18 Again : ใบหน้าที่ไม่สวยงามของ ‘ความรัก’ และรูปร่างที่อัปลักษณ์ของ ‘ครอบครัว’

“ถ้านี่เป็นการปิดฉากลงเหมือนตอนจบของหนัง ชีวิตของผมคงจบลงอย่างมีความสุขไปแล้ว …ทว่าความเป็นจริงนั้นกลับเต็มไปด้วยตอนจบแบบปลายเปิด การหักมุมสู่ความโชคร้ายจึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร และชีวิตก็คงต้องดำเนินต่อไปเช่นนั้น”

— นี่คือคำพูดปลงตกที่ตัวละครเอกจาก 18 Again (2020) เอ่ยขึ้นในซีเควนซ์เปิดเรื่องขณะที่เขากับคนรักกำลังตระกองกอดกันด้วยรอยยิ้มและหยาดน้ำตาท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง โดยที่อาจยังไม่มีใครคาดคิดว่า ‘ชีวิต’ จะโหดร้ายกับพวกเขาจนผู้ชมอย่างเราต้องน้ำหูน้ำตาไหลกันถ้วนหน้าในตอนถัดๆ มา

ซีรีส์สัญชาติเกาหลีใต้เรื่องนี้ -ที่ดัดแปลงจากหนังรอมคอมอเมริกันอย่าง 17 Again (2009, กำกับโดย เบอร์ สเตียร์ส และนำแสดงโดย แซ็ก เอฟรอน) และถูกขยายต่อยอดจนมีความยาวถึง 16 ตอนได้อย่างน่าอัศจรรย์- เล่าถึงชายอายุ 37 อย่าง ฮงแดยอง ที่จู่ๆ ก็ได้รับโอกาสให้ ‘ย้อนวัย’ กลับไปเป็นตัวเองตอนอายุ 18 ที่ยังหล่อเหลาหนุ่มแน่นอีกครั้ง เพื่อหาหนทางกอบกู้ชีวิตที่กำลังดิ่งลงเหว เขา-ในคราบของ โกอูยอง เด็กนักเรียนมัธยมปลายหน้าใสที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่-จึงต้องรับมือกับโลกและคนรอบข้าง โดยเฉพาะกับครอบครัวที่ ‘ต่อไม่ติด’ กันมานาน ทั้งภรรยาที่ต้องการจะหย่าให้เร็วที่สุด และลูกสาว/ลูกชายวัยรุ่นที่ไม่ได้รู้สึกสนิทใจกับ ‘พ่อ’ อย่างเขาอีกต่อไป

เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อน ตอนที่ฮงแดยอง (รับบทวัยหนุ่มและวัยผู้ใหญ่โดย อีโดฮยอน และ ยุนซังฮยอน) ยังมีสถานะเป็นนักบาสเกตบอลหนุ่มสุดฮ็อตประจำโรงเรียน ชีวิตของเขาเกือบจะประสบความสำเร็จในฐานะว่าที่นักศึกษาทุนนักกีฬาของมหาวิทยาลัยชั้นนำ ทว่าชะตากรรมก็กลับต้องพลิกผัน เมื่อ จองดาจอง (รับบทวัยสาวและวัยผู้ใหญ่โดย ฮันโซอึน และ คิมฮานึล) แฟนสาวร่วมชั้นบอกกับเขาว่า ‘เธอกำลังตั้งครรภ์’ ทั้งสองจึงต้องยุติความฝันของตน-ทั้งการเป็นนักกีฬาอาชีพของฝ่ายชายและการเป็นผู้ประกาศข่าวของฝ่ายหญิง-รวมถึงชะลอการเรียนต่อมหาวิทยาลัยเอาไว้ก่อน เพื่อออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงดูส่งเสียลูกแฝดชายหญิง และใช้ชีวิตเป็น ‘พ่อแม่’ อยู่เช่นนั้นอีกเกือบตลอดสองทศวรรษถัดมา

อันที่จริง ความสัมพันธ์ระหว่างฮงแดยองกับจองดาจองในช่วงแรกเริ่มนั้นเคยดำเนินมาอย่างสมบูรณ์แบบและสวยสดงดงามตามสูตรสำเร็จ ทั้งคู่ปิ๊งกันขณะที่ฝ่ายชายพุ่งตัวเข้ามาช่วยดึงฝ่ายหญิงให้รอดพ้นจากการโดนรถเฉี่ยวชนบริเวณทางแยก, ลอบส่งสายตาหวานหยดในชั้นเรียนและคอยกางร่มให้กันในวันฝนตก, สารภาพรักกันทั้งกลางสนามบาสเก็ตบอลและกลางคอนเสิร์ตงานโรงเรียน, คบหาดูแลกันในฐานะคู่รักที่ใครหลายคนต้องอิจฉา กระทั่งสัญญาว่าจะจับมือเคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า

