เช้าวันหนี่ง พัศดีเรือนจำชอว์แชงค์แต่งตัวไปทำงานตามปกติ แต่เขาไม่ได้ไปเรือนจำ เขาไปฆ่าตัวตาย ด้วยการคล้องเชือกเข้าที่คอ มัดติตด้นไม้ แล้วขับรถพุ่งลงหน้าผา หัวที่หายยังหาไม่พบ
หลังความตายพัศดีหญิงคนใหม่มารีบหน้าที่ เรือนจำนี้เป็นเรือนจำเอกชน เมือง Castle Rock อยู่ได้จากการที่คนครึ่งเมืองเป็นแรงงานในเรือนจำนี้ แต่ลึกลงไปใต้เรือนจำ ระหว่างผู้คุมสองคนเดินสำรวจพวกเขาเจอเข้ากับกรง กรงที่ไม่ใช่คุก แต่เป็นกรงขังเหมือนขังสัตว์ ในนั้นพวกเขาพบชายหนุ่มคนหนึ่ง
ทันทีที่พาตัวชายหนุ่มออกมาเขาเอ่ยเพียงชื่อเดียว เฮนรี่ ดีเวอร์ ชื่อที่ผู้คนยังจดจำได้แม้เจ้าตัวจะไม่อยู่แล้ว ในฐานะของเรื่องลึกลับของ เฮนรี่ ดีเวอร์
เฮนรี่เป็นเด็กผิวสีที่บาทหลวงประจำเมืองกับภรรยารับมาเลี้ยง คืนหนึ่งพ่อบุญธรรมของเขาพาเขาเข้าไปในป่าแล้วหายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าท่านบาทหลวงมีความเชื่อประหลาดๆ ว่าเฮนรี่ได้ยินเสียงของพระเจ้าในป่า คนพ่อถูกพบตกหน้าผา แล้วมาตายที่บ้าน คนลูกหายตัวไปสิบเอ็ดวัน กระทั่งนายอำเภอมาพบตัวกลางอากาศหนาว ชุมชนร่ำลือกันว่าเฮนรี่ฆ่าพ่อตัวเอง แล้วซ่อนตัวไว้ แม้ไม่มีใครพิสูจน์อะไรได้แต่นั่นก็ทำลายชีวิตของเขาลง มีแต่มอลลี่เด็กสาวข้างบ้านที่มีสัมผัสพิเศษเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอได้ยินเสียงความคิดคนอื่น ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพราะไม่มีใครเชื่อ เธอต้องคอยหลบซ่อนจากผู้คน ลักลอบซื้อยากล่อมประสาทมากินเพื่อระงับอาการ เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอแค่ได้ยิน แต่เพราะเธอผูกจิตกับ เฮนรี่ เธอเข้าถึงเขาเหมือนเปิดดูทีวี เธอรู้ว่าใครฆ่าบาทหลวง
พัศดีคนใหม่ไม่อยากให้มีเรื่อง แต่ผู้คุมที่เป็นคนพบเด็กหนุ่มค่อยๆ ประสาทเสียกับงานในคุกที่กัดกินเขา ตัดสินใจโทรหาเฮนรี่ ดีเวอร์ที่ตอนนี้เป็นทนายให้กับคดีประหารชีวิตต่างๆ เฮนรี่เดินทางกลับมายังเมืองที่เขาเกลียด เพื่อจะพบว่าหลุมศพพ่อหายไปแล้ว แม่คบหากับนายอำเภอคนที่เคยช่วยเขาตอนเด็ก อาจจะคบหากันตั้งแต่พ่อยังอยู่ ตอนนี้แม่เริ่มป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โดยมีนายอำเภอคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แม่เริ่มลืมสิ่งต่างๆ อดีตและปัจจุบันเลือนเข้าหากันต่อหน้าแม่ เขาลองพยายามเข้าพบลูกความปลอมๆ ของตน แต่ถูกปฏิเสธ เมืองเริ่มเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น มีการจราจลในเรือนจำ มีการฆ่ากันตาย มีครอบครัวโรคจิตย้ายมาอยู่ในเมือง ทั้งเมืองเริ่มร่วงหล่นลงในหล่มความชั่วร้าย อาจเพราะเฮนรี่ปีศาจกลับเข้ามาในเมือง หรือไม่ก็เพราะคนหนุ่มลึกลับในกรงที่ออกมาเดินตามถนน คนหนุ่มที่ไม่แก่ลงเลยนับจากวันแรกที่โดนจับขังเมื่อราวยี่สิบปีที่แล้ว
