Home Article Behind the Scene ความสยองของการเป็นแม่ พา แม็กกี้ จิลเลนฮาล มาสู่ The Lost Daughter

ความสยองของการเป็นแม่ พา แม็กกี้ จิลเลนฮาล มาสู่ The Lost Daughter

ความสยองของการเป็นแม่ พา แม็กกี้ จิลเลนฮาล มาสู่ The Lost Daughter

ความเซอร์ไพรส์หนึ่งของฤดูกาลล่ารางวัล คือการเปิดตัวในฐานะคนทำหนังของ แม็กกี้ จิลเลนฮาล นักแสดงมากฝีมือที่เธอทั้งโปรดิวซ์ เขียนบท และกำกับเอง เป็นครั้งแรกใน The Lost Daughter ซึ่งเล่าเรื่องของ เลดา หญิงวัย 48 ปีที่ไปพักตากอากาศเพียงลำพัง ก่อนที่เราจะค่อยๆ รับรู้ว่าเธอพังพินาศเพียงใดจากการเป็นแม่ลูกสองผ่านพฤติกรรมขโมยตุ๊กตาเด็กคนหนึ่งมาครอบครอง 

The Lost Daughter สร้างจากหนังสือของนักเขียนชาวอิตาเลียน เอเลนา เฟอร์รันเต้ ซึ่งจิลเลนฮาลเล่าว่าแรกอ่านก็รู้สึกว่าชีวิตเลดานั้นบัดซบสิ้นดี กระทั่งเธอกับตัวละครค่อยๆ เชื่อมโยงกันด้วยการต้องรับผิดชอบลูกสองคน และจากพฤติกรรมของเลดานั้น จิลเลนฮาลจึงนิยามตัวละครนี้และตัวเธอเองว่าเป็น “แม่ที่ผิดธรรมชาติ” เหมือนกันด้วย จิลเลนฮาลจึงเดินทางไปหาเฟอร์รันเต้ด้วยตัวเอง เพื่อแสดงความ “ต้องการ” ที่จะทำหนังเรื่องนี้ และเมื่อทั้งคู่ได้เปิดใจต่อกัน เฟอร์รันเต้ก็ “ต้องการ” จิลเลนฮาลมาถ่ายทอดมันเป็นหนังด้วย โดยเฟอร์รันเต้บอกกับจิลเลนฮาลว่าถ้าเธอไม่กำกับ ข้อตกลงทุกอย่างถือเป็นโมฆะทันที 

ความท้าทายสำหรับจิลเลนฮาลคือการเขียนบทและกำกับหนังเรื่องนี้ คือการทำความเข้าใจตัวละครอย่างเลดาไปในตัว ซึ่งเธอถือว่าเป็นแม่ประเภทที่ไม่น่าไว้ใจที่สุด “มันอันตรายมากหากเราจะทำความเข้าใจเลดา เธอขโมยตุ๊กตามาแต่ความท้าทายที่สุดคือเราจะอยู่กับคนแบบนี้จริงหรือ?” จิลเลนฮาลมีเวลาทำการบ้านเป็นการส่วนตัวกับเฟอร์รันเต้อยู่นาน และสิ่งที่เธอจับจนมั่นเพื่อเป็นแกนของการเล่าเรื่องคือคำพูดของเฟอร์รันเต้ซึ่งเปรียบเปรยว่า “การเข้าไปในความคิดของเลดา ก็เหมือนการผจญภัยในสายน้ำที่เชี่ยวกรากโดยไม่มีเสื้อชูชีพ” 

ในฐานะ “แม่ที่ผิดธรรมชาติ” อย่างจิลเลนฮาล การที่เธอเดินเข้าสู่โลกอันไม่น่าไว้ใจของเลดา ก็เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่า “แม่ที่เป็นธรรมชาติ” นั้นเป็นอย่างไร และเธอก็พบว่าตัวละครเลดาสามารถใช้ทดสอบนิยามความเป็นแม่กับสังคมได้อย่างดี เพราะเธอรักลูกมากแต่ก็ไม่อาจอุทิศทั้งชีวิตเพื่ออยู่กับลูกได้ “ในตอนที่เราเป็นเด็กเราเชื่อฟังพ่อแม่เพราะนั่นเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอด และบางทีแม่ก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่าทำตัวเป็นแม่กับเรา แต่พอเราโตขึ้นการเอาตัวรอดมันเปลี่ยนไป มันคือความสิ้นหวังอย่าง คือความวิตกกังวล คือความหวาดกลัว เหล่านี้คือสิ่งที่เราจะต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต” 

ใน The Lost Daughter เราจะได้เห็นเลดาสองช่วงวัย คือ 28 ปี (แสดงโดย เจสซี บักลี) ที่ต้องดูแลลูกน้อยสองคนโดยที่ก็ต้องหางานเพื่ออยู่รอดไปพร้อมกัน กับวัย 48 ปี (แสดงโดย โอลิเวีย โคลแมน) ที่อยู่ตัวคนเดียวและราวกับแบกความทุกข์ตรมเอาไว้บนบ่าตลอดเวลา แม้จะพยายามเป็นส่วนหนึ่งกับความงดงามของเมืองริมหาดแสนสวยแค่ไหนก็ตาม 

“ความเป็นแม่มันคือการต่อสู้ที่ต้องยอมจำนน จริงอยู่ที่มันเปลี่ยนชีวิตและเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน มันนำมาซึ่งความสุขที่บีบคั้นหัวใจน่าดู การเป็นพ่อแม่คนมันทำให้คุณลดอัตตาลงเพื่อที่คุณและลูกๆ ได้เติบโตไปด้วยกันอย่างแนบแน่น” จิลเลนฮาลเสริม “ขณะที่เราก็ต่างมีแง่มุมใจยักษ์ใจมาร ส่วนนี้เรามักไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงออกเพราะมันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีกับโลกใบนี้

“เลดาตอนสาวนั้นรักลูกๆ ของเธอจนไม่เหลือพื้นที่ในหัวใจให้กับอะไรอีกแล้ว ฉันว่านั่นคือความเป็นแม่ที่ทำให้เรากำลังอยู่ในแดนอันตรายและน่ากลัว…ซึ่งมันน่ากลัวยิ่งกว่าถ้าเราจะพูดเรื่องราวเหล่านี้ออกมา” 


ข้อมูลประกอบ

https://www.mercurynews.com/2021/12/31/maggie-gyllenhaal-discusses-directing-the-film-of-elena-ferrantes-the-lost-daughter-2/

https://www.theatlantic.com/culture/archive/2022/01/maggie-gyllenhaal-lost-daughter/621165/

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here