จนวันที่หญิงคนรักตัดสินใจเดินมาเปิดเผยเรื่อง ‘ลูก’ กับเขาก่อนการแข่งขันนัดสำคัญนั่นเอง ที่ทำให้ ‘ความสวยงาม’ ของความรักค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็น ‘ความอัปลักษณ์’ เมื่อเวลาล่วงผ่านไปปีแล้วปีเล่า

จองดาจองสะสมความผิดหวังที่มีต่อสามีเรื่อยมา นับตั้งแต่ตอนที่เขาเสนอทางเลือกให้เธอทำแท้งเพื่อให้ชีวิตวัยรุ่นของทั้งคู่กลับคืนสู่สภาวะปกติ, ตอนที่เขาเริ่มเอาแต่นั่งดื่มเหล้าทุกค่ำคืน จนกลายสภาพเป็น ‘คนขี้เมา’ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ การงาน และมิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมรุ่น, มาจนถึงตอนที่เขามองเห็นแต่ความทุกข์ของตนและมักเอาความหงุดหงิดนั้นมาลงกับคนในครอบครัว จนภรรยาอย่างเธอแทบจะเป็นเพียงคนเดียวที่คอยใส่ใจดูแลลูกๆ

ขณะที่ฮงแดยองเองก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในชะตาชีวิตถัดจากนั้น เพราะเขาต้องแบกรับความรู้สึกผิดที่เคยอยากให้ภรรยาทำแท้ง, ต้องยอมทิ้งโอกาสในการกลับไปเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลอีกหน เนื่องด้วยต้องเอาเวลาไปทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหาเงินมารักษาลูกที่ป่วยเรื้อรัง จนตัวเองต้องหันไปพึ่งเหล้า, และต้องอดทนกับการถูกกดขี่ในฐานะช่างซ่อมเครื่องซักผ้าต๊อกต๋อยมาเป็นสิบปี เพียงเพื่อรอให้เด็กใหม่ที่มีเส้นสายดีกว่าได้รับการโปรโมตเลื่อนขั้นแทนเขา

ใบหน้าที่ไม่สวยงามของความรักที่ฮงแดยองและจองดาจองมองเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนทั้งคู่ในวัยร่วงโรยรู้สึก ’หมดใจ’ และใช้เวลาที่เหลือวันแล้ววันเล่าไปกับการพยายามหลบลี้หนีห่างจากด้านที่อัปลักษณ์ของชีวิตนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขามองไม่เห็นถึงความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงภายใต้ใบหน้าที่เย็นชาหรือโกรธขึ้งของ ‘คนข้างกาย’ อยู่บ่อยครั้ง

และเมื่อ ‘ความรัก’ ของทั้งคู่แห้งผากทรุดโทรมจนแทบไม่เหลือสิ่งใดให้อยากเชยชมเหมือนสมัยหนุ่มสาว ‘ครอบครัว’ ที่พวกเขาร่วมสร้างกันมาด้วยความหวังล้มๆ แล้งๆ ว่ามันจะสวยงามเฉกเช่นเดียวกับความรักในช่วงแรกเริ่มนั้น จึงแปรผันไปสู่รูปร่างที่อัปลักษณ์ไม่ต่างกัน 

สถานะ ‘การเป็นพ่อคนแม่คน’ ของฮงแดยองและจองดาจองเคยเริ่มต้นด้วยความน่าซาบซึ้งใจ เพราะในตอนนั้น ถึงแม้ฝ่ายชายจะผลุนผลันเสนอให้ฝ่ายหญิงทำแท้ง แต่สุดท้าย เมื่อหัวใจของลูกแฝดในท้องของคนรักทำท่าว่าจะหยุดเต้นไปเสียก่อน เขาก็พบว่าไม่มีใครในชีวิตที่สำคัญกับเขามากไปกว่าภรรยาและลูกๆ อีกแล้ว ซึ่งเหตุการณ์การดังกล่าวทำให้ผัวหนุ่มเมียสาวคู่นี้ช่วยกันประคบประหงมลูกแฝดอย่างดีที่สุด โดยยอมเสียสละทั้งวิถีชีวิตและความฝันส่วนตัวเพื่อให้ครอบครัวของพวกเขาได้มีความสุข

