ได้ 12 กิโลกรัม ดังนั้นหนังต้องถ่ายเรียงตามลำดับเวลาเพื่อให้น้ำหนักและรูปร่างของโกเร็งต่อเนื่องตามความพังของโกเร็ง

ฉากที่ใช้ถ่ายคำนวนมาเป๊ะระดับมิลลิเมตร และทุดซอกทุกมุมสามารถถอดประกอบได้หมด เพื่อให้ตากล้องเข้าไปอยู่ด้วยได้อย่างอิสระ ซึ่งหนังเรื่องนี้แบกกล้องไว้บนบ่าตากล้องเกือบทั้งเรื่อง

ตอนจบของหนังเรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันมากว่าหมายความว่าอะไร ในฐานะคนทำหนัง กัซเตลู-เออร์รูเตีย ก็ไม่อยากจะแทรกแซงการตีความของคนดูนัก แต่เขาอธิบายว่าจริงๆ ตอนจบถ่ายมาสองแบบคือแบบที่เห็นในหนังกับแบบที่เด็กไปอยู่ชั้น 1 แต่เขามองว่าจบแบบนี้ดีกว่าเพราะต้องการสร้างพื้นที่ให้คนดูคิดต่อ “ที่จริงมันอาจจะไม่มีชั้นล่างสุดเสียด้วยซ้ำ” เขาว่า

“ในโลกที่เต็มไปด้วยคนจน คนยากที่นำไปสู่สงคราม เข้าไม่ถึงยารักษาโรค …ขยะของคนชั้นบนคือของล้ำค่าสำหรับคนชั้นล่าง”

ดู The Platform ที่ Netflix

นคร โพธิ์ไพโรจน์
ริจะเบนเส้นทางไปเป็นไลฟ์โค้ชด้านการลดน้ำหนัก แต่เฟลเลยกลับมาเขียนบทความหนังไทยเหมือนเดิม

RELATED ARTICLES