ไกลออกไปในอีกเมืองหนึ่ง ในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งใน Quebec ชุมชนที่ทุกคนรู้จักกัน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นอยู่มาวันหนึ่ง เจ้าหนุ่มไซมอน ขับรถไปบนถนนที่คลุมด้วยน้ำแข็ง ไถลออกนอกทางและเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต
ชุมชนสั่นสะเทือน เพราะไม่มีการตายมานานแล้ว แม่ไม่สามารถรับได้เรื่องนี้จนแทบจะป่วยไข้ซึมเศร้า ขณะที่พ่อถึงขนาดขับรถออกไปจากเมืองแล้วหายไปเลย พี่ชายกับเพื่อนสนิทพยายามจะใช้ชีวิตเหมือนเดิมแต่ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนอันเป็นที่รัก ส่วนหนึ่งของชุมชน
นั่นจนกระทั่ง จู่ๆ มีคนมายืนกลางถนน พี่ชายเห็นน้องชายตัวเองยืนอยู่ไกลๆ แต่ไม่ใช่แค่น้องชาย ยังมีคนอื่นๆ อีกมากมายกลับมาจากความตาย แต่พวกเขาไม่รู้จักคนพวกนี้ หากคือคนที่ตายในเมืองนี้ คนในชุมชนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชุนอีกต่อไปแล้ว ที่ของคนตายไม่ใช่ของคนตายแล้ว คนตายเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากยืนนิ่งบนถนน ในป่า แค่ยืนนิ่งอยู่ในหางตาของผู้คน รัฐส่งนักจิตวิทยามา เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่เมืองเดียว มันเกิดขึ้นในหลายๆ เมือง นักจิตวิทยาเป็นสาวมุสลิมสวมฮิญาบ เธออาจจะเป็นคนเป็น แต่เธอแปลกแยกกับชาวเมืองมากเสียกว่าคนตาย
ในขณะเดียวกัน เด็กสี่คนที่สวมหน้ากากผี เร่ไปตามถนน บางคนเห็นบางคนก็ไม่เห็น เด็กๆ สี่คนนั้นเห็นวันที่ไซม่อนตาย และเด็กๆ สี่คนนั้นอาจจะเป็นภูติผีจากบ้านร้างนอกเมือง ที่ที่เจ้าของรายก่อนฆ่าลูกๆ สี่คนตายในบ้าน และกลายเป็นบ้านร้างไปตลอด คนหนุ่มพยายามเจรจากับนายกเทศมนตรีของเมือง เพื่อซื้อบ้านนั้นมาเปิดร้าน แต่ทุกอย่างก็ยากยิ่งหลังจากมีคนตายเดินไปเดินมาในเมือง เดินไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันจึงมีอะไรเกิดขึ้นในจิตใจชาวเมือง จนเช้าวันหนึ่งเด็กสาวที่ดูเหมือนสติไม่สมประกอบ จิตวิญญาณบริสุทธิ์เดียวของเมืองนี้ เกิดลอยขึ้นไปบนฟ้าและค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น
หนังสองเรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย เรื่องหนึ่งเป็นซีรีส์จาก Hulu (ที่ตอนนี้ลง Netflix เรียบร้อยแล้ว) สร้างขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากนิยายหลายๆ เรื่องของ Stephen King นักเขียนเรื่องสยองขวัญชาวอเมริกันที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลก ในขณะที่ Ghost Town Anthology เป็นหนังอาร์ตจากแคนาดา โดย Denis Cote คนทำหนังชาวแคนาดา ที่ทำหนังและสารคดีเชิงทดลองมาหลายเรื่องหนังของเขาเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงหนังอาร์ต หนังดูยากเชื่องช้า พูดน้อย และค่อนข้างหนาวของเขาห่างไกลอย่างยิ่งจากแวดวงภาพยนตร์กระแสหลัก
หนังทั้งสองเรื่องจึงแทบจะเหมือนอยู่กันคนละจักรวาล อย่างไรก็ดีหนังทั้งสองเรื่องกลับสร้างบทสนทนากันอย่างน่าสนใจ เพราะหนังทั้งคู่มีแกนกลางอันเดียวกัน นั่นคือการที่มันพูดถึงชุมชนทั้งในฐานะของความสัมพันธ์ผ่านประวัติศาสตร์บาดแผล การเลือกที่จะจำ และเลือกที่จะลืม
Castle Rock เลือกหยิบเอาเมืองสมมติชื่อ Castle Rock อันเป็นเมืองที่คิงใช้เป็นฉากหลังในนิยายหลายต่อหลายเรื่องของเขา แม้ตัวซีรีส์จะ หยิบเอาองค์ประกอบของนิยายดังๆ ของเขามาเป็นลูกเล่น ตั้งแต่ The Shining, Carrie, Needful Things ไปจนถึง The Shawshank Redemption และ It แต่จุดร่วมของทั้งสอง Season คือชุมชนที่ชื่อ Castle Rock
เราไม่ได้เห็นภาพรวมของชุมชนมากนัก เพราะดูเหมือนตัวเอกของเราเป็นคนนอกของชุมชน แต่ดูเหมือนชุมชนทั้งชุมชนพ่วงอยู่กับคุก เพราะคนเกือบทั้งหมดของเมืองทำงานในคุก เรื่องฉาวโฉ่ของคุกจึงเป็นปัญหาของเมืองไปด้วย ไม่ว่าเฮนรี่จะไปที่ไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ เพราะเขาคือ เฮนรี่ ดีเวอร์ เด็กฆ่าพ่อ ชุมชนเล็กคือสุนทรสถานความบันเทิงของการนินทาและการรวมใจกันหวาดกลัวสิ่งแปลกปลอม บาทหลวง พัศดี นายอำเภอ ในฐานะบทบาทหลักของชุมชนร่วมใจกันปกป้องชุมชนด้วยการจับเอาคนที่เชื่อว่าเป็นปีศาจไปขังกรง ผดุงชุมชนแสนสุขที่ไม่มีอยู่จริง อันเป็นหนึ่งในธีมหลักของงานของ Stephen King บาดแผลในอดีตที่กลับมาพร้อมกับการกลับบ้าน บ้านที่ไม่น่าอภิรมย์ ชุมชนปัญหาที่ซ่อนไว้ใต้พรม เพื่อให้ชุมชนดำเนินอยู่ต่อไปได้
อย่างไรก็ดี Castle Rock เลือกทางของการโยนปัญหากลับไปหาปีศาจ โดยการเลือกเชื่อว่ามีปีศาจจากนอกชุมชนเดินทางมาที่นี่ แล้วบังคับจิตใจผู้คนให้กระทำเรื่องชั่วร้าย ซึ่งในทางหนึ่งมันเกิดขึ้นได้เพราะมีเชื้อมูลของความดำมืดชั่วร้ายในใจของเราอยู่ก่อนแล้ว การอยู่ร่วมกันได้ห่มคลุมมันเอาไว้ และปีศาจเพียงเลิกพรมขึ้นเท่านั้น
สิ่งสำคัญใน Castle Rock คือการ ‘ท่องเวลา’ ใน Episode 7 อันแสนงดงาม หนังตามท่องกาลเวลาในโลกสมองเสื่อมของแม่ ขณะที่ปีศาจปั่นหัวแม่จนไม่รู้ว่านี่คืออดีต หรืออนาคต ความรู้สึกผิดของการแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก และความรักที่ไม่สมหวัง ดึงดูดแม่ไปสู่ความเศร้า และการพยายามต่อสู้กับปีศาจเพื่อปกป้องลูกชายกับหลานชายโดยที่เธอไม่รู้เลยว่านี่เธออยู่ในฝันหรือในความจริง ในขณะที่ Episode 9 ฉายภาพโลกของมิติคู่ขนาน ชุมชน Castle Rock เป็นชุมชนในอีกรูปแบบหนึ่งและอีกคนหนึ่งเป็นฝ่ายที่หายไป บางคนอาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้นและบางคนอาจมีชีวิตที่แย่ลง
