MIDNIGHT CINEMA 10 – Dashcam คืนผีคลั่ง

(2021, Rob Savage)

เราอาจจะเรียกเธอว่า Rapper ก็ได้ แต่กล่าวให้ถูกต้องคือ Annie เธอเป็น vlogger ที่มีผู้ติดตามอยู่ไม่น้อย ไลฟ์ (live) ของเธอคือการขับรถไปตามถนน เปิดบีตและเริ่มแร็ปจากสิ่งที่อยู่รอบตัว แร็ปจากคอมเมนต์ของผู้ชมที่เข้ามาดูเธอ เธอขับรถไปเรื่อย ก่นด่าไปเรื่อย และบรรดาผู้ชมของเธอก็ร่วมกันก่นด่าไปกับเธอ 

แต่เธอไม่ใช่นักวิจารณ์สังคมที่เข้มข้นหรือแข็งกร้าว เธอเป็นอะไรที่อยู่ระหว่างพวกฝ่ายขวาโปรทรัมป์ พวกต่อต้านการสวมหน้ากาก กับพวกเกรียนที่เข้าไปแกล้งคนอื่นเล่นอย่างบ้าระห่ำและไม่สนใจความถูกต้องทางการเมืองหรือทางศีลธรรมใดๆ ทั้งสิ้น 

หลังจากความเกรียนของเธอทำให้เธอต้องโดนไล่ออกจากบ้าน เธอตัดสินใจบินไปอังกฤษ เพื่อไปหา Stretch อดีตเพื่อนร่วมวงดนตรีที่ตอนนี้ทำงานเป็นคนส่งอาหารผ่านแอปและอาศัยอยู่กับแฟนสาว เธอบุกเข้าไปในบ้านเขากลางดึก แกล้งเขาแรงๆ ทั้งที่เขาหลับอยู่ เขาดีใจที่เธอมาแต่แฟนสาวของเขานั้นตรงกันข้าม ขณะที่เธอยังคงเล่นไม่เลิกเหมือนเด็กไม่รู้จักโต เกรียนกร่างใส่เจ้าของบ้านที่เป็นเสรีนิยม ไลฟ์ไปด้วยเพื่อให้ผู้ชมของเธอได้เห็นเหตุการณ์ จนเมื่อเธอตามไปป่วนงานส่งอาหารของ Stretch ด้วยการอ้างสิทธิ์ที่จะไม่สวมหน้ากากเข้าร้านอาหาร แถมยังตะโกนด่าพ่อล่อแม่เจ้าของร้านที่ Stretch ต้องไปรับออเดอร์ ก่อนจะพบว่าแฟนของเขาเกลียดอนุรักษนิยมขวาจัดอย่างเธอ ระหว่างที่คู่รักทะเลาะกันวิธีที่เธอสำนึกผิดคือหนีออกมา ขโมยรถกับโทรศัพท์ของเพื่อนและไปรับงานแทน และแม้จะสร้างความพินาศให้ทั้งกับการงานและครอบครัวของมิตรสหายก็ตามเธอก็ยังทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆ เหมือนคนที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น

งานที่เธอกดรับคือการไปรับของจากร้านอาหารไปส่ง หากของที่ต้องรับไปไม่ใช่อาหารแต่เป็นหญิงชราคนหนึ่ง เธอดูซูบเซียวป่วยไข้ ร่างกายสั่นเทิ้ม พูดจาไม่รู้เรื่อง ผู้ว่าจ้างเสนอเงินพิเศษให้ Annie พอเธอรับหญิงชราขึ้นมาบนรถ หล่อนก็ปล่อยของเสียออกมา ร้องอือๆ อาๆ จู่ๆ ก็หายตัวไป ไปยืนบนต้นไม้ แล้วจู่ๆ ก็โผล่ในรถ ปากของหญิงชราถูกเย็บไว้ พอแกะออกเธอก็เริ่มกิน! Stretch ตามมาทวงรถคืนโดยดูจากไลฟ์ของเธอ สองสหายจึงต้องหนีตายไปด้วยกันตลอดคืน

