Home Interview “หนังดูที่ไหนก็ได้” 4 พื้นที่ดูหนังที่ได้มากกว่าการดูหนัง

“หนังดูที่ไหนก็ได้” 4 พื้นที่ดูหนังที่ได้มากกว่าการดูหนัง

“หนังดูที่ไหนก็ได้” 4 พื้นที่ดูหนังที่ได้มากกว่าการดูหนัง

“หนังดูที่ไหนก็ได้”

คุณอาจเคยได้ยินประโยคนี้มาบ้าง การดูหนังที่ไหนก็ได้อาจเพิ่มประสบการณ์พิเศษใหม่ๆ การได้ออกไปดูหนังตามร้านกาแฟ ห้องสมุด สวนสาธารณะ ร้านอาหาร นอกจากจะเพลิดเพลินไปกับหนังที่น่าสนใจ คุณอาจยังได้พบคนอื่นๆ ที่สนใจประเด็นเดียวกับเรา หรือร้านที่ฉายวันนี้อาจมีเมล็ดกาแฟดีๆ ให้ลองชิม ระหว่างทางไปที่ฉายก็มีร้านเนื้อย่างอร่อยๆ หรือมีงานน่าสนใจอยู่ในแกลลอรี่เล็กๆ ใกล้ที่ฉายหนัง นี่คงเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่คุณจะได้สำหรับการไปดูหนังสักเรื่อง เราไปทำความรู้จักกับสถานที่ฉายหนังเหล่านี้ที่เหมาะกับประโยค “หนังดูที่ไหนก็ได้” กัน


บ้านศิลปะครูจูน : จ.พิษณุโลก 

คุณจิตรลดา วิริยะประสิทธิ์

ครูเป็นคนชอบดูหนังทางเลือกมานานแล้ว แต่ที่บ้านคือพิษณุโลกไม่ค่อยมีหนังทางเลือกให้ดูมากเท่าไร ถ้าเรื่องไหนที่เราอยากดูมากๆ ก็จะขึ้นเครื่องมาดูที่กรุงเทพ ช่วงต่อมางานเราเยอะขึ้นบวกกับครูรู้สึกว่าไหนๆ เราก็เปิดโรงเรียนสอนศิลปะในจังหวัดพิษณุโลก เรามีพื้นที่มีอุปกรณ์ในการฉายเลยอยากลองเป็นคนจัดฉายบ้าง เลยถามไปทางค่ายหนังว่าถ้าเราอยากเป็นคนฉายหนังบ้างทำได้ไหม ทางค่ายหนังก็บอกว่าทำได้เราก็จัดเลย ผู้ชมกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มผู้ปกครองเด็กๆ เพราะหนังเรื่องแรกที่นำมาฉายคือ Childhood ผู้สนใจเยอะมาก เพราะเรามีกิจกรรมทางศิลปะร่วมด้วย ประมาณพ่อแม่ดูหนังเรามีทีมดูแลลูกให้จำได้ว่าวันนั้นสนุกมาก

หลังจากนั้นเราก็เริ่มโครงการ movie on demand เราก็ได้ผู้ชมที่หลากหลายมากขึ้น เพราะเราเอาหนังมาหลากหลายแนว บางเรื่องก็มีคนดูบางวันก็ไม่มีผู้ชมเลยก็แอบท้อใจบ้าง น่าจะเป็นเพราะตัวภาพยนตร์ที่เรานำมาที่มีประเด็นที่หลากหลายขึ้นนอกจากเรื่องศิลปะ เช่นเรื่อง Heartbound หรือ Burning ทำให้คนที่ไม่คุ้นเคยกับหนังแนวนี้หายไป แล้วเราหยุดฉายภาพยนตร์ไปเกือบปีเพราะโควิด มาเริ่มฉายอีกครั้งตอนเรื่อง The Kingmaker ซึ่งระหว่างนั้นมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างคึกคัก แต่ก็มีคนมาเตือนว่าจะฉายเรื่องนี้จริงๆ ใช่ไหม เราก็บอกฉายสิหนังไม่ได้เกี่ยวกับ king นะมันเป็นเรื่องของเผด็จการในฟิลิปปินส์ สุดท้ายหลังจากขอคำแนะนำจากผู้ชมที่เป็นแฟนคลับก็เลยตัดสินใจฉายแบบไพรเวทให้รู้ในกลุ่มผู้ชมวงเล็กๆ

