ขอบคุณโควิดที่ทำให้คนได้ดูหนังผม… นี่คือแง่งามด้านเดียวของมัน

สำหรับ โครีย์ ฟินลีย์ แล้ว โรคระบาดโควิด 19 อาจเป็นประโยชน์สำหรับเขา เพราะมันทำให้ Bad Education หนังเรื่องที่สองในชีวิตกลายเป็นที่พูดถึงอย่างรุนแรง หลังจากที่มันเปิดตัวในเทศกาลหนังโตรอนโตเมื่อปีกลาย และ HBO ก็ซื้อสิทธิหนังมาฉายแบบไม่ง้อโรง แต่นั่นอาจเป็นเรื่องดีเรื่องเดียวของโควิด อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องถูกแยกออกจากแฟนสาวนักจิตเวชที่ต้องลงพื้นที่ในช่วงโรคระบาดนี้

Bad Education สร้างเสียงฮือฮาตั้งแต่ในเทศกาลโตรอนโต นอกจากเสียงชื่นชมอื้ออึงแล้วมันคว้าดีลยักษ์สุดในเทศกาล เพราะ HBO เสนอซื้อหนังมาในราคาที่สูงถึง 17.5 ล้านเหรียญฯ ส่วนหนึ่งคือมันเป็นหนังที่ผู้ชมสรรเสริญว่านี่เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของ ฮิวจ์ แจ็คแมน เสริมด้วยพลังการแสดงสุดทำลายล้างของ อัลไลสัน แจนนีย์ และมันยังเล่าเหตุการณ์ทุจริตในโรงเรียนรัฐที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา

หนังเล่าจากเรื่องจริงของโรงเรียนมัธยมรอสลิน โรงเรียนรัฐบาลเล็กๆ ในลองไอส์แลนด์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดอันดับ 4 ของอเมริกาเมื่อปี 2002 และด้วยศักดิ์ศรีนี้เลยทำให้ผู้บริหารอย่างแฟรงก์ (แจ็คแมน) กับ แพม (แจนนีย์) ผู้ช่วยของเขา ทำทุกวิถีทางเพื่อให้โรงเรียนทะยานสู่อันดับที่ดีกว่า อันเป็นช่องว่างให้ทั้งคู่ยักยอกเงินโรงเรียนจากภาษีประชาชนไปนับล้านเหรียญฯ

โครีย์ ฟินลีย์ (กลาง) / Courtesy of JoJo Whilden/HBO.

สื่อบางสำนักเทียบให้หนังเป็นคู่เคียงกับ The Wolf of Wall Street ของ มาร์ติน สกอร์เซซี ที่แฉกระบวนการยักยอกทรัพย์ครั้งใหญ่ของอเมริกา อันมีทั้งอารมณ์ขันและความเดือดดาลไม่ต่างกัน เพียงแต่ย่อบริบทให้อยู่ในสังคมของโรงเรียนรัฐเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งฟินลีย์ผู้กำกับวัยเพียง 33 ปี ตะครุบเรื่องเล่านี้จากบทของ ไมค์ มาโคว์สกี ชาวรอสลินโดยกำเนิด กับมุมมองที่ว่าการฉ้อโกงในรั้วโรงเรียนรัฐนี้เป็นภาพจำลองของประเทศที่บ้าชัยชนะบนตารางสถิติอย่างอเมริกาได้อย่างดี

“มันเป็นภาพสะท้อนของสังคมที่ผมอยากจะเห็นในหนังสักเรื่องมานานแล้ว ระบบของโรงเรียนรัฐเป็นหน่วยย่อยที่แสดงค่านิยมของอเมริกาและมีลักษณะเฉพาะบางอย่างของสังคมโรงเรียนอเมริกัน…อย่างโรงเรียนเอกชนมันจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาลจากครอบครัวคนรวยอย่างชัดเจน แต่สำหรับโรงเรียนรัฐแล้ว เม็ดเงินเหล่านั้นมันมาจากภาษีประชาชน ฉะนั้นภายใต้ระบบเหล่านี้ โรงเรียนเลยกลายเป็นที่ทำกินของใครบางคน โดยเฉพาะในเขตชานเมืองที่ผู้ปกครองอยากให้ลูกหลานได้เข้าเรียนในโรงเรียนดีๆ ผมเลยคิดว่าการแสดงภาพใหญ่ของวงจรอุบาทว์เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญของหนังมากๆ มันทำให้ไม่มีใครเป็นตัวร้ายที่ชัดเจน แต่ตัวละครมีแรงขับที่แตกต่างกัน

“หากพ้นไปจากเรื่องปัจเจก บางที่ตัวร้ายที่แท้จริงมันคือระบบที่ใหญ่กว่าแค่ในโรงเรียนก็เป็นได้”

** เสริม : โครีย์ ฟินลีย์ เป็นคนทำหนังที่น่าจับตาในขณะนี้ เพราะเขากระโดดข้ามจากวงการละครเวทีมาทำหนังเรื่องแรก Thoroughbreds ก็ปังเลย ขณะนั้นเขาอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น ในหนังเรื่องแรกฟินลีย์เล่าด้านมืดของลูกคุณหนูที่กระทำการฆาตกรรมเพื่อแก้ไขความเปราะบางในจิตใจ พอมาถึงเรื่องที่สอง Bad Education เขายังนำเสนอเรื่องโสมมในสังคมไฮสคูล ทำให้ฟินลีย์คือความหวังของนักทำหนังรุ่นใหม่ที่เป็นปากเป็นเสียงแทนคนรุ่นใหม่ยุคต่อไปในทันที


ดู Bad Education ได้ทาง HBO GO
ดู Thoroughbreds ได้ทาง Netflix


นคร โพธิ์ไพโรจน์
ริจะเบนเส้นทางไปเป็นไลฟ์โค้ชด้านการลดน้ำหนัก แต่เฟลเลยกลับมาเขียนบทความหนังไทยเหมือนเดิม

RELATED ARTICLES