นี่คือหนังสยองขวัญเรื่องใหม่ของ Rob Savage ที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากหนัง ‘Host คืนซูมผี’ ที่ออกฉายในปีที่แล้ว Host เล่าเรื่องของกลุ่มเพื่อนที่นัดซูม (Zoom) เพื่อเข้าร่วมพิธีกรรมเรียกวิญญาณในช่วงกักตัวหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และนำมาซึ่งความสยองขวัญแบบเคาะประตูบ้านใครบ้านมัน ในหนังเรื่องนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้กำกับเลือกใช้ข้อจำกัดนั้นมาขยายผลอย่างน่าทึ่ง และล้อเล่นกับลูกเล่นของซูม ตั้งแต่การใช้ filter การเปลี่ยน Background สัญญาณเสถียรบ้างไม่เสถียรบ้าง ทุกอย่างถูกนำมาใช้เป็นมุกหลอกผีอย่างชาญฉลาด ตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมง ผู้ชมถูกตรึงเหนียวแน่นอยู่หน้าจอ และมองดูสมาชิกชาวซูมแต่ละรายถูกหลอกหลอนอย่างน่าขนหัวลุก

เราอาจมองได้ว่า Dashcam เป็นภาคต่อกลายๆ ของ Host แม้เรื่องจะไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเรื่องเกิดขึ้นในช่วงระบาดใหญ่ของโควิด บันทึกช่วงเวลาของฝ่ายอนุรักษนิยมที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน หรือการสวมหน้ากากอนามัย ในขณะเดียวกัน เขายังสำรวจตรวจสอบเครื่องมือใหม่ๆ และนำมันมาใช้เป็นลูกเล่นหลักของหนังสยองขวัญ ซึ่งมักจะเป็นหนังตระกูลแรกๆ ที่เข้าไปสำรวจความวิตกกังวลของสังคมต่อสิ่งใหม่ที่ยังแปลกหน้า ความกลัวที่ฝังลึกอยู่โดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ หนังสยองขวัญเคยเข้าไปสำรวจความหวาดกลัวภัยคอมมิวนิสต์ อาวุธชีวภาพ โลกหลังสงคราม การล่มสลาย ไปจนถึงผีของฝ่ายซ้าย-ฝ่ายขวา และแน่นอนที่สุดคือภัยเทคโนโลยี จากสารเคมีไปสู่หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์และการสอดส่องของรัฐ หนังสยองขวัญมักเป็นแนวหน้าในการเข้าไปสำรวจ ตั้งข้อสังเกต และนำสิ่งเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องสร้างความบันเทิง 

คราวนี้คือกล้อง Dashcam กล้องติดรถยนต์และกล้องโทรศัพท์ที่ Annie เอามาไลฟ์กับแฟนๆ ของเธอ หนังเล่นสนุกกับกล้องและกับการไลฟ์สดของตัวละคร และทำให้หนังกลายเป็นหนังที่ถ่ายจากหน้าจอของไลฟ์ทั้งเรื่องแบบเดียวกันกับ Host เทคโนโลยีกลายเป็นตัวกำหนดพล็อต ในทำนองเดียวกันกับ Found Footage Horror ผู้ชมจะได้เห็นเท่าที่ศักยภาพของกล้องจะให้เห็น หากผู้ชม Dashcam นั้น exclusive กว่าผู้ชมไลฟ์ของ แอนนี่ เพราะเราได้เห็นภาพจากกล้องในส่วนที่ไลฟ์ไม่ติดเพราะสัญญาณเน็ตใดๆ ไปด้วย 

หนังเลยพูดเรื่องสังคมที่การสอดส่องกลายเป็นความบันเทิง มีคนที่ยอมให้คนอื่นสอดส่องชีวิตและใช้มันในการหารายได้ จากเจ้าหน้าที่รัฐไร้ตัวตนหลังกล้องวงจรปิด บรรดาผู้ชมได้เปิดเผยตัวเองผ่านคอมเมนต์ นอกเหนือจากการถ้ำมองเข้ายังสนับสนุน ต่อต้าน วิพากษ์วิจารณ์ หรือมอบสติกเกอร์/เงิน เป็นกำลังใจให้ตัวละคร/คนที่เขาสอดส่องได้ด้วย ทุกที่กลายเป็นเวทีละคร และชีวิตกลายเป็นการแสดงร้อยเปอร์เซนต์ ทั้งเพื่อเอาอกเอาใจหรือเกรียนโชว์ สัญญาณเน็ตที่ไม่เสถียรกลายมาเป็นข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูล ผู้ชมของ Annie จึงพากันตื่นตะลึงที่จู่ๆ Annie ก็มาในสภาพหนีตาย หรือการที่ผู้ชมไม่ได้เห็นผียายแก่แบบจะๆ เพราะช่วงเผชิญหน้าสัญญาณมักจะขาด