แต่ดูเหมือนข้อใหญ่ใจความของหนังคือการหายไป 11 วัน เฮนรี่ กับการมาถึงของชายนิรนาม และแม่ที่เริ่มเลอะเลือน มิติคู่ขนานการท่องเวลาในหนังเป็นทั้งลูกเล่นแบบคิงๆ และเป็นทั้งนัยของการบอกเล่าประวัติศาสตร์ในสองแบบ ดูเหมือนตัวละครในสองโลกที่ทางเดินชีวิตที่แตกต่างกัน ประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน เมืองยังคงอยู่ แต่ชีวิตแตกต่างไป มิติคู่ขนานจึงละม้ายคล้ายมุมมองของประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันระหว่างประวัติศาสตร์ทางการ กับประวัติศาสตร์ในสายตาของคนชายขอบ ‘เสียงของพระเจ้า’ จึงเป็นทั้งรอยปริแตกของประวัติศาสตร์แบบเดียว ไปสู่การเหลื่อมซ้อนของประวัติศาสตร์แบบอื่นๆ ขณะเดียวกันเสียงของพระเจ้าที่ควรจะเป็นเสียงแห่งความดีงาม กลับเป็นเสียงชนิดเดียวกันที่นำพาความชั่วร้ายมายังเมืองนี้ ซึ่งหากท่องเวลากลับไป ความชั่วร้ายนั้นอาจดำรงอยู่มานานแล้ว บ้านที่เกิดการฆ่าก็จะเกิดการฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตัวร้ายของชาวเมืองจะเป็นตัวร้ายของชาวเมืองวันยันค่ำ
การท่องเวลาขยายความหมายไปอีกรูปแบบใน Ghost Town Anthology ชุมชนเล็กๆ ในหนังอาจเหนียวแน่นเชื่อมโยงมากกว่า Castle Rock แต่การมาถึงของผีและสาวมุสลิมก็สั่นคลอนความเป็นชุมชนที่มีเนื้อเดียวกันทางเชื้อชาตินี้อย่างรุนแรง ชุมชนในเรื่องเข้มแข็งกว่า Castle Rock หลายเท่านัก นายกเทศมนตรีหญิง ที่รู้จักทุกคนบอกนักจิตวิทยาสาวมุสลิมว่าเราไม่ต้องการคุณที่นี่ เพราะเราจัดการกันเองได้ เราไม่ต้องการคนนอก คนอพยพ คนต่างศาสนาในพื้นที่ของเรา ผู้ซึ่งจิตใจดี รักสงบและมีการมีงานทำ ชุมชนภาคตัดขวางเห็นภาพว่าคนตายหนึ่งคนก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะเราผูกพันแน่นเหนียว
จนกระทั่งการกลับมาของผี ที่อาจจะเรียกได้ว่า นักท่องเวลาตัวจริง เพราะหนังบอกว่า ผีในหนังไม่ใช่ใครอื่น แต่คือประวัติศาสตร์ที่ตายแล้ว/ลืมไปแล้วของชุมชนนั้นเอง การมีอยู่โดยไม่ทำอะไรนอกจากยืนในระยะสายตากลับคลายความเหนียวแน่นนั้นออก ผีที่แค่มีอยู่เป็นได้ทั้งคนอพยพ แรงงานต่างด้าว คนนอกชุมชน ไปจนถึงประวัติศาสตร์บาดแผลที่ชุมชนอยากจะลืม หรือกล่าวให้ถูกต้องคือ ลืมไปแล้ว
