Home Review Film Review Claire’s Knee : เสรีภาพและความไร้สุขซึ่งบรรจุอยู่ในหัวเข่าของความปรารถนา

Claire’s Knee : เสรีภาพและความไร้สุขซึ่งบรรจุอยู่ในหัวเข่าของความปรารถนา

0
Claire’s Knee : เสรีภาพและความไร้สุขซึ่งบรรจุอยู่ในหัวเข่าของความปรารถนา

ฤดูร้อนแสนงาม เจอโรมหนุ่มใหญ่สำรวยเดินทางมาพักผ่อนที่บ้านพักริมทะเลสาบ ที่นั่นเขาเจอออโรร่า เพื่อนสาวที่เขาเคยสนิทสนมแต่กาลก่อน เขาลองเล่นหมาหยอกไก่กับเธออีกครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ เธอแนะนำให้เขารู้จักกับคุณนายวอลเตอร์ เจ้าของคฤหาสน์ที่เธอมาพักอาศัย และเขาได้พบกับลอร่า ลูกสาวคนเล็กแรกรุ่นของคุณนายวอลเตอร์ ออโรร่าบอกเขาว่าเด็กสาววัยรุ่นคนนี้ดูจะสนใจเขา อยากให้เขาลองจีบเธอดู ตัวเขาเองก็เพิ่งแต่งงานกับสาวสวีเดน แต่ก็เอนจอยกับการหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆ

หลังจากไปเที่ยวภูเขาด้วยกัน เด็กสาวก็บอกว่าเธอออกจะชอบเขานิดๆ แต่เธอก็มีเพื่อนชายแวะมาหา เขาเองก็หว่านเสน่ห์แบบไม่ได้หวังผลอะไรมากกว่าการได้หว่านเสน่ห์ จนเมื่อแคลร์ ลูกสาวคนโตของคุณนายวอลเตอร์มาถึง เธอมาที่นี่กับแฟนหนุ่มน่ารำคาญ เขาหันมาสนใจเธอ หว่านเสน่ห์ใส่เธอแต่ดูเหมือนเธอจะไม่เล่นด้วย ภายใต้ความหงุดหงิดและพ่ายแพ้ของตัวเอง เขาค่อยๆ เรียนรู้ว่าที่เขาสนใจไม่ใช่ออโรร่า ลอร่า หรือแม้แต่เธออีกต่อไป หากเป็นเพียงการได้สัมผัสหัวเข่าของเธอที่เขาบังเอิญเห็นเข้าครั้งหนึ่งเท่านั้น

มันจึงเป็นเกมของการสนทนา การยั่วยวน การท้าทาย และการแสวงหาความตื่นใจจากเกมของรักและการถูกรัก เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ ท่มกลางบรรยากาศอุ่นๆ ของทะเลสาบที่มีภูเขาเขียวขจีทอดเป็นฉากหลัง หนังทั้งเรื่องเป็นเพียงตัวละครสนทนากันไปเรื่อยๆ หลอกล้อยั่วยวนต่อปากต่อคำกัน เดินไปตามถนน ในปราสาทเก่าแก่ ริมทะเลสาบ หรือบนภูเขา เราอาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องของกระฎุมพีที่มีเวลาเหลือเฟือ เรื่องน่าเบื่อรื่นรมย์ของพวกคนรวยๆ ในทะเลสาบ แต่ก็นั่นแหละ นี่คือเรื่องราวยวนใจที่กลายเป็นนิทานสอนใจความเหลวไหลไม่ได้เรื่องของอำนาจผู้ชายและการบริหารอำนาจที่พวกเขาคิดว่ามี

ภาพยนตร์เรื่องที่ห้าจากหกเรื่องในตระกูล ‘นิทานสอนใจ’ (Six Moral Tales) ของ Eric Rohmer ผู้กำกับนิวเวฟฝรั่งเศสที่ทุกคนล้วนมีแนวทางต่างกัน ร่วมกันเพียงเติบโตมาจากการเป็นนักดูหนังและนักวิจารณ์ภาพยนตร์ในนิตยสารอย่าง Cahier du Cinema (ซึ่ง Rohmer เคยเป็นบรรณาธิการอยู่ช่วงหนึ่ง)