เราไม่อาจรู้ว่าการกระทำแบบ Annie ตัวละครหลักของเรื่องเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง หรือเป็น ‘สันดาน’ เสียๆ ของเธอเอง นี่คือหนังที่ตัวละครหลักเป็นคนไร้สติ ขาดความรับผิดชอบ เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้อง ไม่สนใจและไม่เคารพสิทธิ์คนอื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการให้คนอื่นเคารพตัวเอง ความบ้าคลั่งแบบเด็กเอาแต่ใจของ Annie ไม่ได้เป็นเพียงคุณลักษณะเฉพาะของตัวละคร แต่ยังทำหน้าที่ทางการเมืองในการเป็นภาพแทนบรรดาฝ่ายขวาจัดในอเมริกาที่อ้างทุกอย่างจากรัฐธรรมนูญไปยันไบเบิ้ลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตัวเอง

หากสิ่งที่น่าสนใจและทำให้ชอบหนังมากๆ คือภายใต้ตัวละครที่มีความเป็นการเมืองมากๆ หนังกลับทำตัวแตกต่างกับหนังสยองขวัญเสียดสีการเมืองจำนวนมากที่พยายามจะให้ขนบของหนังสยองขวัญเพื่อรองรับการวิพากษ์ทางการเมืองของตน หนังแบบ Us หรือ Get Out ของ Jordan Peele หรือแม้แต่ Halloween ฉบับ David Gordon Green ไปจนถึงหนังซอมบี้ตลกหลายๆ เรื่องที่อาศัย stereotype ของตัวละครมาเล่าเรื่องการเมือง และอาศัยโลกหลังซอมบี้มาฉายภาพการถูกควบคุมโดยรัฐเผด็จการ ปัญหาหนึ่งของหนังตระกูลนี้คือเมื่อหนังสยองขวัญถูกทำให้เป็นเพียงภาพแทนทางการเมือง หนังก็หันไปรับใช้ประเด็นมากกว่ารับใช้ขนบ เราจึงได้หนังเสียดสีการเมืองที่อาจจะพอใช้ได้แต่ไม่ค่อยสนุกในแง่หนังสยองขวัญ และบ่อยครั้งความเป็นการเมืองของมันไม่ได้มีอะไรใหม่ นอกจากการล่อคนน่าตายมาตายให้เราสาแก่ใจในความตายของคนเหล่านั้น 

หาก Dashcam กลับไปหาอะไรพื้นฐานอย่างเช่นการเป็นหนังสยองขวัญหนังทำให้เราต้องเอาใจช่วยตัวละครที่เราอยากให้ตายเป็นตัวแรก ท่ามกลางความตาย ความบ้าคลั่งของสังคมพหุวัฒนธรรมที่ต้องฉิบหายเพราะความไร้สติของเธอ (Stretch รับบทโดยนักแสดงเชื้อสายอินเดีย Angela หญิงชราปีศาจรับบทโดยนักแสดงผิวดำ) ไอ้พวกขวาจัดสุดโต่งต่างหากที่รอดตาย แข็งแกร่งกว่าแมลงสาบ หนังไม่ยอมมอบบทเรียนสอนใจ แต่เดินหน้ามอบความสยองขวัญบ้าคลั่งให้แทน ตลอดทั้งเรื่องเราได้เห็น Annie หนีตายจากหญิงชราที่อันที่จริงคือหญิงสาววัยรุ่น การต่อสู้ของเธอไม่สนใจว่าใครจะเป็นจะตาย แต่เธอต้องรอด ความไร้เหตุผล ไร้ที่มาที่ไปของเหตุการณ์กลายเป็นความสยองขวัญสุดขีดเพราะผู้ชมก็ไม่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้นในคืนสยองขวัญนี้ และหนังไม่ยอมแม้แต่จะมอบบทเฉลยให้ในตอนจบ รสชาติของหนังจึงเป็นรสชาติของการดูคลิปผีที่ไร้คำอธิบาย เป็นความสยองขวัญเฉียบพลันที่ทำให้เราหลงทางทันที และเป็นปริศนาไปตลอดกาล

Filmsick
Filmvirus . เม่นวรรณกรรม . documentary club

LATEST REVIEWS