เมื่อโลกต้องเผชิญกับโควิด-19 ยอดผู้เช่าหนัง Contagion ใน iTunes ได้ทะยานสูงเป็นอันดับ 2 ของปี 2020 นั่นเพราะเหตุการณ์โรคระบาดในหนังปี 2011 ของ สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก เรื่องนี้แทบจะเทียบเคียงกับการระบาดของไวรัสโคโรน่าได้เลย โดยไวรัสในหนังมีจุดเริ่มต้นที่ฮ่องกงก่อนจะแพร่ผ่านพาหะอย่าง เบธ (กวิเน็ธ พัลโทรว์) ระบาดต่อไปถึงอเมริกา และภายในเวลาไม่กี่วัน เจ้าเชื้อไวรัสอุบัติใหม่นี้ก็กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาการของโรคดังกล่าวก็แทบไม่ต่างจากโควิด-19 ที่กำลังคุกคามโลกในขณะนี้
หนังเขียนบทโดย สก็อตต์ ซี เบิร์นส และมีที่ปรึกษาเป็น ดร.เอียน ลิปกิน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา, ประสาทวิทยา และพยาธิวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนิวยอร์ค ซึ่งเขาคนนี้เองที่ออกมาให้ข้อมูลด้านระบาดวิทยาในช่วงปี 2003 ขณะที่โลกกำลังตื่นกลัวโรคซาร์ส ทำให้โซเดอร์เบิร์กและเบิร์นสชวนมาช่วยเป็นที่ปรึกษาให้กับหนังเรื่องใหม่ซึ่ง “จะนำเสนอความเสี่ยงต่อโรคระบาดบนพื้นฐานของความเป็นจริง” และนั่นก็คือ Contagion
สิ่งที่ลิปกินเข้าไปช่วยเบิร์นสนอกจากเรื่องข้อมูลแล้ว เขายังพา เคต วินเสล็ต และ เจนนิเฟอร์ อีห์ลี ไปดูงานในห้องแล็บ ซึ่งรับบทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยากับนักเทคนิคการแพทย์ตามลำดับ ตามไปออกกองเพื่อดูแลความถูกต้องของเสื้อผ้าหน้าผม องค์ประกอบฉากต่างๆ และช่วยออกแบบโครงสร้างสามมิติของตัวไวรัส MERV-1 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสสมมติ
ในช่วงปี 2003 ขณะที่โลกกำลังตื่นกลัวโรคซาร์ส ทำให้โซเดอร์เบิร์กและเบิร์นสชวนมาช่วยเป็นที่ปรึกษาให้กับหนังเรื่องใหม่ซึ่ง “จะนำเสนอความเสี่ยงต่อโรคระบาดบนพื้นฐานของความเป็นจริง”
ลิปกินอธิบายเชื้อ MERV-1 เอาไว้ว่า “มันเป็นเชื้อตระกูล ‘พารามิกโซไวรัส’ ซึ่งจะติดเชื้อที่ปอดและสมอง โดยมีโมเดลอ้างอิงมาจากโรคสมองอักเสบนิปาห์เพราะเราอยากได้โรคที่สามารถสร้างความน่ากลัวผ่านศิลปะภาพยนตร์ได้ดีกว่าแค่การติดต่อทางลมหายใจ” โรคสมองอักเสบนิปาห์เป็นโรคอุบัติใหม่ที่มีรายงานครั้งแรกเมื่อปี 1999 โดยเป็นเชื้อที่เกิดจากไวรัสในค้างคาวแล้วติดต่อมาสู่หมู และมนุษย์ติดเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรง “เราทำการบ้านเยอะมากเกี่ยวกับโรคสมองอักเสบนิปาห์โดยติดตามการระบาดของมันในบังคลาเทศ ตรวจหาภูมิคุ้มกันและวิธีการรักษาด้วยความหวังว่าจะช่วยป้องกันภาวะสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสนิปาห์ได้บ้าง โอเคมันอาจจะเป็นความประสงค์ส่วนตัวของผม แต่มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการที่จะเชื่อมโยงไวรัสกับหมูและค้างคาวซึ่งมันคงน่าสนใจดีเวลานำเสนอ เราลองเลือกเชื้อไวรัสชนิดอื่นมาแล้วแต่นี่เหมาะกับหนังเรื่องนี้ที่สุด”
ในบทบาทของนักระบาดวิทยา ลิปกินมองว่าการให้คำปรึกษานี้เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชีวิต เพราะมันได้สร้างคุณูปการให้กับงานสาธารณสุขไว้มากมาย โดยเฉพาะเมื่อเกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่าแล้ว Contagion ยังถูกหยิบยกมาเพื่อการศึกษาอีกครั้งหนึ่ง “คนกลับมาดูมันใหม่เพราะคนส่วนใหญ่อยากรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป หลักในการรับมือของงานสาธารณสุขเป็นแบบไหน
“เมื่อโรคติดต่อกลายมาเป็นโรคระบาด ความสนใจของผู้คนได้ยกระดับจาก ‘มันเกิดขึ้นได้ยังไง?’ ไปสู่การรับมือกับมันอย่างจริงจัง”
ซึ่งหากมันสามารถทำได้ถึงขั้นนั้น ก็ถือเป็นการบรรลุวัตถุประสงค์ของลิปกินที่พยายามให้ข้อมูลเรื่องโรคระบาดสู่สาธารณะมาโดยตลอด และเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนกำลังต้องการข้อมูลอย่างเข้มข้น บทบาทของหนัง Contagion กลับทำหน้าที่ได้มากกว่าแค่ให้ความบันเทิง และนี่คือสิ่งที่อยู่นอกเหนือความตั้งใจของผู้กำกับโซเดอร์เบิร์กอย่างแน่นอน