แต่สิ่งที่เป็นกำลังใจให้เราคือมีกลุ่มน้องๆ คนรุ่นใหม่ในพื้นที่ที่เขาสนใจในหนังนอกกระแส เข้ามาดูอยู่เรื่อยๆ ที่นี่จะมีแฟนประจำอยู่ 3-5 คนที่เราฉายเรื่องอะไรพวกเขาก็มาดูตลอด แม้มันจะเป็นการฉายหนังในพื้นที่เล็กๆ คนมาดูไม่เยอะนักแต่รู้สึกว่าพื้นที่ของเรามีประโยชน์สำหรับคนที่สนใจ บางครั้งก็เกรงใจค่ายหนังมากคะ เพราะส่วนแบ่งน้อยมาก เพราะเราไม่ได้เก็บค่าตั๋วแพงและคนน้อย ทางค่ายเขาบอกว่าไม่เป็นไร ทางครูก็คงจัดต่อ เดี๋ยวรอโควิดหมดก่อนนะคะ 


ร้านหนัง (สือ) 2521 : จ.ภูเก็ต 

คุณสาวิส เครือเสน่ห์ (ป๊อป)

คุณเพ็ชรธนา เพ็ชรย้อย (แพรว)

คุณมารุต เหล็กเพชร (นิล)

แรงบันดาลใจแรกสุดคืออยากดูหนังนอกกระแสบ้างครับ แต่ต่างจังหวัดนั้นหาดูยากมาก ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนครับ ตอนนั้นเรียนที่มช.(มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) เพื่อนทำเพจ ‘ชาวเชียงใหม่ต้องการดูหนังเรื่องนี้’ แล้วมันเวิร์ค ทำให้เกิดพื้นที่ของหนังนอกกระแสขยายตัวไปเรื่อยๆ พอเรียนจบก็กลับบ้านที่ภูเก็ตเราก็เลยคุยกับเพื่อนว่าภูเก็ตน่าจะทำได้บ้าง บวกกับความน้อยเนื้อต่ำใจว่าทำไมหนังที่เราอยากดูมันถึงเข้าแต่กทม. เวลาเห็นข่าวหนังที่น่าสนใจแล้วมาเช็ครอบหนังภูเก็ตไม่มีเลย นี่คงเป็นส่วนนึงที่ทำให้เราอยากนำหนังมาฉายครับ แล้วเพื่อนคนนั้นก็รู้จักกับพี่นิล ร้านหนังสือ ซึ่งพี่เค้าก็สนับสนุนการฉายหนังอิสระมาตลอดอยู่แล้ว เลยได้มีโอกาสเข้ามาคุยและช่วยพี่นิลเค้าทำครับ

ส่วนวิธีฉายก็เรียบง่ายครับ ร้านหนัง(สือ)2521 มี 2 ชั้น ชั้นล่างก็จะทำเป็นร้านกาแฟ เราก็ใช้ชั้น 2 ในการฉายครับ ส่วนการเลือกหนังมาจากความอยากดูของพวกเราก่อน และก็จะดูว่าช่วงนั้นมีหนังเรื่องไหนน่าสนใจ มีเลือกตามสถานการณ์บ้านเมืองบ้าง หรือบางครั้งก็ตามรีเควสของผู้ชมที่สอบถามเพจของทางร้านครับ ซึ่งผู้ชมให้การตอบรับดีนะครับ ถ้าพูดถึงว่าเราเพิ่งจัด แล้วยังไม่เป็นที่รู้จัก ส่วนผู้ชมก็มีหลากหลายวัยคละกันไป ส่วนมากจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย วัยแรกเริ่มทำงาน แต่ก็มีเด็กมัธยมกับวัยกลางคนมาเสมอครับ ปัญหาในการจัดไม่ค่อยมีครับ ถ้าจะมีก็คงมีด้านเทคนิค เสียงหรือภาพบ้าง นานๆ ทีครับ แต่โดยรวมโอเคครับ

