ฝันของคนทำ “พื้นที่ฉายหนังอิสระ” : รู้จัก “เมืองทองรามา” ภารกิจพาหนังหลากหลายสู่สายตาคนพะเยา

“เคยมีช่วงที่ต้องขับรถสามชั่วโมงนิดๆ เพื่อไปดูหนังที่เชียงใหม่ บางเรื่องดูจบแล้วต้องขับรถกลับมาพะเยาเลย เพราะมีสอนในตอนเช้า กลับถึงพะเยาเกือบตีหนึ่ง”

คือคำบอกเล่าของ ปวินท์ ระมิงค์วงศ์ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ที่หากฟังผิวเผินก็เหมือนการผจญภัยวัยหนุ่มสนุกสนานบันเทิงดี แต่เมื่อพิจารณาต่ออีกนิดอย่างถ้วนถี่ ประสบการณ์แบบนี้คงไม่น่าอภิรมย์เท่าไรนัก

โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนชอบดูหนัง และใฝ่ฝันเสมอว่า “หนังเรื่องนั้น” ควรจะได้มาฉายในโรงใกล้บ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้คุณไปพบพานชื่นชมมันได้ง่ายกว่านี้

เป็นความรู้สึกที่เต็มไปด้วยคำถามเช่นนี้นี่เองที่ทำให้ปวินท์ตัดสินใจกรุยหนทางใหม่สำหรับคนที่ชอบดูหนังแบบเดียวกันกับเขา และหลากพื้นที่หลายรูปแบบการจัดฉายจากมือของเขาก็กลายมาเป็นชีวิตชีวาของ “เมืองพะเยา” ที่เขาใช้ชีวิตอยู่

ปวินท์ ระมิงค์วงศ์

“เริ่มต้นจากการเป็นคนชอบดูหนัง ดูหนังได้ทุกประเภท ที่สำคัญคือชอบบรรยากาศการดูในโรง พอย้ายจากเชียงใหม่มาทำงานที่พะเยา (2552) พบว่าในเวลานั้นที่พะเยายังไม่มีโรงหนัง! ทุกสุดสัปดาห์หรือวันหยุดจะต้องขับรถกลับมาดูหนังที่เชียงใหม่เป็นกิจวัตร

แต่ในช่วงหลังๆ ผมเริ่มมาสนใจหนังสารคดี โดยมีจุดเริ่มต้นมาจาก Finding Vivian Maier และพอได้รู้จัก Documentary Club ที่นำหนังสารคดีมาฉายในโรง จำได้ดีเลยว่าตอนนั้นไม่พลาดเลย ได้ดูทุกเรื่องที่มาฉายที่เชียงใหม่ เราร้องไห้ หัวเราะ สะใจ ปลื้มปิติ แหกปากร้องเพลง กับหนังสารคดีหลายๆ เรื่องที่ได้ดู ความสนใจที่อยากจะนำหนังสารคดีมาฉายให้คนพะเยาได้มีโอกาสได้ดูบ้างก็เริ่มต้นขึ้น”

“การฉายหนังในช่วงแรกๆ เริ่มต้นจากการฉายลงบนจอโปรเจกเตอร์ขนาด 70 นิ้ว ที่แถมมากับเครื่องฉายโปรเจ็กเตอร์ที่ซื้อแบบผ่อน 0% ปูเสื่อนั่งดูกันบนลานหลังหอพักนิสิตในมหาลัย แต่ก็พบปัญหามากมายในเรื่องแสงและเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมที่เราไม่สามารถจัดการได้ ทำให้อรรถรสในการชมลดลง และเรื่องลิขสิทธิ์ในการฉายที่สำคัญไม่แพ้กัน

จากนั้นก็เริ่มหาพื้นที่ที่เหมาะสมและสามารถจัดฉายได้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงคอนเน็กชั่นหนังที่จะทำให้เราสามารถติดต่อมาฉายได้อย่างถูกต้อง”

“ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบดูหนังในโรง เลยพยายามหาพื้นที่ที่ให้บรรยากาศใกล้เคียงกับโรงที่สุด หรือพื้นที่ที่ผู้ชมสามารถมีสมาธิในการชมได้อย่างเต็มที่ เคยลองฉายในพื้นที่ปิด แกลเลอรี่ส่วนตัว ดาดฟ้าอาคาร กลางลานวัด กลางทุ่งนา แต่ละสถานที่เหมาะกับประเภทหนังที่เลือกมาฉายต่างกัน

เราพบว่าหนังสารคดีควรฉายในสถานที่ปิด ส่วนกลางลานหรือพื้นที่สาธารณะที่ค่อนข้างมีคนพลุกพล่านก็ควรฉายหนังประเภท Action / Comedy เราพบว่าบรรยากาศของสถานที่มีผลต่อการชมพอสมควร”

