Stand-up Comedy Review : Vir Das – For India …ความยุติธรรม 99% และเครื่องเทศอื่น ๆ หลายชนิด

“ตลกฝรั่งไม่ค่อยขำ” เป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ตัวผู้เขียนมักจะเจอเมื่อชักชวนใครสักคนให้ลองดูโชว์ตลกเดี่ยวไมโครโฟน อาจเพราะกำแพงทางภาษา ความต่างทางวัฒนธรรม หรือเพราะสภาพสังคมที่ไม่เอื้อให้คนออกมาเล่นมุกตลกแรง ๆ ท้าทายความเชื่อและผู้มีอำนาจในที่สาธารณะ เหตุผลที่คนเอเชียอย่างเราจะ “ไม่ขำ” วัฒนธรรมการเล่นตลกในภาคพื้นยุโรปและอเมริกาคงมีได้มากมาย ผู้เขียนตั้งใจเอาไว้ว่า หากมีโอกาสได้แนะนำโชว์ตลกสแตนด์อัพให้กับผู้ชมหน้าใหม่ จะเลือกหยิบเอาโชว์คุณภาพดีที่นักแสดงไม่ใช่ “ฝรั่ง” และมีพื้นเพวัฒนธรรมใกล้เคียงกับชาวเอเชียอย่างพวกเราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าวิธีการแบบตลกสแตนด์อัพนั้นเป็นสากล และชนชาติไหนก็ถ่ายทอดเรื่องทุกข์ยากด้วยอารมณ์ขันได้ทั้งนั้น

ครั้งนี้เป็นคราวของ Vir Das: For India โชว์พิเศษปี 2020 ที่จัดขึ้นในเมืองมุมไบ โดยดาวตลกหน้าหล่อ ขนตางอน วีร์ ดาส ทำการแสดงบนเวทียกพื้นที่ประกอบไปด้วยบันไดและประตูสีฟ้า คล้ายหน้าบ้านของใครสักคนด้วยท่าทีสบาย ๆ เขาจัดให้ผู้ชมนั่งกันแบบครึ่งวงกลมรอบประตูโดยมีผู้ชมชาวอเมริกันนั่งตรงกลางและชาวอินเดียนั่งขนาบสองฝั่ง ใครกันจะรู้ว่าด้วยท่าทีแบบนี้ เขากำลังจะพาเราไปพบกับบทเรียน ‘อินเดียศึกษา’ ฉบับแสบสันไปตลอด 75 นาทีของการแสดง

อธิติ เทโว ภว – แขกคือพระเจ้า ภาษิตฮินดีเป็นปรัชญาในการแสดงครั้งนี้

“บอกเอาไว้ก่อนตรงนี้ว่าตลอดการแสดง จะมีบางช่วงที่ผมต้องใช้เวลาอธิบายบริบทบางมุกให้คนดูที่ไม่ใช่อินเดียฟัง แต่เชื่อผมเถอะ บางเรื่องแม้กระทั่งคนอินเดียเองก็ยังต้องการคำอธิบาย” เขาออกตัวก่อนเริ่มอธิบาย 5 สิ่งเล็ก ๆ ที่ควรรู้เพื่อทำความรู้จักอินเดีย ซอสรสชาติแปลกประหลาด อาการคลั่งผิวขาวในหลอดครีมไวท์เทนนิ่ง เอกราชของประเทศเบื้องหลังเหล้ารัมยี่ห้อโอลด์มังก์ บิสกิตยอดฮิตที่มีสภาพเหมือนผิวถนนมุมไบ และคัมภีร์พระเวท หนังสือฮาวทูเล่มแรกของชาวอินเดีย

“ถ้าคุณจะทำความเข้าใจอินเดีย คุณต้องทำความเข้าใจเรื่องความเชื่อก่อน นั่นก็คือบางเรื่องเรารู้ดีแก่ใจว่ามันไม่จริง แต่เราโคตรเชื่อเลย ยกตัวอย่างเช่น คนอินเดียทุกคนต้องยืนทำความเคารพเพลงชาติ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราไม่ต้องยืนก็ได้ แต่ยืนเถอะ …เพื่อความปลอดภัยนะ”