นิทานสอนใจของ Eric Rohmer ดูเหมือนจะเป็น นิทานอีสป สุภาษิตสอน/ด่า/ตบหน้า พลางพาฝันมนุษย์เพศชายมากกว่าจะเป็นนิทานสอนใจสำหรับเด็ก เกือบทุกเรื่องในหนังชุดนี้ว่าด้วยการนอกใจ การยั่วยวน การใช้อำนาจที่ตัวเองคิดว่ามีของผู้ชายทั้งหนุ่มทั้งแก่ต่อบรรดาหญิงสาวน้อยใหญ่ (โดยเฉพาะบรรดาสาวน้อย) ที่พวกเขามักคิดว่าพวกเธอเป็นเพียงตัวละครในเกมรักที่เขาเป็นผู้เล่น ก่อนจะถูกสอนมวยว่าพวกเขาเป็นผู้เล่นพอๆ กับที่ถูกเล่นในเกมอีโรติคของความสัมพันธ์ที่ความรักเป็นเพียงเครื่องมือ/ข้ออ้าง หรือแฟนตาซีที่มีไว้ให้ไปไม่ถึง

ใน Claire’s Knee (และหนังหลายๆ เรื่องของ Rohmer) สำหรับตัวละคร (โดยเฉพาะผู้ชาย) การยั่วยวนดูจะสำคัญกว่าการได้ครอบครอง การได้แสดงอำนาจผ่านทางการพูดดูจะสำคัญกว่าการกระทำ ฉากหนึ่งในหนัง เจอโรมถกเถียงกับลอร่าเรื่องความสัมพันธ์ กับความรัก และนี่คือบทสนทนาในฉากนี้


เจอโรม : ฉันแต่งงานกับลูซินด์ก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือฉันรู้จักเธอมาหกปีแล้ว และไม่เคยเบื่อเธอเลย แล้วเขาก็เหมือนกันกับฉัน แล้วฉันก็ไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมเราจะไม่อยู่ด้วยกัน เธอคงคิดว่ามันช่างไร้แรงปรารถนาสินะ?
ลอร่า : ใช่ค่ะ หนูอยากจะรู้สึกรักใครสักคนตั้งแต่วันแรก ไม่ใช่อีกหกปีต่อมา นั่นหนูไม่เรียกมันว่าความรักมันน่าจะเป็นมิตรภาพมากกว่า
เจอโรม : เธอคิดว่ามันต่างกันหรือ? ฉันว่าโดยพื้นฐานแล้วน่ะ ความรักกับมิตรภาพเหมือนกัน
ลอร่า : หนูไม่เคยเป็นเพื่อนกับคนที่หนูรัก ความรักทำให้หนูร้าย
เจอโรม : งั้นเลย! ไม่ใช่ฉันแน่ ฉันไม่เชื่อในความรักที่ปราศจากมิตรภาพ
ลอร่า : สำหรับหนูมิตรภาพจะมาทีหลัง
เจอโรม : จะก่อนหรือหลังก็ไม่สำคัญหรอก เพราะในมิตรภาพ เราจะพบบางอย่างที่เป็นเป้าหมายของความรัก นั่นคือการเคารพในอิสรภาพของการและกัน ไม่ใช่การครอบครอง
เจอโรม : หนูน่ะพวกชอบความเป็นเจ้าของ หนูคลั่งการครอบครอง
ลอร่า : งั้นหรือ ไม่ดีเลยนะ มันจะทำลายชีวิตเธอ
ลอร่า : หนูรู้ว่าหนูเกิดมาเพื่อไร้สุข เพราะฉะนั้นหนูจะไม่ยอมไร้สุข หนูน่ะมีความสุขมาก หนูคิดถึงก็แต่เรื่องที่มีความสุข คนเราไร้สุขก็เพราะเขาอยากจะเป็นอย่างนั้น เวลาที่หนูมีปัญหา หนูจะคิดถึงแต่ช่วงเวลาที่มีความสุข การร้องไห้น่ะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา หนูคิดว่าในเมื่อหนูอยู่บนโลกนี้ และนั่นช่างงดงามดังนั้นหนูจะต้องสนุกกับมัน
เจอโรม : ยังไง?
ลอร่า : เมื่อหนูมีความรัก มันจะกระทบกระเทือนต่อตัวหนูทั้งหมด แล้วหูก็จะลืมว่าหนูมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิต
เจอโรม : แต่เธอไม่ควรลืม หรือเสียสละชีวิตและความสุขเพื่อรัก ฉันคิดว่าเธอฉลาดมากพอในเรื่องนี้
ลอร่า : หนูจะบอกความลับคุณอย่างนึง จริงๆ แล้วหนูไม่มีความสุขเลยเวลาหนูมีความรัก หนูเกลียดมาก หนูติดแหง็ก ไม่มีอะไรทำให้หนูสนใจได้อีก หนูหยุดใช้ชีวิต มันไม่สนุกเอาเสียเลย
เจอโรม : เห็นไหมล่ะฉันว่าแล้ว! ใช่ไหมล่ะ?
ลอร่า : ไม่ใช่เลย