ทว่าในตอนนี้ หลังจากที่ลูกสาว-ลูกชายเติบใหญ่เป็นวัยรุ่นมัธยมปลาย ภาพ ‘ครอบครัวแสนสุข’ ก็ดูจะไม่เป็นไปตามที่คาด เพราะนอกจากลูกๆ จะทำตัวเหินห่างและปฏิเสธที่จะแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตของตนให้พ่อแม่อย่างพวกเขาฟังแล้ว ฮงแดยองและจองดาจองเองก็แทบจะเลิกใส่ใจความรู้สึกของกันและกันไปโดยปริยาย กล่าวคือฝ่ายชายเลือกที่จะหลบหนีชีวิตประจำวันสุดเส็งเคร็งของเขาด้วยการนั่งกินเหล้าดูเบสบอลให้เมาหลับ ส่วนฝ่ายหญิงก็หันไปทุ่มเทกับความฝันในการเป็นผู้ประกาศของเธออีกครั้ง แม้อายุอานามจะไม่เอื้อต่อการก้าวเข้าสู่วงการข่าวอีกแล้วก็ตาม — ซ้ำร้าย ความสัมพันธ์อันตะกุกตะกักระหว่างฮงแดยองกับพ่อ (ที่เคยไล่เขาออกจากบ้านหลังรู้ว่าลูกชายทำลูกสาวคนอื่นท้อง) และแม่ยาย (ที่เคยทำเหมือนไม่พอใจที่ได้คนอย่างเขามาเป็นลูกเขย) ก็ดูจะยังคงย่ำอยู่กับที่

‘ครอบครัว’ ของพวกเขาจึงดูคล้ายกับ ‘ร่างกาย’ ที่ปราศจากการดูแลเอาใจใส่ จนทรุดโทรมลงอย่างแสนอัปลักษณ์ และรอเพียงเวลาที่จะแตกดับในอีกไม่ช้าไม่นาน

ฉะนั้น การที่ฮงแดยองได้รับปาฏิหาริย์ในการย้อนวัยกลายเป็นเด็กหนุ่มอายุ 18 อีกครั้ง และได้กลับเข้าไปมีบทบาทอยู่ในชีวิตของลูกๆ, ภรรยา, หรือแม้แต่พ่อกับแม่ยาย ในฐานะของ ‘เพื่อนร่วมชั้น’ หรือ ‘เพื่อนลูก/เพื่อนหลาน’ จึงเหมือนกับเป็นโอกาสครั้งใหม่ที่ทำให้เขาได้ค่อยๆ กลับมาทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาเคยมองข้ามไปตลอดชีวิตการเป็น ‘คนรัก’ และ ‘คนในครอบครัว’

ได้มองเห็นว่า เหตุใดภรรยาถึง ‘หมดใจ’ กับเขา, ได้มองเห็นว่า ทำไมลูกๆ ถึงไม่กล้าเล่าปัญหาของตนให้เขาฟัง, ได้มองเห็นว่า แท้จริงแล้ว พ่อกับแม่ยายรักเขา-และครอบครัว-มากแค่ไหน, และได้มองเห็นว่า ความบกพร่องผิดพลาดของเขาที่ทำให้สมาชิกในบ้านต้องเอือมระอามากขึ้นทุกวันคืออะไร

ขณะที่ผู้ชมอย่างเราก็ได้มองเห็น ‘ใบหน้าที่ไม่สวยงามของความรัก’ และ ‘รูปร่างที่อัปลักษณ์ของครอบครัว’ ในอีกมุมหนึ่ง ว่าสิ่งเหล่านี้คือ ‘ความจริงแท้ของชีวิต’ ที่ถึงอย่างไรก็ต้องเผยตัวหรือส่งผลกระทบกับชีวิตของเราเข้าสักวัน และหลายครั้ง มันก็เป็นความผุพังทรุดโทรมของ ‘ความรัก’ และ ‘ครอบครัว’ ที่เกิดจากการกระทำอันไม่ใส่ใจ ‘คนอื่น’ ของตัวเรานั่นเอง ไม่ว่าเราจะมีสถานะเป็นลูกหลาน, เป็นพ่อแม่ หรือเป็นปู่ย่าตายายก็ตาม

ตัวตนและชีวิตของเราทุกคนล้วนมีด้านที่ไม่สวยงามให้ต้องพบเจออยู่เสมอ แต่คำถามก็คือ เมื่อไหร่เราจะยอมพินิจพิจารณาถึงความอัปลักษณ์ในความสัมพันธ์เหล่านั้น แล้วฟื้นฟูเยียวยาใบหน้าและรูปร่างของพวกมันให้กลับมางดงามเสียที

หรือถึงที่สุดแล้ว, มนุษย์เราจะสามารถเรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมกับความอัปลักษณ์-ที่อาจไม่มีโอกาสหวนกลับไปกอบกู้ได้แบบฮงแดยอง-ทั้งของตัวเองและคนรอบข้างอย่างรู้เท่าทันได้หรือไม่ ก่อนที่เวลาชีวิตจะสิ้นสุดลง

— ทั้งหมดนี้อาจเป็นสิ่งที่ซีรีส์ 18 Again ต้องการให้เราตระหนักถึงอยู่ทุกขณะจิตก็เป็นได้

ธีพิสิฐ มหานีรานนท์
นักเขียนอิสระ, อดีตบรรณาธิการนิตยสารหนัง BIOSCOPE, นักแสดง GAY OK BANGKOK และแฟนซีรีส์วาย

LATEST REVIEWS