Home Review Series Review White Lotus (Season 2) : ปัญหาที่เงินไม่อาจแก้

White Lotus (Season 2) : ปัญหาที่เงินไม่อาจแก้

White Lotus (Season 2) : ปัญหาที่เงินไม่อาจแก้

มีมุกตลกเล็ก ๆ มุกหนึ่งผู้เขียนมักจะเปรยกับมิตรสหายคนใกล้ตัวเวลาพูดถึงชีวิตที่ต้องเสี่ยงโชคเป็นพิเศษในบ้านเมืองนี้ นั่นคือ “ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะมีปัญหาไหนในชีวิตผมที่ใช้เงินแก้ไม่ได้ นั่นคือสาเหตุที่ผมซื้อล็อตเตอรี่เพื่อหนีไปให้พ้น ๆ เสียที” มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีคนตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจมาก ๆ เอาไว้ว่านี่คือแนวคิดแบบคนจนของแท้ เมื่อคุณเป็นคนจน ปัญหาทุกอย่างที่มองเห็นคือปัญหาที่ใช้เงินแก้ได้ ถ้าคุณมีอันจะกินมากกว่านั้นคุณจะเริ่มมองปัญหาที่อยู่ไกลตัวขึ้นและพบว่าเงินที่มีไม่มากพอจะแก้ไขมันได้ แต่หากคุณรวยยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีก คุณจะมองข้ามทุกปัญหาไป เพราะมันจะทำให้คุณตระหนักว่าคุณเองนั่นแหละคือต้นตอของปัญหาเหล่านั้น ถึงจะไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยจนแกล้งทำเป็นมองข้ามไปได้

ก่อนดู White Lotus ซีซั่นล่าสุด ผมมีคำถามเล็ก ๆ ในใจว่า ไมค์ ไวท์ ยังไม่จบกับประเด็นคนรวยสันดานเสียอีกหรือ ขณะที่ในปีนี้มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับคนรวยจำพวกนี้ออกมามากมาย อะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจเล่าเรื่องคนรวยอเมริกันในอู่อารยธรรมยุโรปต่อจากคนรวยอเมริกันในดินแดนอาณานิคม มีอะไรที่เรายังไม่ได้เห็นจากหนังและซีรีส์พวกนั้นอีกหรือ คำตอบปรากฏทันทีเมื่อได้ดู White Lotus ซีซั่น 2 ตอนแรกจบ ความเหลื่อมล้ำเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของสิ่งอัปลักษณ์ในวิถีชีวิตคนมีอันจะกินเท่านั้นเอง

เรื่องราวใหม่เริ่มต้นแบบเดิม มีคนพบศพแขกของโรงแรมไวท์โลตัสสาขาซิซิลีลอยมาใกล้หาดของโรงแรม ก่อนที่จะเล่าย้อนไปถึงบรรดาแขกชุดใหม่ในหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า ชายสามรุ่นจากครอบครัวอเมริกันที่เดินทางมาเยี่ยมบ้านของบรรพบุรุษ คู่หูเพื่อนสมัยเรียนที่พาภรรยามาพักร้อนโดยมีเป้าหมายบางอย่าง คู่เพื่อนสาวโสเภณีกับนักร้องที่ใช้ทักษะพิเศษทางกายให้การหาซื้อสิ่งที่ต้องการ และทันย่า (Jennifer Coolidge) เศรษฐีนีสมองไหลจากซีซั่นที่แล้วที่มาเที่ยวกับสามี (ที่พบกันจากทริปฮาวาย) โดยมีผู้ช่วยสาวแสนซวยติดมาเป็นเครื่องมือพยุงชีพ

หากหลักใหญ่ใจความของซีซั่นแรกเป็นเรื่องราวของคนมีเงินเยอะที่แสดงอำนาจเหนือชีวิตคนที่มีเงินน้อยกว่าในหลากวิถีทาง ประเด็นของซีซั่นนี้คือการขยายภาพคู่ความสัมพันธ์เพื่อนรักเพื่อนร้ายของสองสาวในซีซั่นแรก นี่คือเรื่องราวของความบาดหมางเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะเท่ากัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ คนรวยอเมริกันอิจฉารากเหง้าอันงดงามของผู้ดียุโรป ขณะที่ผู้ดียุโรปแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากบ้านสวย ๆ เอาไว้หลอกสูบเงินเศรษฐีมือเติบ แคเมอรอน (Theo James) กับอีธาน (Will Sharpe) เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนก็จริง แต่ต่างฝ่ายต่างก็ต้อง “กรอง” บางอย่างออกไปเสียก่อนถึงจะคบกันเป็นเพื่อนได้ยาวนาน ไม่ว่าคุณกับคู่ความสัมพันธ์ เพื่อน คนรัก ครอบครัวของคุณจะผูกพันกันในรูปแบบไหน การตัดสินอีกฝ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยง มันเป็นเหมือนสัตว์ร้ายใต้แผ่นไม้กระดานที่รอวันเผยตัวออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะมั่งมีหรืออยู่ติดดินหาเช้ากินค่ำ มันจะซุ่มซ่อนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน

