Home Interview พร้อมแบกวงการหนังไทย และคริปโตโมเดล ของแกะดำ ‘เนรมิตรหนัง’

พร้อมแบกวงการหนังไทย และคริปโตโมเดล ของแกะดำ ‘เนรมิตรหนัง’

พร้อมแบกวงการหนังไทย และคริปโตโมเดล ของแกะดำ ‘เนรมิตรหนัง’

“เราต้องการผลักดันอุตสาหกรรมหนังไทยสู่ฮอลลีวูด และเนรมิตรหนังก็สัญญาว่าจะทำให้ได้” นี่คือเป้าหมายของ กนกวรรณ วัชระ กรรมการผู้จัดการ บ.เนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด ที่อาจดูเป็นคำสัญญาเลื่อนลอยเพราะผู้สร้างหน้าใหม่มักมาพร้อมอุดมการณ์แรงกล้าหวังจะผลักดันหนังไทยด้วยกันทั้งนั้น แต่ผลสุดท้ายต่างบอบช้ำกลับไป

เนรมิตรหนัง ฟิล์ม คือค่ายที่ปูพรมซื้อสื่อโฆษณาทั่วประเทศให้หนังเรื่องแรก ‘4Kings อาชีวะยุค 90’ ทั้งบิลบอร์ด รถเมล์ รถไฟฟ้า ยันกะป๊อสองแถว จนเราเป็นห่วงล่วงหน้าไปว่าค่ายน้องใหม่นี้จะเจ็บตัวและกลับไปทำธุรกิจอื่นอีกราย

แต่รายได้ 4Kings ก็ทำให้เราต้องเตือนตัวเองว่าอย่าประมาทความตั้งใจของค่ายใหม่ค่ายนี้ เพราะแค่วันแรก หนังก็ได้รับการคาดหมายว่าจะทำเงินทั้งประเทศทะลุ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว

ในมุมคนทำหนังไทยตอนนี้ต่างฮือฮากับทั้งคุณภาพงานและผลตอบรับของหนังเรื่องแรกคุณ

ก็ถือว่าเป็นผลตอบรับที่ดีตามคาด เพราะด้วยความเป็นหนังเรื่องแรกของค่าย ก็อยากให้ทุกอย่างมันออกมาเพอร์เฟ็คต์ เราก็อยากสร้างแบรนดิ้งเพราะเราก็เป็นค่ายน้องใหม่ แล้วพอเป็นค่ายน้องใหม่ เราจะทำยังไงให้ทุกคนจับตามอง และก็ด้วยตัวหนัง 4Kings มันมีที่มาที่ไปค่อนข้างยาวนาน ด้วยการเดินทางของผู้กำกับด้วย (พุฒิพงษ์ นาคทอง) เราก็เลยมองว่ามันโอเคแล้วแหละที่เราจะซัพพอร์ตเขา และทุ่มทุนสร้างเพื่อให้มันออกมายิ่งใหญ่

เราวางแบรนดิ้งเอาไว้ยังไง

เอาจริงนะ ตามมิชชั่นของทางค่ายเลยคือเราอยากเป็นค่ายที่พัฒนาหนังไทยไปสู่สากล ทั้งในแง่ของการถ่ายทำ ตัวบท โปรดักชั่น ซีจี แอ็กชั่น เอฟเฟ็คต์ ทุกอย่าง เราวางแบบแผนของทางค่ายไว้ว่าเราจะดันหนังไทยไปสู่ฮอลลีวูด ที่บางเรื่องยังมีเอนด์เครดิตเป็นชื่อคนไทยเลยนะ ทีมทำเอฟเฟ็คต์ ทีมแต่งหน้า หรือนั่นโน่นนี่ เราก็อยากไปสู่จุดนั้นแต่นักแสดงเป็นคนไทย ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ทุกอย่างเป็นคนไทย มันจะไปดังในระดับโลก ความคาดหวังของค่ายในการก่อตั้งเนรมิตรหนังขึ้นมาเป็นแบบนี้