ท่ามกลางบทสนทนาของพี่ชาย/คุณน้าแสนดีคุยกับน้องสาว/หลานสาว เจอโรมพยายามแสดงอำนาจเหนือกว่าแบบคนอาบน้ำร้อนมาก่อน ในขณะที่เขาพยายามอธิบายเรื่องของความรักกับมิตรภาพ เราก็ได้เห็นความย้อนแย้งของมิตรภาพที่คือความไม่ครอบครอง ความไม่ครอบครองและเสรีภาพ คือการมีเสรีภาพที่จะลองสานสัมพันธ์กับผู้อื่น ความไม่ครอบครองคือการมอบอำนาจให้เฟลิร์ทกับใครก็ได้ ในทางตรงกันข้ามความย้อนแย้งของความรักของลอร่าก็นำไปสู่สิ่งที่เป็นเหมือนหัวใจอีกอย่างในหนังของหลายๆ เรื่องของ Rohmer ก็คือความไร้สุข เพราะมนุษย์ถูกสาปให้อยากมีความสุข ความไร้สุขจึงเป็นปลายทาง เพราะความสุขไม่มีจริง ความสุขถังก้นรั่วเพราะมันต้องการการเติมเพิ่มตลอดเวลา เพราะมีการเติมเพิ่มเท่านั้นที่คือความสุข เราจะเติมเพิ่มเมื่อขาดพร่อง เราจึงต้องขาดพร่องตลอดเวลาเพื่อจะได้เติมเพิ่มลงไป ดังนั้นเราจึงต้องไร้สุขเพื่อให้ความสุขดำรงคงอยู่ เช่นเดียวกับการพ่ายแพ้ในเกมรักเพื่อให้ความรักดำรงคงอยู่เหมือนแฟนตาซี เหมือนยูโทเปีย ความสมบูรณ์แบบที่มีไว้ให้ไป แต่ไม่มีวันถึง

หัวใจอีกอย่างในหนังของหลายๆ เรื่องของ Rohmer ก็คือความไร้สุข เพราะมนุษย์ถูกสาปให้อยากมีความสุข ความไร้สุขจึงเป็นปลายทาง เพราะความสุขไม่มีจริง ความสุขถังก้นรั่วเพราะมันต้องการการเติมเพิ่มตลอดเวลา เพราะมีการเติมเพิ่มเท่านั้นที่คือความสุข เราจะเติมเพิ่มเมื่อขาดพร่อง เราจึงต้องขาดพร่องตลอดเวลาเพื่อจะได้เติมเพิ่มลงไป

ความรัก(หรือเรื่องเพศ)ของผู้ชาย และความสุข(ความรัก)ของผู้หญิงในเรื่องจึงเป็นอะไรคล้ายๆ กับหัวเข่าของแคลร์ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เป็นตัวมันเอง เป็นเพียงวัตถุปรารถนา

หากเทียบกับคนอื่นๆ ที่เหลือ แคลร์เป็นตัวละครที่อยู่นอกเหนือเกมของเจอโรมและออโรร่า เธอเป็นเพียงสาวงามที่มาทีหลังสุด แสดงออกชัดแจ้งว่าไม่สนใจเสน่ห์หนุ่มใหญ่อย่างเจอโรม เธอมีแฟนหนุ่มหล่อวัยรุ่นมาด้วย และเอนจอยวันหยุดกับเขามากกว่าอื่นใด เจอโรมเจอเธอและสนใจเธอแบบที่ผู้ชายคิดอย่างประสาทแดกว่าผู้หญิงทุกคนต้องสนใจคนอย่างเขาในทางใดทางหนึ่ง แต่ก็เรียนรู้ว่าเปล่า จุดสนใจของเขาเลยย้ายมาที่หัวเข่าของเธอซึ่งเปลือยเปล่าพ้นชุดกระโปรงที่เธอสวมใส่ ในยามที่เธอและแฟนหนุ่มปีนบันไดไปเก็บลูกไม้สดๆ จากต้นมากิน เจอโรมบังเอิญเดินผ่าน เขามองเห็นหัวเข่าของเธอ ปรารถนามันเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นใหม่ปรารถนาในฐานะของวัตถุที่แยกออกจากร่างกายของเธอ ปรารถนาที่ไม่อาจครอบครองโดยแท้