จนกระทั่งการกลับมาของผี ที่อาจจะเรียกได้ว่า นักท่องเวลาตัวจริง เพราะหนังบอกว่า ผีในหนังไม่ใช่ใครอื่น แต่คือประวัติศาสตร์ที่ตายแล้ว/ลืมไปแล้วของชุมชนนั้นเอง
คนตายจึงเป็นเหมือนการบังคับมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของตน ชุมชนอาจจะคิดว่านี่คือที่ทางของพวกเขา แต่คนตายย้ำเตือนว่าทุกคนเป็นเพียง ‘ผู้อพยพ’ เท่านั้น ประวัติศาสตร์ที่เป็นจริงในขณะหนึ่งเกิดขึ้นจากการกดทับ ขูดลบขีดฆ่าประวัติศาสตร์อีกฉบับหนึ่ง อาคารเก่าดำรงคงอยู่ มันเป็นบ้านที่เคยเกิดฆาตกรรม หรือกำลังจะเป็นภัตตาคารหรูหรา สิ่งหนึ่งลบอีกสิ่งหนึ่งออกไป สัญญะเดียวที่ยืนยันอดีตได้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอมตะ แต่เป็นสิ่งที่ตายไปแล้ว และนั่นคือผี
ผีเป็นคนนอก แม้จะไม่กระทำอะไร แค่การมีอยู่ของมันก็รบกวนมากพอแล้ว คล้ายการมีอยู่ของคนผิวสี คนมุสลิม คนอพยพ ชนพื้นเมือง คนนอกที่ทำให้ชุมชนด่างพร้อย แม้ว่าชุมชนนั้นจะเป็นของพวกเขามาก่อนก็ตาม นอกจากเด็กสาวเพี้ยนๆ เพียงคนเดียวที่เห็นผีก่อนใครและกลายเป็นคนที่ประหลาดที่สุดของชุมชนเมื่อเธอลอยขึ้นไปบนห้าราวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (อากัปเดียวกันนี้เกิดขึ้นในหนังเรื่อง Theorema ของ Pier Paolo Pasolini หญิงที่เล่าเรื่องของชายแปลกหน้าที่เข้าไปยั่วยวนครอบครัวแสนสุขครอบครัวหนึ่งจนพังพินาศ โดยผู้ชมไม่อาจแน่ใจว่าเขาคือพระเจ้าหรือปีศาจ หรือจริงๆ มนุษย์พร้อมที่จะทำลายตัวเองหรือไม่ก็รอการถูกปลดปล่อยอยู่แล้ว) หลังจากชายหนุ่มร่วมรัก/ปลดปล่อย/ทำลายทุกคนในครอบครัวชนชั้นกลาง แม่บ้านของบ้านก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหินขึ้นไปบนฟ้าไม่ต่างจากเด็กสาวในเรื่องนี้ ผีจึงคล้ายชายลึกลับที่มาปลดปล่อยและทำลายชุมชนใน Ghost Town Anthology และยังไปคล้ายกับชายลึกลับในกรงขังของ Castle Rock ที่สามารถปลดปล่อย/บังคับจิตใจให้ชาวเมืองก่ออาชญากรรรม วินาศกรรม อัตวินิบาตกรรมได้ ผี ปีศาจ คนนอก จึงกลายเป็นเครื่องทดสอบความเปราะบาง ล้มเหลว ตีสองหน้า ของมนุษย์ที่มาอยู่ร่วมกันเพื่อพึ่งพิงกัน ดูถูกหยามเหยียดเกลียดกัน แต่แสร้งทำเป็นว่าเป็นเนื้อเดียวกัน
ผี ปีศาจ คนนอก จึงกลายเป็นเครื่องทดสอบความเปราะบาง ล้มเหลว ตีสองหน้า ของมนุษย์ที่มาอยู่ร่วมกันเพื่อพึ่งพิงกัน ดูถูกหยามเหยียดเกลียดกัน แต่แสร้งทำเป็นว่าเป็นเนื้อเดียวกัน
ในตอนจบของหนังทั้งสองเรื่องนี้ ชุมชนยังคงดำรงอยู่ ปีศาจถูกกักขัง ผีถูกเพิกเฉย เรื่องราวจบลง วิธีการจัดการความทรงจำมวลรวม ก็เป็นเช่นนี้ เลือกเก็บบางสิ่ง เลือกทิ้งบางอย่าง ขุดหลุมลึกฝังมันไว้ ไม่ก็หลับตาข้างหนึ่ง ทำเป็นมองไม่เห็น และดำรงชีวิตอยู่ต่อไป
ดู Castle Rock ได้ใน Netflix