มิชชั่นนี้ก็ไม่ง่ายนะ เพราะเราก็ฝันที่จะเป็นแบบนั้นกันมาตลอด

เราเชื่อว่าทุกค่ายก็อยากเป็นแบบนั้นกันหมด คนไทยเรามีฝีมือและสามารถโชว์ผลงานตัวเองออกมาได้ถ้ามีพื้นที่ ซึ่งทางค่ายเราเป็นแบบนั้น เราเปิดรับทุกแนวความคิดเลย คุณเสนอบทเข้ามาเถอะ คุณฟอร์มทีมมาได้ เราต้องการ เราพร้อมซัพพอร์ตทุกอย่างเพื่อเราจะได้เปิดพื้นที่ตรงนี้ให้คุณได้โชว์ผลงานเต็มที่ บางคนเขามีความคิดความตั้งใจที่จะทำ แต่เขาไม่มีโอกาส หรือไม่ได้มีพื้นที่ที่จะทำ

กนกวรรณ วัชระ – กรรมการผู้จัดการ บ.เนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด

พูดแบบนี้เดี๋ยวคนทำหนังไทยทั้งวงการจะพุ่งเข้าไปที่เนรมิตรหนังนะ

มาเลย เราเปิดรับหมดเลย ไม่ว่าคุณจะดังระดับไหน มากประสบการณ์หรือว่าเพิ่งจบ คุณฟอร์มทีมมาเลย เพราะว่าการที่คุณเป็นเด็กจบใหม่หรือไม่เคยมีผลงานมาก่อน ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่มีผลงานที่ดี แค่คุณขาดทีมงานที่จะช่วยประกอบจากพื้นฐานตรงนั้น เรามองว่าเราผลักดันทุกอย่างไปได้ ซึ่ง 4Kings ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ทางเนรมิตรตั้งใจมาก เพราะว่าด้วยตัวบทที่ผู้กำกับเขาทุ่มเทมา 7-8 ปี เดินทางเสนอมาหลายค่ายแต่ว่ามันไม่ใช่แนวทางที่จะขายได้ในไทย ในไทยอาจจะมีรอมคอมเยอะหน่อยแต่ยังไม่มีหนังที่ตีแผ่ชีวิตของเด็กอาชีวะหรือแก๊งสเตอร์ ซึ่งมันมีน้อยมากตั้งแต่ ‘2499 อันธพาลครองเมือง’ แต่เรื่องนั้นมันอิงทางการเมืองและสังคมด้วย ส่วนอันนี้เด็กช่างจริงๆ เราต้องสร้างสรรค์ตรงนี้ออกมาให้ทุกคนยอมรับว่าหนังแบบนี้มันทำรายได้ในไทยได้นะ มันสามารถเอาออกไปโชว์ต่างประเทศได้นะ ให้เขาเข้าใจคัลเจอร์ของเด็กช่างได้ว่าแต่ละประเทศมี traditional ต่างกัน อย่างญี่ปุ่นเขาอาจจะเป็นยากูซ่าเนอะ อย่างอเมริกาก็มีแก๊งของเขาเนอะ ของไทยเราก็มีแต่มีในนามของการรักสถาบัน ความอินในสีเสื้อ ความอินในโรงเรียนตัวเอง มันเป็น traditional ที่มันขยายต่อและขายออกไปได้

ก่อนที่หนังจะฉายเราก็เห็น 4Kings ทั่ว กทม ไปหมด นี่ลงทุนไปไม่น้อยแน่นอนในการซื้อโฆษณา ตอนนั้นรู้มั้ยว่าวันนี้วงการหนังไทยอาจไม่ได้ให้ผลตอบรับมากมายขนาดเท่าที่ลงทุนไป

