ว่าง 431 นาทีไหม? …War and Peace เวอร์ชั่นรัสเซียคลาสสิก เปิดให้ดูฟรี! แถมเป็น HD! แถมมีซับอังกฤษ!

เราคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ความอลังการคลาสสิกสุดขีดของ War and Peace หรือ “สงครามและสันติภาพ” ฉบับหนังรัสเซียที่ เซียร์เกย์ บอนดาร์ชุค ดัดแปลงจากนิยายโด่งดังของ ลีโอ ตอลสตอย กันมาแล้ว แต่จะมีกี่คน หรือกี่โอกาส ที่เราจะได้ดูงานขึ้นหิ้งชิ้นนี้แบบฟรีๆ ในคุณภาพดีกันถึงบ้าน!?

หนังฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ -อันว่าด้วยความผันผวนของชีวิต 3 หนุ่มสาวในสังคมรัสเซียช่วงต้นทศวรรษ 1800 โดยมีสงครามและการบุกของกองทัพนโปเลียนเป็นฉากหลัง- แบ่งเป็น 4 ตอน ทยอยออกฉายในรัสเซียเมื่อปี 1966-67 และบัดนี้ Mosfilm ค่ายผู้สร้างได้นำทั้งหมดมาออนไลน์ให้เราคลิกดูแล้ว ตามนี้จ้า :

Part I

Part II

Part III

Part IV

War and Peace กับ 5 เกร็ดน่ารู้
(อ่านก่อนหรือหลังดูก็ได้)

1. ต้องถือว่าหนังเรื่องนี้เป็นผลผลิตแห่งยุคสงครามเย็นอย่างแท้จริง เพราะมันคือการต่อสู้กันระหว่างอเมริกากับรัสเซีย โดยมี “ศิลปะภาพยนตร์” เป็นสมรภูมิ!

เรื่องเริ่มจากปี 1956 เมื่อ คิง วิดอร์ หยิบนิยายเรื่องนี้ของตอลสตอยมาทำเป็นหนังอเมริกันยาว 208 นาที นำแสดงโดยดาราสุดจะป๊อปอย่างออเดรย์ เฮปเบิร์น กับเฮนรี่ ฟอนดา และสร้างโดยนายทุนหนังอิตาเลียนผู้โด่งดัง ดีโน เดอ ลอเรนติส


สามปีต่อมาหนังเข้าฉายในรัสเซียและสร้างความกริ้วแก่ Yekaterina Furtseva รมต.กระทรวงวัฒนธรรมของรัสเซียสุดขีด ถึงขั้นประกาศว่า ชาติของเธอจะต้องทำหนังเรื่องนี้ให้ดีกว่า และยิ่งใหญ่กว่า เพื่อทวงศักดิ์ศรีกลับคืนมาให้จงได้!

2. การควานหาตัวผู้กำกับสำหรับโปรเจกต์ประวัติศาสตร์คือขั้นต่อมา และผู้กำกับหนุ่ม เซียร์เกย์ บอนดาชุค วัย 41 ปี ก็คว้าตำแหน่งไปได้เพราะเข้าใจความต้องการของรัฐบาลครุชชอฟชัดเจนมากกว่าคนทำหนังเบอร์ใหญ่รุ่นพี่ๆ (ที่โตมาในยุคสตาลิน)

บอนดาชุคกระโจนใส่โอกาสนี้ชนิดเอาชีวิตเข้าแลก เขารู้ว่าอนาคตตัวเองฝากไว้กับมัน และรู้ว่าเขาจะต้องทำหนังเรื่องนี้ให้ถูกใจชาวรัสเซียมากที่สุด มันต้องเป็นหนังที่ยิ่งใหญ่ ตื่นตา สะเทือนใจ และสนุกด้วยในเวลาเดียวกัน หรือพูดสั้นๆ ว่า มันต้องชนะเวอร์ชั่นอเมริกันในทุกมิติ และต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่น!

3. ค่าย Mosfilm เข้ามารับหน้าที่โปรดิวซ์ งานสร้างเริ่มตั้งแต่ปี 1961 และใช้เวลา 5 ปีเต็ม โดยรัฐบาลรัสเซียทุ่มทุนสร้างถึง 8.29 ล้านรูเบิล (เทียบตามอัตราเงินเฟ้อได้ราว 50-60 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปัจจุบัน) ถือเป็นหนังโซเวียตที่ลงทุนสูงที่สุด และเปิดโอกาสให้บอนดาชุคเนรมิตความยิ่งใหญ่อย่างเต็มไม้เต็มมือ

(ตัวอย่างการใช้งบแบบไม่ต้องคิด คือฉากล่าหมาจิ้งจอกซึ่งบอนดาชุคต้องการใช้หมาบอร์ซอยของแท้เท่านั้นมาเข้าฉาก แต่บอร์ซอยที่ทีมงานหามาได้ 16 ตัวดันเป็นหมาที่สูญเสียสัญชาตญาณการดมกลิ่นไปแล้ว ทว่าแทนที่จะเปลี่ยนแผน บอนดาร์ชุคกลับยืนกรานว่าต้องทำให้ได้ ว่าแล้วเขาก็ไปยืมหมาป่าจากสวนสัตว์มา แล้วก็ยืมหมาที่เชี่ยวชาญการดมกลิ่นจากกระทรวงกลาโหมมา จากนั้นก็ปล่อยหมาป่าเข้าป่า ปล่อยหมาดมกลิ่นตามไป แล้วค่อยปล่อยบอร์ซอยให้วิ่งตามหมาดมกลิ่นไปอีกที ถามว่าเปลืองไหมยุ่งไหม? ก็ใช่ แต่แล้วไง ใครแคร์?)