ปรารถนาแห่งการครอบครองและความไร้สุขของเจอโรมลดรูปจากการได้สานสัมพันธ์กับสาวรุ่นเพลือเพียงหัวเข่าของเด็กสาวและปรารถนาที่หากจะไม่ได้ครอบครองก็ต้องทุบทำลาย โดยถือว่านี่คือชัยชนะ ผู้ชายของ Rohmer มักวนเวียนอยู่กับเรื่องราวหล่านี้ นิทานสอนใจของเขาจึงเป็นการเปิดเปลือยความเหลวไหลของพวกผู้ชายภายใต้ความรื่นรมย์และบทสนทนาแบบปัญญาชน

ผู้ชายของ Rohmer มักวนเวียนอยู่กับเรื่องราวหล่านี้ นิทานสอนใจของเขาจึงเป็นการเปิดเปลือยความเหลวไหลของพวกผู้ชายภายใต้ความรื่นรมย์และบทสนทนาแบบปัญญาชน

ในช่วงท้าย เจอโรมผู้หงุดหงิดทั้งจากความไม่แยแสของแคลร์ ลอร่า และ ออโรร่า (กล่าวตามจริงเธอยุยงเขาเรื่องลอร่าเพื่อไม่ให้เขามาวอแวกับเธอที่กำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้นคู่หมาย) ได้ลดรูปความปรารถนาของตนลงให้เหลืออยู่เพียงแค่การได้จับหัวเข่าของแคลร์ ฟังดูน่าตลกพิลึก แต่มันกลับน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง เพราะความต้องการจะเอาชนะผู้หญิงแบบคิดไปเองของเขาหดแคบลงจนน่าเวทนา

วันหนึ่งเมื่อเขาบังเอิญเจอว่าคนรักของแคลร์อาจจะไปพบหญิงคนอื่น เขาก็ใช้มันเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงแคลร์ เขาปลอบประโลม และบรรลุความปรารถนาของตัวเองแค่เพียงเท่านั้น ไม่มากหรือน้อยกว่า พอเขาบรรลุความปรารถนา แคลร์ก็ไร้ความหมาย กล่าวให้ถูกต้อง การได้ครอบครอง การได้เอาชนะเป็นเกมแบบคิดกฎเองเล่นเองอยู่ฝ่ายเดียวของผู้ชายที่ผู้หญิงไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย และพวกผู้ชายตั้งกฎได้ เล่มเกมได้ ตื่นเต้นได้ สนุกได้ เพราะลึกๆ เขาเชื่อว่าเขามีอำนาจเหนือกว่าผู้หญิง เมื่อผู้หญิงขัดใจเขาไม่เล่นตามเกมของเขา เขาก็หากติกาอื่นๆ มาปลอบใจตัวเอง เหมือนเด็กไม่รู้จักโตไปเรื่อยๆ สำหรับพวกเขา ผู้หญิงจึงเป็นเพียงร่างที่ว่างเปล่าเหมือนกับตัวหมากรุกบนกระดาน หรือตุ๊กตาที่ไร้ตัวตน ในโลกแบบนี้หัวเข่าจึงมีค่ากว่าคนทั้งคน โลกที่มีเสรีภาพของความรักตามที่เจอโรมว่าไว้ เพื่อให้เขาได้ไร้สุขที่จะได้เล่นเกมและเอาชนะและมีความสุขจากการคิดว่าชนะ โดยที่ผู้เล่นที่เขาคิดว่าแพ้ไม่ได้เล่นเกมเดียวกันกับเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังเล่นเกมไปวันๆ

ความสุขและความไร้สุขของเขาเกิดขึ้นและจบลงในเวลาหนึ่งเดือน (ตามวันที่ที่หนังขึ้นเรียงไปด้วยๆ) มันทั้งชวนหัวและน่าเวทนา และนี่คือนิทานสอนใจแสนสนุกเรื่องหนึ่งของ Eric Rohmer


ดูหนังเรื่องนี้ได้ใน MUBI

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here