ซาชา บารอน โคเฮน กับ ไมเคิล มัวร์ อาจเป็นคู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อกัน เพราะในขณะที่มัวร์ฉีกหน้าอเมริกาด้วยสารคดีสุดเดือด บารอน โคเฮนก็ใช้ความตลกต่ำตมมาเสียดสีอย่างเจ็บแสบ
ใครเคร่งศีลธรรมและความถูกต้องทางการเมืองอาจต้องทำใจก่อนกดดูหนังของบารอน โคเฮน เพราะเขาใช้วิธีที่แสนจะไม่ PC เพื่อตรวจสอบศีลธรรมของคนดูนั่นเอง ซึ่งมันจะคล้ายกับการทำงานของกลุ่ม Jackass นั่นคือสวมบทบาทเป็นตัวละครแล้วกระโจนเข้าไปป่วนสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็น Ali G Indahouse ที่เขารับบทแร็พเปอร์ชาวอังกฤษ, Bruno ในบทแฟชั่นนิสต้าชาวออสเตรีย, The Dictator ผู้นำเผด็จการในโลกเสรี และ Borat นักข่าวคาซัคสถานที่มาทำข่าวในอเมริกา
Borat Subsequent Movie Film: Delivery of Prodigious Bribe to American Regime for Make Benefit Once Glorious Nation of Kazakhstan คือหนังภาคต่อซึ่งเว้นช่วงไปถึง 14 ปี ที่ถ่ายทำภายในช่วงโควิดและออกฉายให้ได้ก่อนการเลือกตั้งอเมริกาจะมาถึง (หนังฉายอยู่ที่ Amazon Prime) โดยเขาให้เหตุผลว่า “เราอยากให้หนังช่วยย้ำเตือนความคิดของผู้มีสิทธิโหวตที่เป็นผู้หญิงทุกคน ไม่ส่าคุณจะเลือกใครก็ตาม แต่จงรู้ไว้ว่าการตัดสินใจของคุณมันสำคัญต่อคุณค่าทางเพศของคุณแค่ไหน”
Borat 2 นี้ โบรัตต้องเดินทางมาจากคาซัคสถาน พร้อม ทูทาร์ ลูกสาววัย 15 ปี เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการให้กับผู้นำสหรัฐฯ และระหว่างทางนั้นเองที่หนังเผยความเหยียดมนุษย์สุดขั้วของโบรัตอย่างไร้เดียงสา ไม่ว่าจะยิวที่ชั่วร้ายผิดมนุษย์และการเลี้ยงลูกสาวเยี่ยงสัตว์ เพราะได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียวมาจากบ้านเกิด
“โบรัตเป็นตัวละครที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะอยู่ในยุคของทรัมป์ เพราะเขาเป็นคนประเภทเดียวกับทรัมป์ที่สุดขั้วกว่า ทั้งคู่เต็มไปด้วยความเกียดชังและเหยียบย่ำความหลากหลายของมนุษย์ ไม่แคร์สิทธิและเสรีภาพ และทั้งคู่ยังมีคาแรกเตอร์ที่ตลกมากด้วย”
ใน Borat 2 บารอน โคเฮน ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านช่วงล็อคดาวน์โควิดกับนักทฤษฎีสมคบคิดอีกสองคนอย่างเป็นความลับ และวางแผนพร้อมร่างบทไปพร้อมกัน ก่อนจะออกไปป่วนชาวบ้านชาวช่องในคาแรกเตอร์โบรต ซึ่งความท้าทายคือนี่เป็นตัวละครที่คนรู้จักอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องตลบหลังด้วยการปลอมตัว ฉากที่ท้าทายที่สุดคือการปลอมเป็นทรัมป์บุกไปงานแถลงข่าวของ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี เพื่อนำลูกสาวไปมอบให้เพนซ์ ฉากนี้เขาซ่อนชุดยางแล้วผ่านเครื่องตรวจอาวุธเข้าไปในงาน และซ่อนอยู่ในห้องน้ำนานถึง 5 ชั่วโมง
บารอน โคเฮน เกิดและเติบโตในครอบครัวยิวที่อพยพมาจากเยอรมนี พ่อของเขาเป็นชาวลอนดอน ส่วนแม่เป็นยิวชาวอิสราเอล นั่นทำให้บารอน โคเฮน มีทักษะภาษาอีบรูติดตัวมาด้วย และการได้รับข้อมูลเรื่องยิวมาตั้งแต่เกิด ทำให้เขาเข้าเรียนเรื่องการต่อต้านชาวยิวอย่างจริงจังที่ม.แคมบริดจ์ และเขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง “เครื่องข่ายชาวยิวผิวดำ” รวมถึงศึกษาเรื่องอัตลักษณ์ในสิทธิพลเมืองอย่างจริงจัง (คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ แอรอน ซอร์กิน เลือกเขามารับบท แอบบี้ ฮอฟฟ์แมน ใน The Trial of Chicago 7)
การอยู่ร่วมกับข้อมูลประวัติศาสตร์อห่งการเหยียดชาติพันธุ์นี้เอง ที่พอจะใช้พิสูจน์ว่า การแสดงของบารอน โคเฮน ในหนังมหกรรมลวงโลกของเขานั้น ไม่ได้กลวงเปล่า แต่มาพร้อมถ้อยความบางอย่างที่เขาต้องการจะสื่อสารกับโลกด้วย
“ตอนผมนั่งดูทรัมป์หาเสียงเมื่อปี 2016 กับพ่อ ผมถามเขาว่าเห็นคนคนนี้แล้วรู้สึกยังไง เขาตอบว่า หนึ่ง ทรัมป์ตลกมาก ตลกกว่าฮิลลารี (คลินตัน) คู่แข่งของเขาตอนนั้นหลายเท่าตัว กับสอง คนคนนี้เป็นฟาสซิสต์โดยสมบูรณ์ ซึ่งพ่อผมเกิดมาในยุคเรืองอำนาจของฟาสซิสต์ เขาย่อมรู้ดีว่าใครใช่หรือไม่ใช่”
“ในปี 2005 เราต้องการตัวละครอย่างโบรัตที่เป็นคนเหยียดเพศ เหยียดผิว และเกลียดยิว เพื่อให้คนเผยอคติภายในใจ” เขากล่าว “ตอนนี้อคติเหล่านั้นชัดเจนขึ้นเยอะ พวกเหยียดผิวภูมิใจในการเหยียดผิว เมื่อประธานาธิบดีเป็น ‘ฟาสซิสต์อย่างเปิดเผย’ มันทำให้สังคมสามารถเปลี่ยนบทสนทนาของพวกเขาได้เช่นกัน
“จุดมุ่งหมายของผมไม่ใช่การเปิดโปงการเหยียดเชื้อชาติและการต่อต้านชาวยิว แต่คือการทำให้ผู้คนหัวเราะ เผยให้เห็นความอันตรายของลัทธิเผด็จการ…ผมไม่อยากให้เกิดวาระที่สองของทรัมป์ เพราะมันจะทำให้อเมริกากลายเป็นประชาธิปไตยในนามเท่านั้น คล้ายกับประชาธิปไตยตุรกีหรือประชาธิปไตยรัสเซีย”
ข้อมูลประกอบ
https://www.nytimes.com/2020/10/17/style/sacha-baron-cohen-maureen-dowd-interview.html
https://www.ft.com/content/b8a0c694-b3cf-4477-b52f-dd141c46c589