นอกจากนั้น พิพิธภัณฑ์กว่า 40 แห่งทั่วประเทศยังพร้อมใจกันให้หนังยืมข้าวของมาสร้างภาพศตวรรษที่ 19 อย่างสมจริง ทั้งเฟอร์นิเจอร์, โคมระย้า, ฯลฯ ส่วนกองทัพก็ส่งทหารหลายพันนายและม้ามากมายมาเล่นบทเอ็กซ์ตร้าในฉากสงครามนโปเลียน และในฉากท้าย บอนดาร์ชุคก็ตบท้ายอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการยกกองไปใช้ที่ดินกว้างสุดลูกหูลูกตาเพื่อถ่ายทำฉากกรุงมอสโกถูกเพลิงไหม้ เป็นการสร้างความตื่นตาตื่นใจชนิดสุดบรรยาย ในยุคที่โลกยังไร้ซึ่งซีจี

4. ในแง่การเล่าเรื่อง บอนดาร์ชุคจ้างมือเขียนบทละครชั้นเลิศอย่าง วาซีลี โซลอฟยอฟ มาช่วย เขาตัดแต่งพล็อตย่อยๆ ในนิยายให้กระชับ, วางโครงสร้างเรื่องให้แบ่งออกเป็นตอน (โดยได้แรงบันดาลใจจากสไตล์ของเชคสเปียร์) และขับเน้นอารมณ์ตัวละครไปพร้อมๆ กับฉากสงครามยิ่งใหญ่ ทั้งหมดเพื่อให้หนังเป็นงานบันเทิงดูง่าย ลบภาพความเป็นเรื่องเล่าชั้นสูงที่ชาวบ้านเข้าไม่ถึง

ส่วนในด้านการแสดง ดาราบัลเล่ต์คนดังอย่าง ลุดมีลา ซาเวลเยวา ได้รับเลือกมาสวมบทนาตาชา (นางเอก) ขณะที่ตัวบอนดาร์ชุคนั้นราวกับแรงเหลือ เขายังเลือกตัวเองมารับบท ปีแอร์ ไฮโซผู้อาภัพ หนึ่งในสองพระเอกอีกต่างหาก

5. งานโปรดักชั่นระดับช้าง ภาพกว้างที่แสดงให้เห็นการทุ่มทุนมหาศาลทั้งแรงงานและเม็ดเงิน ดนตรีประกอบที่แสนสะท้านสะเทือน ทั้งหมดนั้นคือความทะเยอทะยานของคนทำหนังที่อาจลงเอยเป็นความล้มเหลวครั้งมโหฬารได้ทุกเมื่อ แต่โชคดีเหลือเกินที่ War and Peace ให้ผลตรงกันข้าม

ความเก่งกาจในการเล่าเรื่องของบอนดาร์ชุค ซึ่งขับเน้นทั้งชีวิตคนและสงครามให้ทำงานกับจิตใจคนดูเต็มที่ ทำให้เราได้เห็นความเปลี่ยนผันในชีวิตมนุษย์ตัวเล็กๆ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกใบใหญ่ที่มิอาจต้านทาน องค์ประกอบทั้งหมดนี้ส่งผลให้หนังสร้างปรากฏการณ์ทันทีที่ออกฉาย ด้วยการทำยอดขายตั๋วถล่มทลายถึง 135 ล้านใบในรัสเซียบ้านเกิด และเดินทางไปทำเงินในหลายประเทศทั่วโลก

นอกจากนั้น War and Peace ยังคว้ารางวัลกรังด์ปรีซ์จาก Moscow International Film Festival และรางวัลออสการ์กับรางวัลลูกโลกทองคำสาขาหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม พร้อมกวาดคำชมในฐานะหนึ่งในหนังคลาสสิกเยี่ยมยอดที่สุดตลอดกาลของโลกมาอย่างงดงาม


หมายเหตุ : ผู้กำกับ เซียร์เกย์ บอนดาร์ชุค มีลูกสาวชื่อ นาตาเลีย บอนดาร์ชุค ซึ่งในเวลาต่อมาเธอคือนางเอกสุดสวยในหนังคลาสสิกเรื่อง Solaris ของ อังเดรย์ ทาร์คอฟสกี้ นั่นเองงงงงง

ธิดา ผลิตผลการพิมพ์
อดีตบก. BIOSCOPE และผู้ก่อตั้ง Documentary Club

RELATED ARTICLES