“บอกเอาไว้ก่อนตรงนี้ว่าตลอดการแสดง จะมีบางช่วงที่ผมต้องใช้เวลาอธิบายบริบทบางมุกให้คนดูที่ไม่ใช่อินเดียฟัง แต่เชื่อผมเถอะ บางเรื่องแม้กระทั่งคนอินเดียเองก็ยังต้องการคำอธิบาย” เขาออกตัวก่อนเริ่มอธิบาย 5 สิ่งเล็ก ๆ ที่ควรรู้เพื่อทำความรู้จักอินเดีย ซอสรสชาติแปลกประหลาด อาการคลั่งผิวขาวในหลอดครีมไวท์เทนนิ่ง เอกราชของประเทศเบื้องหลังเหล้ารัมยี่ห้อโอลด์มังก์ บิสกิตยอดฮิตที่มีสภาพเหมือนผิวถนนมุมไบ และคัมภีร์พระเวท หนังสือฮาวทูเล่มแรกของชาวอินเดีย

จุดที่เข้มข้นที่สุดในโชว์นี้คือ การที่ดาสพาเราไปสัมผัสประวัติศาสตร์บาดแผล สงคราม และความขัดแย้งทุกครั้งที่เกิดขึ้นในอินเดียอย่างไม่เขินอาย ด้วยเจตนาของการมองหาแสงสว่างจุดเล็ก ๆ ในวันคืนอันดำมืด เขาพูดถึงทั้งการจลาจลนีรภยา* (“การที่หนุ่มสาวโกรธเกรี้ยวมันงดงามมากจริง ๆ นักการเมืองแก่ ๆ ไม่กลัวอะไรเท่าสิ่งนี้หรอก”) ความยุติธรรมเบื้องหลังโรงงานเหล้ารัมโอลด์มังค์ กรณีพิพาทวิหารพระรามที่อโยธยา** เรื่องราวที่กระทบใจผู้เขียนที่สุดคือ เมื่อเขาพูดถึงโศกนาฏกรรม 26/11 เหตุก่อการร้ายที่มุมไบปี 2008 กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเข้าทำการก่อการร้ายต่อเนื่องถึง 4 วัน วีร์ ดาสเล่าว่าเขาเสียเพื่อนสนิทที่เป็นเหมือนอาจารย์ที่เขาเคารพไปในเหตุการณ์นั้น วันเดียวกันกับที่เขากำลังจะบันทึกเทปการแสดงตลกสแตนด์อัพของตัวเองเป็นครั้งแรก

ขณะที่กำลังเสียขวัญ ‘บาบู’ เด็กทีมไฟก็เดินมาเรียกให้เขาไปถ่ายทำต่อ ทั้งสองคุยกันและดาสเข้าใจในตอนนั้นว่า ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็จะต้องทำงานของตัวเองต่อไป และทุกคนยังต้องมีเงินกินข้าวในวันพรุ่งนี้

“ผมทำงานกับบาบูอีกหลายปีนับจากนั้น และเพิ่งทราบเอาในภายหลังว่า บาบูมีชื่อเต็ม ๆ ว่า คาเบียร์ โมฮัมเหม็ด ฮุสเซน ไม่น่าจะมีใครเป็นมุสลิมไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

บทเรียนของผมคือ คืนที่เพื่อนของผมโดนยิงตายในนามของพวกที่อ้างศาสนาอิสลาม มุสลิมตัวจริงรู้ดีว่ามันไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน ผมกับคาเบียร์ โมฮัมเหม็ด ฮุสเซน ขำอยู่ด้วยกันทั้งคืน เพราะเราถังแตก และยังต้องหากินเพื่อวันพรุ่งนี้ นั่นคือเหตุผลที่คนพวกนั้นไม่มีวันชนะ คือเหตุผลที่ว่าพวกเขาทำให้เราพังพินาศกว่านี้ไม่ได้ เพราะพวกเราพังสุด ๆ มาตั้งแต่ต้นแล้วโว้ย พวกเรายุ่งจนแทบไม่มีเวลาเหลือไปเกลียดใครด้วยซ้ำ”