เอาจริงๆ นะ พอเราไปเห็นความตั้งใจของนักแสดง เราได้เห็นการถ่ายทำ พอหนังตัดเสร็จมาแล้วและเราได้ดูหนังเต็ม เรามองว่าหนังมันสามารถโชว์ได้ และอาจผลักดันวงการอาชีวะให้คนอื่นที่มองเข้ามา สามารถเปลี่ยนมุมมองต่ออาชีวะได้ คนที่อาจจะมองว่าอาชีวะแค่เด็กตีกัน ทุกวันนี้ก็ยังมีนะคะคนที่บอกว่าจะไปดูทำไมหนังเด็กตีกันเฉยๆ แต่จริงๆ เรามีคำตอบในหนังอยู่แล้วว่าทำไมชีวิตของเขา ณ ตอนนั้นถึงเป็นแบบนั้น แต่เราไม่ได้ส่งเสริมนะคะว่าพอเราเป็นเด็กอาชีวะเราต้องรักเสื้อช็อป เราต้องตบหัวเข็มขัด มันไม่ใช่ แต่เรามองว่าทางเดินที่คุณเลือกแล้วมันผิดทางมันก็มีผลกระทบไม่ว่าจะเป็นในแง่ของครอบครัวที่ต้องสูญเสีย เพื่อนที่ต้องแยกจากกัน และอนาคตที่มันต้องแลก แล้วพอพูดถึงอาชีวะเราก็มักนึกถึงยุคเก่าๆ อย่าง 90 เราอยากทำหนังให้คนที่ไม่ได้เข้าโรงหนังนานแล้วได้กลับเข้าโรงหนังอีกครั้ง เพราะแม้คุณจะไม่ได้เรียนอาชีวะ ไม่ได้เป็นกนก บู ชื่น อิน แต่มันก็เล่าเรื่องในยุคเรานะ อยากให้คุณเข้าไปดูและเดินออกมาคุยกันว่า เฮ้ย เราตีกันไปทำไมวะ แต่ในการที่เราตีกัน ณ ตอนนั้น เพราะเรารักเพื่อนว่ะ เพราะเราต้องการโดดเด่น โด่งดัง ในแง่ของสังคม ณ ตอนนั้น ทั้งหมดนี้เราเลยมองว่ามันค่อนข้างคุมทุนกับการลงโฆษณาขนาดนั้น ให้คนเขามาเห็นว่าอาชีวะไม่ได้มีดีแค่ตีกัน

ก่อนจะลงทุนโฆษณาขนาดนั้นได้ เราทำการบ้านมากน้อยแค่ไหน

เราทำรีเสิร์ชมาแล้วค่ะว่าปีหนึ่งๆ ในประเทศไทยมีเด็กจบอาชีวะมาไม่ต่ำกว่าแสนคน และก็จบกันทุกปี อาชีวะ เทคโน สายอาชีพ มีจบการศึกษาทุกปีอยู่แล้ว ซึ่งเรามองว่านี่แหละคือกลุ่มการตลาดของเรา แต่ไม่ใช่ niche market (เฉพาะกลุ่ม) เรามองว่าบุคคลทั่วไป พ่อแม่ที่ต้องการจะให้ลูกเห็นว่าถ้าวันนึงลูกเดินทางผิดพลาดหรือติดเพื่อน มันมีผลอย่างไรต่อตัวลูกนะ ครอบครัวที่อาจจะไม่ได้เข้าใจการกระทำของวัยรุ่น ณ ตอนนั้นก็อยากให้เขาเปลี่ยนมุมมองความคิด เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าคนไทยอินในความสัมพันธ์ครอบครัว ก็เลยมองว่าการตลาดของเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่อาชีวะอย่างเดียว มันค่อนข้างคุ้มค่าที่จะลงทุน เอาจริงๆ ในมุมมองของคนทั่วไปก็จะมองเด็กกลุ่มนี้ว่าก็แค่เด็กไร้สาระ จบไปแล้วทำอะไร ตีกันเดี๋ยวก็ตายอีก แต่มันมีกลิ่นอายของมิตรภาพนะ มันมีความรักในสถาบันอยู่นะ ซึ่งไอ้คำนี้แต่ละคนก็ตีความไม่เหมือนกันอยู่แล้ว รักสถาบันไปแล้วได้อะไร แล้วมึงจะแลกไปเพื่ออะไร แต่ในมุมของคนรักสถาบันนั้น เมื่อก่อนเสื้อช็อปเขาจะให้แค่คนละตัว ซื้อไม่ได้ การที่เราไปเอาเสื้อช็อปเขามา มันเหมือนเราไปดึงความภาคภูมิใจของเขามา ไปดึงศักดิ์ศรีของเขามา นั่นแหละมันอาจจะเป็นชนวนเหตุให้เราต้องตีกันรึเปล่า

และจริงๆ แกนของมันก็คือเรื่องมิตรภาพ ซึ่งนี่คือวงกว้างมาก

ใช่ กูเจ็บได้แต่เพื่อนกูอย่าเจ็บ มันก็เลยเป็นความฮึกเหิมของการรักเพื่อนไปด้วย แล้วพอหนังเข้าฉายเราเห็นเด็กอาชีวะใส่เสื้อช็อปกันไปดูหนัง ในโรงเดียวกันมันก็มีสถาบันนั้นสถาบันนี้นั่งดูอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ได้ตีกันนี่ คำตอบที่ได้จากหนังทางค่ายหนังเรามองว่ามันค่อนข้างฮีลจิตใจเราแล้ว เราได้คำตอบแล้ว