ยกตัวอย่างการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดบนโต๊ะอาหารในเรื่อง เมื่อคุณปู่เบิร์ต (F. Murray Abraham) บอกกับดอมินิก (Michael Imperioli) ผู้เป็นลูกชายว่า เขาจะเป็นคนเกลี้ยกล่อมภรรยาของลูกชายที่กำลังฟ้องหย่าให้เอง เพราะว่าเขา “เป็นผู้ชายที่เข้าใจผู้หญิงมากที่สุด” ลูกชายสวนกลับทันควันว่าไม่จริง “ผมเห็นแม่ทรมานจะเป็นจะตายทั้งชีวิตเพราะคนอย่างพ่อนี่แหละ” ขณะที่บทสนทนากำลังปะทุ อัลบี้ (Adam DiMarco) ลูกชายของดอมินิกก็ปึงปังผละจากโต๊ะอาหารไปหาโสเภณีที่เข้าเพิ่งเจอเมื่อคืน สำหรับคนในรุ่นเขา พ่อและปู่ล้วนเป็นประวัติศาสตร์ชีวิตที่น่าอับอาย หนัง Godfather ที่ปู่ชอบหนักหนาเป็นแค่วันชื่นคืนสุขของผู้ชายที่ไม่สนใจอะไรนอกจากการแสดงความเป็นชาย พ่อที่เป็นโรคติดเซ็กส์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ส่วนในสายตาปู่และพ่อ อัลบี้ก็เป็นแค่เด็กที่กำลังจะเดินเข้าสู่กับดักความไม่ได้เรื่องไปอีกคน ไม่ว่าพวกคุณจะรักและหวังดีต่อกันแค่ไหน คุณก็เลี่ยงการตัดสินกันอย่างโหดร้ายไม่ได้ และเมื่อดูจากปัญหาการเสียแรงดึงดูดต่อกันในคู่ของอีธานกับฮาร์เปอร์ (Aubrey Plaza) การเปิดเผยต่อกันอย่างตรงมาก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก

อีธานยกเรื่อง “การลอกเลียนความต้องการ” ขึ้นมาพูดได้อย่างน่าสนใจ เขาระเบิดอารมณ์ออกมากลางวงชิมไวน์ บอกว่าสมัยเรียนเขาไม่ค่อยได้มีชีวิตรักโลดโผนนัก เพราะเมื่อเขาทำท่าว่าจะชอบใคร แคเมอรอนก็จะโฉบไปมีเซ็กส์กับคนคนนั้นทันที นี่คือการลอกเลียนความต้องการ เมื่อคุณเห็นคนที่มีสถานะสูงกว่าต้องการอะไร คุณจะมีแนวโน้มที่จะต้องการสิ่งนั้นไปด้วย เพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง แคเมอรอนโต้กลับว่าเขาจะไปมีสถานะต่ำกว่าอีธานได้ไง ในเมื่อเขารวยกว่าและเป็นที่นับหน้าถือตา อีธานตอบกลับว่า “ก็ฉันฉลาดกว่านายไง” นี่อาจจะเป็นไม่กี่ปัญหาของคนรวยที่คนไม่รวยอย่างผู้เขียนพอจะจินตนาการออก ไม่ว่าเราจะพร่ำพูดว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมสักกี่ครั้ง เราก็จะมีลำดับต่ำสูงประทับอยู่ในใจเสมอ ไม่ใช่ในแค่ระนาบของฐานะทางเศรษฐกิจ มันอาจอยู่ในคนทำงานศิลปะ ผู้เสพงานศิลปะ แวดวงวิชาการ กลุ่มเคลื่อนทางการเมือง กลุ่มคนชายขอบ กลุ่มงานอดิเรก แวดวงสังคมทั้งเล็กใหญ่

เมื่อเงินในซีซั่นนี้ถูกลดความสำคัญลงไปอยู่ในรูปของสิ่งที่คนพยายามตักตวงจากกัน ไม่ต่างจากหน้าที่การงาน ธุรกิจในอนาคต คนที่ดูจะทุ่มทุนต่อสู้เพื่อเงินมากที่สุดอาจมีเพียงพอร์เชีย (Harley Lu Richardson) ที่ยอมทนทำงานให้คนรวยสมองเปื่อยอย่างทันย่า สิ่งที่อยู่ระหว่างความริษยาและความต้องการการยอมรับจึงปรากฏตัวออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด

และผู้เขียนก็คิดได้ในที่สุด นี่แหละคือปัญหาที่เงินแก้ไม่ได้

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here