‘ประธานาธิบดี’ สู่ ‘คนทำหนัง’ …บทบาทใหม่ของโอบามา

Higher Ground Production คือบริษัททำหนังที่กำลังน่าจับตา เพราะเพียงแค่สามเรื่องที่ผลิตออกมา มันคว้าออสการ์ได้หนึ่งเรื่อง และเป็นที่รักของผู้ชมทุกเรื่อง โดยผู้ก่อตั้งบริษัทก็คือ บารัก และ มิเชลล์ โอบามา อดีตประธานาธิบดีและสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกานั่นเอง

หนังสามเรื่องที่อยู่ภายใต้การผลิตของ Higher Ground Production ประกอบด้วย American Factory เจ้าของออสการ์สารคดียอดเยี่ยมปีล่าสุด ว่าด้วยความเหลื่อมล้ำทางวัฒนธรรมในโรงงานผลิตกระจกของจีนในอเมริกา, Becoming สารคดีที่บันทึกการเดินทางโปรโมทหนังสือของ มิเชลล์ โอบามา ผลลัพธ์คือหนังที่แสดงพลังความเป็นมนุษย์ และ Crip Camp สารคดีที่พาย้อนไปสัมผัสบรรยากาศอันครื้นเครงของค่ายฤดูร้อนผู้พิการในยุค 70 อันเป็นเชื้อเพลิงนำไปสู่การขับเคลื่อนกฎหมายผู้พิการในเวลาต่อมา ซึ่งหนังคว้ารางวัล Audience Awards จากเทศกาลหนังซันแดนซ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา (ทั้งสามเรื่องดูได้ใน Netflix) และที่ช่วยยืนยันว่าโอบามาไม่ได้เข้าสังเวียนนี้มาเล่นๆ คือเขามีโปรเจกต์รอไว้แล้ว 7 เรื่อง หนึ่งในนั้นคือหนังดราม่าผู้ลี้ภัย Exit West ของ มอร์เทน ทิลดัม ผกก. The Imitation Game

Crip Camp กำกับโดย นิโคล นิวแนห์ม และ จิม เลอเบรกท์ ซึ่งรายหลังคือหนึ่งในซับเจ็คต์หนัง ผลผลิตแห่งเสรีภาพของผู้พิการจากค่ายฤดูร้อนเจเนดที่หนังรวบรวมฟุตเตจเมื่อราวห้าสิบปีที่แล้วมาได้ ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมงานกันมานาน นิวแนห์มในฐานะคนนอกรู้สึกทึ่งกับฟุตเตจดังกล่าวที่ไม่เคยมีสื่อไหนนำเสนอผู้พิการในมุมนี้มาก่อน กล่าวคือมันถ่ายโดยผู้พิการด้วยกันในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ผู้พิการ สถานที่แห่งนี้มันจึงไม่มีความพิการมาเป็นอุปสรรคต่อการเป็นวัยรุ่นของพวกเขา ขณะที่เลอเบรชท์เข้ามากำกับร่วมเพราะเขาสามารถต่อยอดเรื่องราวให้ไกลไปกว่าเพียงบทบันทึกความทรงจำอันงดงามของผู้พิการ แต่มันส่งผลต่อพลังการขับเคลื่อนสังคมของผู้พิการเอง


เมื่อเป็นเช่นนั้น โอบามาจึงไม่ลังเลที่จะโอบอุ้มโปรเจกต์นี้ให้เกิดขึ้นในที่สุด เพราะมันสอดรับกับนโยบายการทำหนังของเขาเป็นอย่างดี “การสัมผัสกับปัญหาของชาติพันธุ์ ชนชั้น ประชาธิปไตย สิทธิพลเมือง และอื่น ๆ อีกมากมาย มันทำให้เราเชื่อว่าผลงานแต่ละชิ้นจะไม่เพียงแค่ให้ความบันเทิง แต่พลังการเล่าเรื่องจะทำให้สังคมเรียนรู้ไปพร้อมกับเรา”

“การสัมผัสกับปัญหาของชาติพันธุ์ ชนชั้น ประชาธิปไตย สิทธิพลเมือง และอื่น ๆ อีกมากมาย มันทำให้เราเชื่อว่าผลงานแต่ละชิ้นจะไม่เพียงแค่ให้ความบันเทิง แต่พลังการเล่าเรื่องจะทำให้สังคมเรียนรู้ไปพร้อมกับเรา”

ไม่ว่าจะเป็น American Factory ที่แม้จะฉาบหน้าด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมของสองประเทศมหาอำนาจ แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือการพยายามเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยคนตัวเล็กๆ ขณะที่ Crip Camp ก็เล่าถึงการโอบกอดกันและกันของกลุ่มคนผู้ถูกลืมจากสังคมจนพวกเขาสามารถลุกขึ้นมาแก้ไขระบบอันไม่ชอบธรรมได้สำเร็จ หรือแม้แต่ Becoming ที่คล้ายจะเป็นสารคดีประชาสัมพันธ์ มิเชลล์ โอบามา แต่สิ่งที่ทำให้มันชนะใจผู้ชมจนกวาดคะแนนถล่มทลายใน Rotten Tomatoes ได้ ก็คือการที่มันแสดงพลังขับเคลื่อนของประชาชนอย่างเท่าเทียม

การทำหนังสำหรับโอบามาจึงคือการทำงานกับประชาชนต่อเนื่องมาจากสถานะประธานาธิบดี เพียงแต่เปลี่ยนเครื่องมือมาเป็น ‘หนัง’ “สิ่งที่ผมทำมาตลอด 20 ปี คือทำงานกับผู้คน การเล่าเรื่องก็เช่นกัน มันต้องเชื่อมโยงเรื่องเล่ากับมนุษย์เข้าไว้ด้วยกัน” บารักกล่าว “เราทุกคนมีเรื่องส่งผลต่อชีวิตตัวเอง ถ้าคุณมีโอกาสได้พูดคุยกับใครก็ตาม เราจะสามารถเชื่อมโยงกันได้ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เพียงแค่เปิดใจรับฟังเราก็จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน”


ดูหนังทั้ง 3 เรื่องได้ที่ Netflix : American Factory, Becoming, Crip Camp

นคร โพธิ์ไพโรจน์
ริจะเบนเส้นทางไปเป็นไลฟ์โค้ชด้านการลดน้ำหนัก แต่เฟลเลยกลับมาเขียนบทความหนังไทยเหมือนเดิม

RELATED ARTICLES