ผลตอบรับของหนังมันยืนยันในสิ่งที่เราเชื่อมั้ย หรือมีอะไรที่เกินคาด

เอาจริงมันเป็นไปตามแบบแผนที่ทางค่ายวางไว้ และเราก็จะพัฒนาหนังไทยไปต่อเรื่อยๆ ไม่ได้จบแค่ 4Kings ตอนนี้ที่ทำไปแล้วก็ 7 เรื่อง ปีหน้าเราจะได้เห็นแน่นอนว่าเราไม่ได้มีแค่แนวทางเดียว จะได้เห็นความหลากหลายจากทางค่ายเรา เพราะเราเปิดรับทุกความคิดสร้างสรรค์ ถ้าคุณคิดว่าเรื่องแบบนี้จะขายได้เหรอวะ มันไม่แมสส์นะ ใครจะดูวะ แต่คุณไม่รู้หรอกว่าหนังเรื่องนั้นๆ น่ะ ถ้าเราส่งต่างประเทศหรือส่งชิงรางวัลมันอาจท็อปฟอร์มมากเลยนะ คนไทยอาจจะยังยึดติดแค่หนังสนุก หนังเฮฮา หนังคลายเครียด แต่จริงๆ หนังบางเรื่องที่มันไม่ได้เป็นแมสส์มาร์เก็ต แต่บทมันดี ผู้สร้างเขาตั้งใจทำ และมันต้องการที่จะสื่อสารและส่งสารเหล่านั้นมาถึงคนดูในรูปแบบใหม่ เรามองว่าการที่เราเปิดโอกาสให้ทุกคนที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานในพื้นที่ของทางค่ายเรา และเราพร้อมสนับสนุนทุกแนวความคิด 

‘หนังไทยไม่ไปไหนซะที’ เราได้ยินคำนี้บ่อยมากว่าเราไม่ดูหนังไทยนานแล้วเพราะหนังไทยก็ทำได้เท่านี้แหละ จริงๆ คนไทยเรามีประสิทธิภาพมากแต่ขาดพื้นที่ เราก็อยากเป็นพื้นที่ตรงนั้น ถามว่าเราพร้อมแบกรับทั้งวงการมั้ย? พร้อมค่ะ

จากสถานการณ์ของหนังไทย ณ ตอนนี้ พร้อมมั้ยถ้าจะเป็นค่ายที่ต้องแบกรับทั้งวงการ

ถามว่าพร้อมมั้ย? เราพร้อม! เราสู้ เพราะว่าค่ายเราตั้งใจแล้วว่าเราจะต้องไปสู่ฮอลลีวูดให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตามเราจะต้องผลักดันไปสู่จุดนั้นให้ได้ ต้องสู้กับต่างชาติให้ได้ อย่างเกาหลีบทเขาดีแค่ไหนเราก็ทำได้นะ แต่เราแค่ยังขาดคนที่จะซัพพอร์ตความคิดของบุคคลเหล่านั้น เราขาดองค์ประกอบโดยรวมมันก็เลยมองว่า ‘หนังไทยไม่ไปไหนซะที’ เราได้ยินคำนี้บ่อยมากว่าเราไม่ดูหนังไทยนานแล้วเพราะหนังไทยก็ทำได้เท่านี้แหละ จริงๆ คนไทยเรามีประสิทธิภาพมากแต่ขาดพื้นที่ เราก็อยากเป็นพื้นที่ตรงนั้น ถามว่าเราพร้อมแบกรับทั้งวงการมั้ย? พร้อมค่ะ เพราะเราต้องการผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย และเนรมิตรหนังก็สัญญาว่าจะทำให้ได้

พอจะเล่าได้มั้ยว่า 7 เรื่องที่ทำอยู่ตอนนี้ มีทิศทางอย่างไร จะไดเห็นว่าหลักในการอนุมัติเป็นอย่างไร