“สำหรับคนที่สนใจอยากลองจัดฉายหนังบ้าง ผมคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดคือการเริ่มต้น พอได้เริ่มฉายเราจะได้เห็นหลายองค์ประกอบ (ตามที่เล่ามาข้างต้น) เราได้เห็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นแสงเสียง แมลง สภาพอากาศ ที่รบกวนเวลาฉาย ซึ่งในแต่ละสถานที่ก็จะเจอปัญหาต่างกัน อย่างที่เคยฉายบนดาดฟ้าแกลเลอรี่ซึ่งทุกอย่างลงตัวมากๆ แต่ก็จะมีปัญหาเรื่องเสียงที่ไปรบกวนเพื่อนบ้าน

ถ้าใครคิดอยากลองเริ่มจัดกิจกรรมฉายหนัง ถ้ามีอุปกรณ์พร้อมแล้ว แนะนำให้ลองเริ่มฉายดูกันเองก่อนที่จะจัดฉายแบบสาธารณะ”

“ถามถึงในแง่รายได้ ตั้งแต่ทำมาผมยังไม่เคยคาดหวังเลยครับ ทั้งซีนสเปซศิลปะและฉายหนัง อาจเป็นเพราะมีงานประจำอยู่แล้ว ข้อนี้สำคัญมากๆ ผมเคยลองทำโดยตั้งเป้าไปที่รายได้ เคยมีแผนอยากจะทำสเปซแบบนี้เป็นธุรกิจ แต่สุดท้ายสะดุดที่ cash flow ที่ไม่สามารถจะไปต่อได้

พะเยาเป็นจังหวัดเล็ก กลุ่มเป้าหมายยังไม่มากพอจะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้จริงๆ ผลสุดท้ายกลายเป็นว่าเราไม่สนุกกับมัน เครียด ครั้งนั้นทำให้หยุดทำไปหลายเดือนเลย หลังจากนั้นผมก็เลยพยายามคิดว่าต้องค่อยๆ สร้างกลุ่มคนที่สนใจจริงๆ ในด้านนี้ในจังหวัดให้ใหญ่ขึ้นก่อน

สิ่งที่หนักใจที่สุดคือ หลายๆ คนคิดว่าเรารวย 5555555 จัดงานกี่ครั้งๆ ก็เจ๊ง แต่ก็ยังจัดอยู่เรื่อยๆ”

“จากที่ได้ทำ ส่วนที่ประทับใจมากๆ คือการที่มีผู้ชมมาร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยหลังจากดูหนังจบ มันทำให้เราได้เห็นว่าหนังสามารถไปไกลกว่าการให้ความบันเทิง เราได้เห็นความคิดหลากหลายที่เกิดจากการได้ดูหนัง

อีกโมเมนต์ที่คิดแล้วยังขนลุกไม่หาย คือมีคนปรบมือในช่วง end credit มันฟินมากๆ ที่มีน้องๆ หลายคนเดินมาขอบคุณที่เราฉายหนังเรื่องนี้ที่พะเยา

บางเรื่องบางรอบที่มีผู้ชมซื้อตั๋วแค่ 2 ใบ แต่พอได้พูดคุยกันหลังดูหนังจบ บทสนทนาที่ได้กลับสร้างแรงบันดาลใจ จุดไฟให้เราอยากทำมันต่อไปอีกเรื่อยๆ อยากพัฒนาซีนนี้ให้ดีขึ้น อยากให้สเปซสามารถเปิดรับผู้ชมที่หลากหลายมากขึ้น จนล่าสุดอยากลองทำ Screening space เล็กๆ ตามรอย Doc Club & Pub. ที่พะเยาบ้าง”

“ผมอยากให้มีซีนแบบนี้ในทุกๆ พื้นที่ ทุกวันนี้พอมองย้อนกลับไปถึงช่วงที่ต้องขับรถสามชั่วโมงนิดๆ เพื่อไปดูหนังที่เชียงใหม่ บางเรื่องดูจบแล้วต้องขับรถกลับมาพะเยาเลย เพราะมีสอนในตอนเช้า กลับถึงพะเยาเกือบตีหนึ่ง ก็ยังคงรู้สึกดีที่ในตอนนี้ได้มีโอกาสได้จัดฉายหนังบางเรื่องที่พะเยา แต่ก็แอบคิดว่าทำไมตอนนั้นเราต้องยอมลำบากขนาดนั้นเพื่อที่จะได้ดูหนังดีๆ ซักเรื่องนึง

แอบหวังไว้ว่าโรงที่พะเยา หรือหน่วยงานภาครัฐจะเปิดโอกาสให้เราได้จัดกิจกรรมฉายหนังนอกกระแสที่พะเยาบ้าง เพราะด้วยข้อจำกัดด้านระบบในการฉาย ทำให้หนังหลายๆ เรื่องถูกจำกัดให้ฉายได้เฉพาะในโรงเท่านั้น ถ้าได้รับการสนับสนุนบ้างไม่มากก็น้อย คนพะเยา เด็กๆ นักเรียน นักศึกษาก็จะได้มีโอกาสได้ดูหนังที่มีความหลากหลายมากกว่าที่เป็นอยู่”


ติดตามพวกเขาได้ที่ เมืองทองรามา และ 𝗔𝗥𝗧𝗖𝗔𝗗𝗘

ธิดา ผลิตผลการพิมพ์
อดีตบก. BIOSCOPE และผู้ก่อตั้ง Documentary Club

RELATED ARTICLES