สิ่งที่ได้คือเหมือนเราได้สร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ ที่รวมคนชอบดูหนัง คนที่สนใจหนังแนวอื่นนอกจากกระแสหลัก มารวมตัวแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ และยังได้เพื่อนใหม่ๆ มากมายเลยครับ 555 ก็หวังว่าต่อไปคอมมูนี้จะแข็งแกร่งขึ้นเผื่อว่าจะได้ดูหนังแนวอื่นในโรงหนังหลักบ้างครับ 


RCB Film Club : กรุงเทพมหานคร

River City Bangkok

ที่ริเวอร์ซิตี้นี้เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีงานศิลปะจำหน่ายเสียเป็นส่วนใหญ่ ทางเราจึงจัดนิทรรศการของศิลปินหลากหลายแนวมาตลอด เพื่อเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบงานศิลปะ ได้มาชมงานของศิลปินที่เขาชื่นชอบ แต่ผู้ชมส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ชาวไทยยังมีแต่คนที่สนใจศิลปะจริงๆ เราเลยมาคิดต่อไปว่า ถ้ามีภาพยนตร์เข้ามาเสริมก็น่าจะทำให้นิทรรศการที่กำลังจัดแสดงอยู่นั้นน่าสนใจมากขึ้น เพราะภาพยนตร์น่าจะช่วยให้คนดูเข้าใจศิลปะได้น่าสนใจมากขึ้น เราก็เลยเริ่มจากทำห้องฉายหนังเล็กๆ ปรากฏว่ามีคนให้การตอบรับที่ดีมีคนมาดูทุกครั้งที่เราจัด ตอนแรกนั้นยังเป็นการจัดตามรายสะดวกซึ่งก็มีผู้ชมมาดูตลอดเราก็เลยจัดมาอย่างต่อเนื่อง จนมีครั้งนึงเราขึ้นไปฉายหนังกลางแปลงบนดาดฟ้าของริเวอร์ซิตี้ ฉายหนัง 2 เรื่องและมีการออกร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่มแบบเป็นกันเอง ปรากฏว่าได้รับการต้อนรับที่ดีมาก มีคนมาร่วมงานราวๆ 200 คน ซึ่งเป็นบรรยากาศที่สนุกและน่าประทับใจมาก

เมื่อเราเห็นว่ามีกลุ่มคนที่สนใจภาพยนตร์เกี่ยวกับศิลปะอยู่เราก็เริ่มทำ RCB Film Club แบบจริงจัง โดยเราทำโรงหนังเล็กๆ ประมาณ 100 ที่นั่ง และจัดฉายหนังที่คู่ไปกับงานนิทรรศการที่ทางเราจัด ซึ่งทำให้งานสมบูรณ์แบบมากขึ้น คนดูที่ชอบงานศิลปินท่านนั้นนอกจากได้ชมงานที่เราเอามาจัดแสดงเขาก็ได้ชมสารคดีที่เกี่ยวกับศิลปินที่เขาชอบด้วย และอีกสิ่งที่เราได้เพิ่มขึ้นมาอีกก็คือเราได้กลุ่มคนที่สนใจภาพยนตร์แต่อาจจะไม่ได้เป็นแฟนศิลปิน ทำให้เวลาที่เขาดูหนังจบเขาก็เดินไปดูภาพของศิลปินที่เขาเพิ่มชมไปเมื่อสักครู่ต่อได้เลย ถือว่าเป็นการขยายกลุ่มคนที่ชื่นชอบศิลปะที่กว้างมากขึ้นไปอีก 