ทางค่ายไม่ได้สโคปว่าหนังจะต้องเป็นแนวไหนนะคะ เรารับหมดเลย การอนุมัติโปรเจ็คต์ของเราก็คือ ถ้าคุณมีความตั้งใจแล้วเรามองว่าบทของคุณมันโอเค คุณมีทีมหรืออะไรก็แล้วแต่มาเสนอกับเรา เราพร้อมที่จะให้โอกาสผลักดันทุกโปรเจ็คต์ เพราะฉะนั้นทั้ง 7 โปรเจ็คต์ รวม 4Kings ก็จะเป็นคนละแนวทางกันหมด อย่าง 4Kings ก็เป็นแก๊งสเตอร์ 90 หรือที่เพิ่งบวงสรวงไปอย่าง Ghost Radio ก็เป็นหนังผี แล้วก็ที่มีปล่อยๆ ออกไปแล้วบ้างก็มี ‘กล้าฝันปล้นสนั่นเมือง’ อันนั้นก็จะเป็นแอ็กชั่นบู๊ล้างผลาญเลย ค่ายเราจับมือกับ ‘บ้านริก’ (ผู้ให้บริการอุปกรณ์ริกกิ้งและสตันท์) ซึ่งมองว่าจะเป็นอีกเรื่องที่น่าจะได้กระแสตอบรับดี แล้วก็ทางค่ายก็เป็นพันธมิตรกับ แฟทแคทสตูดิโอ ซึ่งเป็นทีมสร้างซีจี ‘นาคี ๒’ ก็จะเป็นจักรวาลของสัตว์ประหลาด บทจะดูเข้าถึงง่าย แต่ซีจีอลังการมาก

จุดแข็งของค่ายเราคือการเปิดรับทุกความคิดถูกมั้ยคะ ซึ่งนี่แหละที่จะทำให้เรามีองค์ความรู้ที่ใหญ่พอสมควร

ก้าวต่อไปของเนรมิตรหนังจะเป็นอย่างไร

จุดแข็งของค่ายเราคือการเปิดรับทุกความคิดถูกมั้ยคะ ซึ่งนี่แหละที่จะทำให้เรามีองค์ความรู้ที่ใหญ่พอสมควร ถึงตอนนี้เราจะเป็นค่ายน้องใหม่ แต่ถ้าเราจับมือบ้านริก แฟทแคท หรืออีกมากมาย เราสามารถรังสรรค์ผลงานไปได้อีก และมันได้อีกเยอะมากๆ มันน่าจะไปในแนวโน้มที่ดี และมันจะทำให้ค่ายเราเป็นที่จดจำไปเรื่อยๆ

สมมติหนังได้ทั้งประเทศร้อยล้านจริงๆ แต่สิ่งที่ลงทุนไปก็ไม่น้อย คุ้มมั้ย

ทางค่ายมองว่าคุ้ม ตรงที่ว่าทุกคนได้เปลี่ยนมุมมองต่ออาชีวะ ทุกคนได้รู้จักค่ายเรา เฮ้ย เราเป็นค่ายน้องใหม่ก็จริงนะ แต่เราก็พร้อมจะซัพพอร์ตทีมผู้สร้างทุกคน เรามองว่ามันคุ้มค่า

สิ่งที่เราได้ทราบมาคือโมเดลที่เกี่ยวกับคริปโต ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อยู่ในวงการนี้ แต่ก็มองว่าเป็นโมเดลที่แปลก และมันอาจนำไปสู่การเปลี่ยนโมเดลธุรกิจภาพยนตร์ได้ ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อย

ในตอนนี้วงการหนังไทยจะมีข้อจำกัดเรื่องการซื้อขายหนัง ทีนี้การที่เราพัฒนาแพลตฟอร์มจนสามารถซื้อขายได้ด้วยคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งมันคือสกุลเงินดิจิตัล มันไร้ข้อจำกัด ทีนี้ข้อดีของมันก็คือว่าทั่วโลกสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มเราได้ เพียงแค่ผ่านคริปโตเคอร์เรนซี และเราก็จะเสนอสื่อหรือหนังที่เรามีไปสู่ต่างประเทศได้ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งสามารถรองรับได้ทุกภาษาทั่วโลก ทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มเราได้ง่ายมากๆ ทุกคนสามารถซื้อขายหนังเราโดยไม่ต้องมาแก้ปัญหาเรื่องการชำระเงิน