วีร์ ดาส บรรจงหยิบเอาสิ่งละอันพันละน้อยที่ประกอบสร้างกันเป็นอินเดียสมัยใหม่ออกมาเล่นสนุกได้อย่างกล้าหาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเลือกที่จะสบตากับรอยแผลเป็นน่าเกลียดที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเองอย่างเปิดเผย นี่จึงไม่ใช่การแสดงตลก “สำหรับอินเดีย” ตามที่ชื่อบอกเอาไว้เท่านั้น แต่มันเป็นการส่งออกวัฒนธรรมอย่างแนบเนียนที่สุดในหลายระดับ

ขณะที่เรากำลังเพลิดเพลินกับชั้นเรียนอินเดียศึกษาผ่านมุกตลกน่ารักน่าชังของเขา วีร์ ดาส บรรจงหยิบเอาสิ่งละอันพันละน้อยที่ประกอบสร้างกันเป็นอินเดียสมัยใหม่ออกมาเล่นสนุกได้อย่างกล้าหาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเลือกที่จะสบตากับรอยแผลเป็นน่าเกลียดที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเองอย่างเปิดเผย นี่จึงไม่ใช่การแสดงตลก “สำหรับอินเดีย” ตามที่ชื่อบอกเอาไว้เท่านั้น แต่มันเป็นการส่งออกวัฒนธรรมอย่างแนบเนียนที่สุดในหลายระดับ

และสำหรับพวกเรา ผู้ชมชาวไทยที่รับชมกันทางสตรีมมิ่ง จะสามารถค้นพบได้ว่าบางจุดของการแสดง เพียงแค่เราเปลี่ยนชื่อแทนค่าบางอย่างนิดหน่อย มุกตลกของเขาก็สามารถสวมทับเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราอย่างแนบเนียน


Vir Das: For India มีให้รับชมได้แล้วทาง Netflix

นอกจากนี้วีร์ ดาสยังมีโชว์ตลก ให้ดูกันอีก 2 โชว์ และยังมีผลงานซรีรส์ตลกซิทคอม Hasmukh ที่ว่าด้วยเรื่องของดาวตลกที่ต้องฆ่าคนทุกครั้งก่อนขึ้นโชว์ให้ได้ติดตามรับชมกันอีกด้วย


*การจลาจลนีรภยา – เหตุจลาจลเมื่อวัยรุ่นในหลายภูมิภาคลุกขึ้นมาประท้วงกดดันให้ภาครัฐดำเนินการจริงจังกับคดีละเมิดทางเพศและฆาตรกรรมนักศึกษาหญิงในเมืองเดลีปี 2012 หนึ่งในจุดที่เกิดการลุกลามรุนแรงที่สุดคือที่นิวเดลี นักศึกษาเข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง กินเวลาถึง 3 วัน ก่อนที่จะมีการตัดสินให้ประหารชีวิตผู้ต้องหาทั้ง 4 คน

**กรณีพิพาทอโยธยา – หนึ่งในเหตุพิพาทที่กินเวลาต่อเนื่องยาวนานที่สุดระหว่างชาวฮินดูและมุสลิมในการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นที่ประสูติของพระรามในคัมภีร์อโยธยา มหาตมยา นำไปสู่การบุกทำลายมัสยิดบาบรีในปี 1992 คดีความสิ้นสุดในปี 2019 เมื่อศาลสูงสุดตัดสินให้สร้างวิหารของชาวฮินดูที่นั่น และยกที่ดิน 5 เอเคอร์แปลงอื่นให้สร้างมัสยิดแห่งใหม่

สิทธิชัย เปลี่ยนทองดี
นักทำงานอดิเรก, เล่นบอร์ดเกม, ดูตลกแสตนด์อัพ, จัดพอดแคสต์บำบัด และดื่มเบียร์คนเดียว

LATEST REVIEWS