ร้าน Lorem Ipsum : หาดใหญ่

เพจ : เรื่องนี้ฉายเถอะ คนหาดใหญ่อยากดู

ผมเป็นชาวหาดใหญ่แต่เคยไปเรียนและทำงานอยู่กรุงเทพครับ และที่กรุงเทพก็มีหนังหลากหลายให้เลือกดู ช่วงนั้นผมดูหนังเยอะมากทั้งหนังในโรง ทั้งหนังสั้นที่จัดฉายในพื้นที่ต่างๆ TK Park ร้านกาแฟ ห้องสมุด ผมไปดูมาหมดเลย พอต้องกลับมาอยู่บ้านที่หาดใหญ่ ที่นี่ก็มีแต่โรงหนังของเครือใหญ่ซึ่งเขาไม่ฉายหนังที่เราอยากดู ผมเลยคิดว่าอยากฉายหนังแบบที่เราอยากดูบ้าง ผมก็เริ่มจากทำเพจ “เรื่องนี้ฉายเถอะ คนหาดใหญ่อยากดู” โดยผมติดต่อค่ายหนังเอาหนังมาเข้าโรงเอง คุยกับทางโรงหนังเพื่อขอเช่าโรง ขายบัตรเอง ประชาสัมพันธ์เอง ซึ่งได้การตอบรับที่ดี แต่พอทำไปเรื่อยปัญหามันเกิดตรงที่ว่าผู้จัดการโรงภาพยนตร์เปลี่ยนคนตลอด ราคาที่เคยคุยไว้ก็ต้องมาคุยใหม่ เราเลยคิดว่าไม่ไหวเลยมองหาพื้นที่อื่นๆ ที่เราควบคุมเองได้ดีกว่า เลยไปหาพื้นที่เช่าข้างนอกแรกๆ ก็จะเป็น Co-working Space ต่างๆ ในหาดใหญ่ แต่พื้นที่เหล่านั้นเขาก็ไม่ได้ทำมาเพื่อฉายหนัง บางแห่งเราก็ต้องหาเครื่องเสียงมาเอง ทำไปสักพักก็เริ่มคิดถึงพื้นที่ของตัวเอง เพราะกลุ่มคนดูสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อกลางปีที่แล้ว จากวันแรกถึงวันนี้ก็เกือบ 5 ปีแล้วครับ

สิ่งที่ทำให้คนดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คงเป็นเพราะเวลาผมฉายหนังจบผมจะชวนคนดูคุย เริ่มตอนที่ฉายตาม Space ต่างๆ เรื่องแรกผมเล่นใหญ่มากจำได้ว่าเรื่อง Cartel Land ผมเชิญวิทยากรที่ทำงานด้านพื้นที่สามชายแดนใต้มาคุยให้คนดูฟังเป็นอะไรที่คนดูชอบมากคุยกันเป็นชั่วโมง หลังจากนั้นผมก็ทำมาเรื่อยๆ แต่หลังๆ วิทยากรหายากเพราะพื้นที่ผมอยู่ไกลด้วย เลยทำให้การจัดแบบที่มีวิทยากรมาชวนคุยไม่ได้ ผมก็เลยเปลี่ยนเป็นว่าผมชวนคนดูคุยแทนซึ่งคนดูที่มาดูส่วนใหญ่เขาสนใจประเด็นในหนังอยู่แล้ว และเขาจะมีข้อมูลมาประมาณนึง ผมก็มีหน้าที่เชื่อมให้พวกเขาเอาข้อมูลมาแลกเปลี่ยนกัน ช่วงแรกๆ ก็มีคนเดินออกบ้าง แต่หลังๆ คุยกัน 2-3 ชั่วโมงก็เคยมีครับ 

ผมทำการฉายหนังในหาดใหญ่มา 4-5 ปีแล้ว ผมเห็นการเติบโตของกลุ่มคนที่มีความสนใจคล้ายๆ กันมากขึ้น ผมอยากให้มีพื้นที่ของการแลกเปลี่ยนและพูดคุยในบ้านเกิดของผม ผมเชื่อว่าการคุยกันเป็นสิ่งที่นำไปสู่การพัฒนา และในหาดใหญ่มีพื้นที่แบบนี้น้อยมาก เพราะหาดใหญ่เป็นเมืองท่าค้าขายของ ซึ่งคนที่มาส่วนใหญ่มาเป็นจุดพักก่อนไปเที่ยวจังหวัดอื่น หาดใหญ่ไม่มีที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เด่นๆ คนผ่านมาและก็ผ่านไป ผมอยากให้บ้านผมมีพื้นที่ให้คนในจังหวัดได้แสดงความคิด ศิลปะ ส่วนจะพัฒนาไปได้ขนาดไหนคงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไปครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here