เหมือนไม่ต้องผ่านดิสทริบิวเตอร์รึเปล่า

ใช่ มันเป็นหนังเราเอง คุณเข้าถึงมันได้ง่าย ค่าธรรมเนียมก็ไม่แพง ซึ่งในตอนนี้กระแสคริปโตกำลังมาแรง หลากหลายธุรกิจในต่างประเทศก็เริ่มที่จะรับคริปโต ในไทยก็มีนะคะจ่ายค่าน้ำมัน บางธนาคารก็รับ และมองว่าในอนาคตถ้าเราอยากผลักดันอุตสาหกรรมหนังไทยไปสู่สากล สากลก็ต้องเข้าถึงอุตสาหกรรมหนังไทยได้ง่ายด้วย

นี่หรือเปล่าความหมายของการพาหนังไทยไปสู่สากลของคุณ เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้อุตสาหกรรมหนังประเทศอื่นเขากำลังพัฒนาวงการของเขาผ่านคริปโตหรือไม่ และมันอาจนำไปสู่การประเมินความสำเร็จในอีกรูปแบบหนึ่ง

ใช่ค่ะ มันก็เป็นอีกรูปแบบนึงที่เรามองว่ามันเป็นชอยส์ เป็นโอกาสที่ถ้าเราเอาแพล็ตฟอร์มหนังของเราผูกกับคริปโต ลองดูซิว่าการเข้าถึงมันเป็นอย่างไร เพราะต้องไม่ลืมว่าโลกมันพัฒนาไปเรื่อยๆ สกุลเงินดิจิตัลมันก็เดินทางของมันไปเรื่อยๆ และมันก็ไม่มีวันที่จะดับสูญ แล้วมันก็จะมีการพัฒนาต่อ จากคริปโตและอาจเป็นอย่างอื่นต่อที่เราปูพื้นฐานไป เรามองถึงอนาคตที่จะเป็น long term business มองว่ายังไงมันก็เข้าถึงง่าย คุ้มค่า และก็เชื่อว่าทุกคนทั้งในไทยและต่างชาติสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มต่างๆ พวกนี้ได้ง่ายขึ้น

การออกจากเซฟโซนมันหมายถึงการที่เราออกไปเจอโลกกว้าง และทั้งโลกก็จะมองเห็นเรา

กำลังมองว่ายังไงโลกก็จะไปสู่จุดนั้นอยู่แล้ว ถูกมั้ย?

ใช่ค่ะ เพราะว่าตอนนี้ก็มีข่าวซื้อขายบ้านด้วยคริปโต มันเริ่มมีสกุลเงินดิจิตัลเข้ามาในชีวิตประจำวันของเราทุกคนมากขึ้น เราอาจจะไม่ได้ใช้เอง แต่เราอาจจะเห็นเพื่อนใช้ อาจจะเห็นโฆษณา ก็เลยมองว่าอาจจะเป็นอีกทางเลือกนึงที่เราสามารถผลักดันและเดินทางไปสู่จุดนั้นได้ ก็อยากให้ติดตามกันต่อไป

อยากรู้มากว่ามันจะไปยังไงต่อไอ้โมเดลนี้ เพราะต้องยอมรับว่าวงการหนังไทยในตอนนี้อาจจะยังตามไม่ทัน

ใช่ โมเดลธุรกิจหนังไทยเราอาจจะยังอยู่ในกรอบเดิมๆ ที่มีกันมาอย่างช้านาน ทางเรามองว่าการเดินในกรอมเดิมมันผิดมั้ย ไม่นะคะ เพราะมันเปรียบเสมือนเซฟโซน แต่ทางค่ายเรามองว่าถ้าเราออกจากเซฟโซน มันเสี่ยงมั้ย? เสี่ยงนะ แต่ถามว่ามันคุ้มมั้ย? มันคุ้ม เพราะว่าการออกจากเซฟโซนมันหมายถึงการที่เราออกไปเจอโลกกว้าง และทั้งโลกก็จะมองเห็นเรา ถ้าเรายังอยู่ในเซฟโซนก็จะมีแต่คนในเซฟโซนนั้นแหละที่มองเห็น แต่แค่ก้าวออกมาอยู่ในโลกธุรกิจอื่นๆ ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมภาพยนตร์เท่านั้น แต่วงการอื่นก็จะมองเห็นเราด้วย ซึ่งก็มองว่าทางค่ายก็น่าจะต่อยอดไปในทิศทางอื่นๆ ได้อีก โดยที่ทุกคนจะมองเห็นว่าเราพร้อมจะพัฒนา ผลักดัน และก้าวหน้าต่อไปได้เรื่อยๆ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here